สิ่งที่หล่อหลอมให้เรากลายมาเป็นที่ดีได้ในปัจจุบันนี้เราเชื่อว่ามันมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ช่วยเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว สังคม และ สภาพแวดล้อมต่าง ๆ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรากลายเป็นคนที่กร้านโลก และ กล้าที่จะรับมือกับสิ่งต่าง ๆ นั้นก็คือสิ่งที่เรียกประสบการณ์ชีวิตนั่นเอง เพราะประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรานั้น ล้วนแล้วแต่สร้างสิ่งที่ดี และ ร้าย รวมถึงความเจ็บปวดให้เราไม่มากก็น้อย แต่ทว่าบางทีความเจ็บปวดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรานั้น มันก็เป็นความเจ็บปวดที่งดงาม และ ช่วยให้เราแข็งแกร่งพอจะก้าวเดินไปข้างหน้า และหนึ่งในความเจ็บปวดอันแสนงดงามที่หลาย ๆ คนอยากจะไปลองเผชิญดูสักครั้งนั่นก็คือความเจ็บปวดของรอยสัก
เราน่าจะพอทราบกันดีอยู่แล้วว่าสาเหตุที่ทำให้รอยสักต่าง ๆ นั้นสามารถที่จะติดคงทนถาวรอยู่บนร่างกายของเราได้นั้น มันก็มาจากการเอาเข็มที่จุ่มน้ำหมึกแทงเข้าไปยังผิวหนังของเรานั่นเอง และแน่นอนว่าเมื่อมันมีกระบวนการอย่างนี้เกิดขึ้นกับร่างกายที่มีเส้นประสาทอยู่ทั่ว สิ่งที่ตามมานั่นก็คือความเจ็บปวดอย่างแน่นอน และนั่นเองมันจึงทำให้หลาย ๆ คนที่คิดจะสักนั้นเริ่มตั้งคำถามว่า จุดสักบริเวณไหนที่เจ็บมากที่สุด จนทำให้ต้องแทบบ้า ขึ้นมาในหัว
เอาละก่อนที่จะไปเริ่มทราบว่าความเจ็บของรอยสักเป็นอย่างไร เราจะขอพาทุก ๆ คนมาเข้าใจกันก่อนว่า ความเจ็บปวดจากรอยสักนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ว่ายังไงก็ตามคุณก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้หากคุณคิดจะสัก และบางทีแล้วความเจ็บปวดของแต่ละตำแหน่งนั้นมันอาจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลอีกด้วย โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อเรื่องราวของความเจ็บปวดเหล่านั้นจะขึ้นอยู่กับ ความไวของผิวหนังแต่ละคน ซึ่งถ้ายิ่งผิวหนังของคุณมีความไวต่อการสัมผัสมากเท่าไหร่ ความเจ็บจากการสักก็จะยิ่งส่งผลต่อร่างกายของคุณมากขึ้นเท่านั้น และ ยิ่งใครมีผิวที่บางด้วยแล้ว เราขอแนะนำให้คุณเฉลี่ยเวลาในการสักให้น้อยที่สุด หรือ ถ้าต้องสักลายที่มีใหญ่แล้วละก็ คุณควรที่จะแบ่งเป็นส่วนสั้น ๆ หลาย ๆ ครั้งเพื่ออาการเจ็บที่คุณได้รับจะไม่ได้รุนแรงจนเกินไป
และอีกหนึ่งอย่างสำหรับคนที่ยังไม่เคยสักและอยากจะสักเป็นครั้งแรก เราอยากให้คุณลองคิดถึงความเจ็บที่คุณพอทนไหว ไม่ควรฝืนเพราะบางทีความเจ็บปวดที่ต่อเนื่องยาวนานอาจจะทำให้คุณเป็นลมหมดสติได้ ดังนั้นถ้าคุณรู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหวคุณควรจะบอกช่างสักให้พักเบรกก่อน หรือ ไม่ก็กลับมาทำต่อในวันอื่น แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้นเพราะว่าร่างกายของคุณเองก็จะมีกระบวนการตามธรรมชาติเพื่อป้องกันเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว โดยระหว่างที่คุณกำลังเจ็บปวดอยู่นั้นร่างกายของคุณจะหลั่งสารที่เรียกว่าเอ็นโดรฟินออกมาเพื่อทำให้ร่างกายของคุณรู้สึกมีความสุข ซึ่งอย่างน้อยมันก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้นั่นเอง
เอาละหลังจากที่เราพาคุณไปดูถึงที่มาของความเจ็บของรอยสักกันไปแล้ว ตอนนี้เราก็มาถึงตำแหน่งของรอยสัก ซึ่งมันค่อนข้างมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากต่อความรู้สึกเจ็บปวด เพราะว่าไม่ว่าจะเป็น เส้นประสาท , ต่อมต่าง ๆ , หลอดเลือดแดง และ ดำ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีผลต่อความเจ็บปวดในการสักทั้งสิ้น นั้นยังไม่รวมถึงช่วงข้อต่อที่มีกระดูกอยู่ใกล้ ๆ ผิว มันจะยิ่งส่งผลให้ความเจ็บปวดมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วไขมันส่วนเกินที่อยู่บริเวณกล้ามเนื้อเองก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ความเจ็บปวดน้อยลง เนื่องจากไขมันส่วนเกินนั้นจะเป็นตัวทำเกิดช่องว่างระหว่างเข็มกับกระดูกและทำให้เข็มไปโดนเส้นประสาทเราน้อยลง เอาละ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะมาดูกันแล้วว่าส่วนไหนบ้างที่จะสร้างความเจ็บปวดมาก และ น้อยที่สุดกันบ้าง
โดยความเจ็บของรอยสักตำแหน่งแรกที่เราจะมากันนั่นก็คือ ตำแหน่งบริเวณเท้า หรือ ข้อเท้า โดยตำแหน่งนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่หลาย ๆ คนมักจะนึกถึงกัน เพราะว่ามันเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างง่ายถ้าหากคุณอยากจะปกปิดรอยสักเอาไว้สำหรับบางที่ซึ่งเคร่งกฎในการทำงาน แต่ทว่าตำแหน่งนี้นั้นมันกลับกลายเป็นตำแหน่งที่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้คุณได้แบบสุด ๆ เพราะว่าตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่กระดูกนั้นจะมีส่วนพอดีกับผิวหนัง และนั่นเองจึงทำให้หลาย ๆ คนตัดสินใจสักบริเวณตรงนี้เป็นรอยสักเล็ก ๆ บริเวณนี้กันซะส่วนใหญ่ ซึ่งการสักที่มีขนาดเล็กเหล่านี้นี่แหละที่มันเป็นการช่วยย่นระยะเวลาความเจ็บให้จบเร็วขึ้น
ความเจ็บของรอยสักตำแหน่งต่อมาที่เราจะพูดถึงกันนั่นก็คือ บริเวณข้อมือ ซึ่งจุดนี้ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้เราได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะว่าบริเวณนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบริเวณที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และ ยังมีส่วนของชั้นไขมันค่อนข้างน้อยมากเนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณนี้ถูกออกแบบมาให้ป้องกันกระดูกนั่นเอง แถมบริเวณนี้ยังเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีหลอดเลือดแดง และ หลอดเลือดดำอยู่บริเวณข้อมือด้านใน จึงทำให้จุดสักบริเวณนี้คนส่วนใหญ่มักจะนิยมสักเป็นรอยสักเล็ก ๆ เนื่องจากความเจ็บปวด และ การที่มันมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด แต่ถึงแบบนั้นแล้ว จุดสักบริเวณนี้ก็ยังเป็นอีกหนึ่งจุดสักยอดนิยมของร่างกายอีกด้วย
ความเจ็บของรอยสักตำแหน่งต่อมาที่เราจะพูดถึงกันนั่นก็คือ บริเวณสันอก หรือ ซี่โครง โดยตำแหน่งนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่สามารถเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับทั้งผู้ชาย และ ผู้หญิงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่ทว่าตำแหน่งนี้ก็ยังถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่ค่อนข้างเจ็บปวดเอามาก ๆ สำหรับการสัก นั่นก็เพราะว่าตำแหน่งนี้มีความบางของผิวหนัง อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นส่วนที่อยู่ใกล้กันชั้นผิวค่อนข้างมาก นอกจากนั้นบริเวณหน้าอก และ ซี่โครง ยังเป็นจุดที่มีการขยับเคลื่อนไหวในขณะที่เราหายใจ รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ จึงทำให้ตำแหน่งนี้กลายเป็นอีกตำแหน่งที่มีความเจ็บปวดแบบ
สุด ๆ แต่ถึงจะมีความเจ็บปวดขนาดไหนก็ตาม คนส่วนใหญ่ก็มันจะสักบริเวณตำแหน่งนี้ให้มีขนาดใหญ่ เพราะนั้นมันเป็นการเพิ่มแรงดึงดูดทางเพศได้เป็นอย่างดี และจากคำบอกเล่าของคนส่วนใหญ่ที่สักบริเวณมักจะพูดเหมือนกันว่า ความเจ็บของรอยสักบริเวณนี้เหมือนกับการเอามีดมากรีดผิวหนังยังไง ยังงั้นเลยทีเดียว
ความเจ็บของรอยสักตำแหน่งต่อมาที่เราจะพูดถึงกันนั่นก็คือ นิ้วมือ และ มือ โดยผิวหนังบริเวณนี้บริเวณนี้ถือได้ว่าเป็นส่วนที่ค่อนข้างอ่อนไหวมากเป็นพิเศษเพราะว่ามันมีความบาง และ อ่อนไหว แถมส่วนนี้ยังเป็นบริเวณที่ติดกับกระดูก และ เต็มไปด้วยเส้นเอ็นต่าง ๆ ค่อนข้างมาก และนั่นจึงทำให้การทำให้บริเวณนี้มีลวดลายดูสวยงามนั้นค่อนข้างยากเลยทีเดียว นอกจากความยากแล้วส่วน ๆ นี้ยังเป็นอีกส่วนที่บอกเลยว่าเจ็บแบบสุด ๆ ซึ่งมันเจ็บเสียจนชนิดที่ว่า ใครกำลังคิดจะสักส่วนนี้ เราอยากให้คุณลองคิดซะใหม่เลยทีเดียว
อีกหนึ่งสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่คุณต้องทำใจนั่นก็คือ หมึกสักส่วนใหญ่นั้นจะไม่ค่อยติดกับผิวหนังบริเวณ มือ และ ผิวของนิ้ว และนั่นเองจึงทำให้ใครที่อยากมีรอยสักเด่นชัดตรงนี้คุณต้องมาย้ำลายบ่อย ๆ และนั่นมันก็หมายถึงความเจ็บปวดที่คุณจะได้รับก็ต้องบ่อยตามเช่นกัน แถมบริเวณนี้ยังมีจุดที่ได้ชื่อว่ามันสร้างความเจ็บปวดให้ร่างกายมากที่สุดจุดหนึ่ง โดยจุดนั้นก็คือบริเวณปลายนิ้ว เพราะว่าจุดนี้นั้นเป็นจุดที่รวมปลายประสาทของการรับรู้เอาไว้ แต่ก็โชคยังดีที่จุดสักบริเวณนี้มันไม่ค่อยเป็นจุดที่ได้รับความนิยมมากสักเท่าไหร่นัก
แต่เรื่องราวของจุดสักบริเวณไหนที่เจ็บมากที่สุด จนทำให้ต้องแทบบ้า ที่เรานำมาเล่าให้ฟังยังไม่ได้หมดเพียงเท่านี้หรอกนะ เพราะยังมีจุดอื่น ๆ ที่สร้างความเจ็บปวดให้ร่างกายของเราไม่แพ้กับจุดที่เรานำเสนอในครั้งนี้ ซึ่งมันจะมีจุดไหนอีกบ้าง เอาไว้เดี๋ยวเรามาติดตามกันต่อกันในครั้งหน้า