เรื่องของรอยสักนั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ค่อนข้างมีประวัติความเป็นมาอย่างช้านาน โดยในหลาย ๆ บทความของเราได้มีการนำเสนอเรื่องราวที่มาของรอยสักจากหลาย ๆ ถิ่น หลาย ๆ รูปแบบกันไปแล้ว ซึ่งถ้าหากทุกท่านได้ตามอ่านกันมาเป็นอย่างดี เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า รอยสักที่เราเห็นบนร่างกายของผู้คนในปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาไปจากรอยสักในยุคแรกเริ่มค่อนข้างมากเลยทีเดียว แถมในปัจจุบันนั้นรอยสักในสไตล์ต่าง ๆ ก็ยังมีการพัฒนาต่อเนื่องไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งในที่สุดเมื่อรอยสักที่ทำมาจากสีเดิม ๆ ไม่อาจสามารถหยุดความต้องการที่แปลกใหม่ได้อีกต่อไป มันจึงทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า รอยสัก UV ขึ้นมา
ซึ่งในสมัยนี้ รอยสัก UV นั้นมีอีกสื่อหนึ่งนั่งก็คือ รอยสักแบล็คไลท์ โดยรอยสักนี้
นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรอยสักที่เกิดมาได้สักพักแล้ว แถมเพราะความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครของมันนี่เองที่ทำให้รอยสัก UV นี้ใช้เวลาไม่นาน มันก็กลายเป็นหนึ่งในรอยสักที่เข้าไปอยู่ในเทรนด์แฟชั่นกระแสหลักได้อย่างรวดเร็ว โดยสาเหตุที่ทำให้รอยสักชนิดนี้เข้าสู่เทรนด์หลักได้อย่างรวดเร็วนั่นก็เพราะว่า มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าสนใจ แถมยังถือได้ว่าเป็นการเป็นศักราชใหม่ ๆ ของรอยสักเลยทีเดียว แต่เพราะเทรนด์ใหม่นี้เองที่มันทำให้กระแสความนิยมของรอยสักชนิดนี้ถูกตั้งคำถาม โดยคำถามที่เกี่ยวกับมันนั่นก็คือ รอยสัก UV หรือ รอยสักแบล็กไลต์ เทรนด์รอยสักนี้อันตราย หรือ ไม่ ดังนั้นวันนี้เราจะมาหาคำตอบเรื่องราวเหล่านี้กัน
แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่ไม่รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่ารอยสัก UV งั้นก่อนที่เราจะไปเริ่มอธิบายเรื่องต่าง ๆ สิ่งแรกที่เราจะต้องขออธิบายก่อนเลยเพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกันนั่นก็คือรอยสักชนิดนี้คืออะไร โดยเจ้ารอยสักชนิดนี้จะเป็นรอยสักที่จะเรืองแสงได้เมื่อมองภายใต้แสงสีดำ หรือ แบล็กไลต์ ซึ่งเจ้าหลอดไฟแบบนี้นั้นมันมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หลอดไฟ UV และนั่นเองจึงทำให้มันกลายเป็นที่มาของชื่อรอยสักชนิดนี้ นอกจากนั้นแล้วรอยสัก UVในช่วงเวลากลางวันมันก็จะเหมือนกับรอยสักแบบธรรมดา ๆ
แต่ก็ยังมีรอยสัก UVบางชนิดที่สามารถเรืองแสงได้ในช่วงเวลากลางวันอีกด้วย
ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้รอยสักUVนั้นสามารถเรืองแสงออกมาได้นั่นก็เพราะว่าสารเคมีที่อยู่ในรอยสักจะทำปฏิกิริยากับแสงอัลตราไวโอเลต ซึ่งความที่มันเรืองแสงแบบนี้ได้ทั้งกลางวัน และ กลางคืนนี้เอง ที่มันได้สร้างเอกลักษณ์ให้ผู้สักมีเสน่ห์ดึงดูด รวมถึงยังดูลึกลับ ทั้งกลางวัน และ กลางคืน
นอกจากนั้นอีกหนึ่งข้อดีของรอยสัก UVนั้นก็คือ ถ้าหากคุณเริ่มทำการสักรอยสักชนิดนี้ลงบนผิวหนังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงเวลาที่คุณต้องเว้นว่างเพื่อพักรักษาตัวให้แผลที่เพิ่งเกิดขึ้นจากการสักใหม่ ๆ สมานตัวอยู่นั้น ขอเพียงแค่โดนแสงจากแบล็กไลต์รอยสัก UVที่คุณสักเอาไว้ก็จะสว่างขึ้นมาทันทีแม้ว่าผิวหนังบริเวณนั้นจะยังไม่หายสนิท แถมในช่วงเวลาที่รอยสักของคุณตกสะเก็ดรอยสักนี้เองก็ยังคงสามารถทำงานตามหน้าที่ของมันได้อยู่
แต่ทว่าเนื่องจากรอยสัก UVนั้นจะมองได้ก็เพียงแค่แสงสีดำเท่านั้นมันจึงทำให้ศิลปินช่างสักที่จะสักสิ่งเหล่านี้จะต้องฉายแสงสีดำตลอดเวลาระหว่างที่สักให้กับคุณ และนั่นเองมันจึงกลายเป็นสิ่งที่ทำให้กินเวลาในการสักเพิ่มขึ้นมาอีกหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
และเมื่อหลาย ๆ คนอ่านเรื่องราวของรอยสัก UVมาถึงตรงนี้แล้ว เราเชื่อว่าพอคุณได้ยินคำว่าสารเคมีไปตั้งแต่หัวข้อที่แล้ว คุณน่าจะเริ่มมีการตั้งคำถามไว้ในใจแล้วใช่ไหมล่ะว่า แล้วแบบนี้รอยสัก UVมันปลอดภัยต่อร่างกายของเราจริง ๆ หรือเปล่า ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วถ้าคุณเลือกร้านที่มีชื่อเสียงในการสัก ร้านพวกนี้จะมีการใช้หมึกที่ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งสิ้น มันจึงสามารถที่จะทำให้คุณสบายใจได้ระดับหนึ่งว่ามีความปลอดภัยอยู่พอสมควร แต่มันก็ไม่ใช่สำหรับทุกคน เพราะว่าร่างกายแต่ละคนเองก็มีการตอบสนองต่อส่วนผสมของหมึกแต่ละชนิดแตกต่างกันไป ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีบางคนที่แพ้ส่วนผสมของหมึกสักเหล่านั้น
แต่ถึงแม้ว่าเราจะบอกไปข้างต้นว่าหมึกที่ใช้สำหรับการสร้างรอยสักUVนั้นมีความปลอดภัยก็ตาม แต่ทว่าก็ยังไม่มีการอนุมัติอย่างเป็นทางให้มีการนำเอาสารเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการใช้สาร UV เหล่านี้กับร่างกายของมนุษย์นั้นจะมีขั้นตอนการพิจารณาที่ค่อนข้างซับซ้อน และส่วนใหญ่มันก็มักจะถูกได้รับการอนุมัติกับการทำกิจกรรมอื่น ๆ
แต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้ใช้กับการสักโดยตรง นอกจากนั้นแล้วหมึกแบบยูวีนั้นยังมีผลที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางผิวหนังต่อร่างกายมากกว่าหมึกสักทั่ว ๆ ไป และสิ่งสำคัญที่คุณควรจะท่องจำไว้ให้ขึ้นใจเลยนั่นก็คือปฏิกิริยาทางผิวหนังเหล่านี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่หมึกสักได้สัมผัสกับผิวหนังที่ไวต่อส่วนผสม
อีกหนึ่งคำถามเกี่ยวกับรอยสักUVที่เราเชื่อว่าใคร ๆ หลายคนซึ่งคิดจะสักมันจะต้องถามอย่างแน่นอนนั่นก็คือ เจ้ารอยสักชนิดนี้สามารถที่จะอยู่คงทนขนาดไหน ซึ่งคำตอบก็คือ เจ้ารอยสักUVนั้น มีความคงทนเช่นเดียวกับรอยสักแบบปกติทั่วไปเลยนั่นเอง แต่ถึงแบบนั้นแล้วด้วยความที่รอยสักชนิดนี้นั้นถือได้ว่าเป็นน้องใหม่ของวงการ จึงยังไม่ได้มีปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดเท่าไหร่ว่า ระยะเวลาที่มันคงอยู่ตราบเท่าชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งนั้น มันจะอยู่ไปถึงเมื่อไหร่ แต่อย่างน้อยเราก็อยากให้คุณลองคิดสักนิดก่อนที่ตัดสินใจสักติดตัว เพราะว่าในอนาคตหากคุณไปงานปาร์ตี้ในอีกหลาย ๆ ปีต่อ ๆ ไป รอยสักชนิดนี้ก็ยังคงปรากฏแสงอันเด่นชัดแม้ว่าในบางทีคุณอาจจะไม่ต้องการมันแล้วก็ตาม
โดยวิธีการแก้รอยสักUVที่ดูที่สุดสำหรับใครที่ไม่ต้องการให้มันปรากฏแสงออกมาอีกแล้วนั่นก็คือการสักด้วยสีปกติทับลงไปยังรอยสักเดิมนั่นเอง
และเมื่อรอยสัก UVเองก็เป็นหนึ่งในรอยสักเช่นเดียวกัน ดังนั้นผู้ที่มีสักรอยสักแบบนี้ก็มีความต้องการที่จะให้มันอยู่คงทนกับเราได้อย่างนานขึ้นอย่างแน่นอน โดยขั้นตอนที่สามารถทำให้รอยสัก UVที่อยู่คงทนถาวรได้แบบนี้ได้นานที่สุดนั้น จริง ๆ แล้วมันก็เหมือนกับการดูแลรอยสักธรรมดา ๆ ทั่วไปนั่นก็คือ การหลีกเลี่ยงให้รอยสักของคุณโดนแสงเป็นเวลานาน และยังต้องดูแลผิวด้วยสุขอนามัยที่ดี และ คอยให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ตามที่ช่างสักได้แนะนำคุณไป
ทว่ารอยสักที่สามารถเรืองแสงได้นั้นจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่รอยสัก UVทั้งหมด เพราะว่ารอยสัก UVกับรอยสักเรืองแสงนั้น เป็นรอยสักคนละชนิดกัน โดยรอยสักทั้ง 2 แบบนั้นจะมีจุดเริ่มต้นมาจากน้ำหมึกที่ต่างชนิด รวมถึงส่วนผสมที่ค่อนข้างต่างกัน โดยรอยสักเรืองแสงนั้นมักจะทำมาจาหมึกที่มีธาตุฟอสฟอรัส ซึ่งไอ้เจ้าสารนี้นี่แหละที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีความปลอดภัยต่อการใข้กับผิวหนัง แถมยังมีบางส่าวนบอกว่าสารชนิดนี้คือจุดเริ่มต้นของมะเร็งอีกด้วย ส่วนทางด้านรอยสัก UVนั้นจะใช้หมึก UV ในการสัก และหมึกชนิดนี้จะมีบางส่วนที่ได้รับการรับรองจาก FDA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนเรื่องของการดูแลนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการดูแลรอยสักธรรมดามากนัก แต่ทว่าสิ่งที่ต้องระวังหลังจากที่คุณได้สักรอยสักประเภทนี้เสร็จ คุณอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษารอยสักนานขึ้นกว่ารอยสักแบบธรรมดามากขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากรอยสัก UVนั้นค่อนข้างที่จะอ่อนไหวและมีปฏิกิริยามากกว่ารอยสักประเภทอื่น ดังนั้นถ้าคุณเริ่มมีการอาการระคายเคืองขั้นรุนแรง
เราอยากให้คุณรีบไปพบแพทย์ผิวหนังโดยด่วน
และเราอยากให้คุณคิดอีกอย่าหนึ่งว่า แสงแดดยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของรอยสักทุกชนิด และรอยสัก UVเองก็เช่นกัน เพราะว่ารอยสักประเภทนี้ไม่ได้ต้องการแสง UV จากแดด และคุณก็ไม่ต้องกังวลว่ารอยสัก UVที่มองไม่เห็นของคุณจะไม่คมเหมือนกับรอยสักประเภทอื่น ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ขอเพียงแค่คุณตั้งใจ และ หมั่นดูแลผิวหนังบริเวณรอยสักของคุณให้ดีอยู่เสมอ รับรองว่ารอยสักUV ของคุณจะยังคงชัดเหมือนกับวันแรกที่คุณสักไม่มีเปลี่ยนแปลง และมันยังทำให้คุณมั่นใจได้ว่าแบบไม่ต้องมีคำถามอีกต่อไปแล้วว่า รอยสัก UV หรือ รอยสักแบล็กไลต์ เทรนด์รอยสักนี้อันตราย หรือ ไม่