รอยสักกับการเป็นเครื่องหมายเชิงสัญลักษณ์ และ ตัวแทนของวัฒนธรรมในสังคม

มนุษย์นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่กระจัดกระจายอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของโลก และเพราะการกระจัดกระจายเหล่านี้นี่เองที่ต่อให้แม้ว่าจะเป็นมนุษย์เหมือนกันแต่ทว่าพวกเขานั้นกลับมีประเพณี และ วัฒนธรรมที่ยึดถือแตกต่างกันไป 

และแน่นอนว่าวัฒนธรรมของพวกเขาเหล่านี้มันก็ส่งผลต่อสิ่งที่เรียกว่า รอยสัก เช่นกัน โดยถ้าหากเราจะลงลึกกันไปจริง ๆ แล้วรอยสักของมนุษย์ในแต่ละสังคม แต่ละพื้นที่มันสามารถกลายเป็นตัวกำหนดถึงค่านิยม และ ความเชื่อต่าง ๆ ของชุมชนรอยสักบริเวณนั้นได้อย่างดี โดยเราจะสามารถเห็นได้จากรอยสักของมนุษย์โบราณที่มันจะเหมือนกับการทำให้ช่วงเวลาในประวัติศาตร์เหล่านั้นหยุดยิ่งอยู่บริเวณผิวหนังของพวกเขา และเรื่องดังกล่าวนี้เองจึงเป็นที่มาของหัวข้อ รอยสักกับการเป็นเครื่องหมายเชิงสัญลักษณ์ และ ตัวแทนของวัฒนธรรมในสังคม ซึ่งในครั้งนี้เราจะไปลงลึก และ เจาะถึงเรื่องราวรายละเอียดของรอยสักในแต่พื้นกัน

การสักที่เป็นเสมือนการสร้างความหมาย

โดยรอยสักนั้นถือได้ว่าเป็นศิลปะโบราณแขนงหนึ่งที่ได้ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ค่อนข้างหลากหลายในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งคำว่าสักนั้นมาจากภาษาโปลินีเซีย ซึ่งออกเสียงว่า ตา ซึ่งแปลความหมายได้ว่า ตี และหลังจากนั้นต่อมาก็ได้มีการพัฒนาคำนี้ขึ้นจนกลายเป็นคำว่า tatau ซึ่งมีความหมายว่า การทำเครื่องหมายบางอย่าง

ซึ่งศิลปะแขนงนี้ในโลกของตะวันตกนั้น มันมักจะเป็นศิลปะที่ถูกใช้อย่างวิจิตรบรรจง และ ออกแบบไปทางด้านศิลปะเพื่อใช้สำหรับการดึงดูดสายตา และยังเป็นการแสดงถึงความสง่างาม ซึ่งการออกแบบเหล่านั้นจะมีลวดลายที่ค่อนข้างเรียบง่าย และ ใช้เส้นที่เล็ก รวมถึงยังมีการแสดงให้เห็นถึงความหมายมากมาย เพราะการที่มันได้จารึกลงบนร่างกายของมนุษย์เองนี่แหละที่ทำให้มันเกิดเรื่องราวอันซับซ้อนของสิ่งต่าง ๆ อันเป็นอัตลักษณ์และวัฒนธรรม 

รอยสักมีอิทธิพลต่อคน ๆ หนึ่งมากขนาดไหน

โดยการศึกษาความหมายของรอยสักในหมู่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยห่างหนึ่งได้พบว่า จริง ๆ แล้วหมึกที่อยู่ในร่างกายค่อนข้างเพิ่มความหมายให้กับชีวิตวัยรุ่นเมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ นั่นก็เพราะว่าศิลปะอย่างการสักนี้เป็นการแสดงตัวตน และ การเติบโตส่วนบุคคล  แถมแรงจูงใจในการสักก็ยังเชื่อมโยงกับอิทธิพลทางสังคมค่อนข้างมาก 

นอกจากนั้นเรื่องราวของรอยสักยังมีผลต่อการจัดการทางอารมณ์อีกด้วย โดยในปัจจุบันนั้นมีหลาย ๆ ครั้งที่รอยสักสามารถช่วยรักษาความทรงจำ และ เอกลักษณ์ของคนที่คุณรักซึ่งเสียชีวิตเอาไว้ได้บนผิวหนังของคุณ ซึ่งสิ่งนี้มันได้กลายเป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาความเศร้า และ ความเจ็บปวดจากการสญสียได้เป็นอย่างดี และด้วยแรงผลักดันดังกล่าวนี้เองรอยสักจึงได้กลายเป็นรอยจารึกที่สามารถช่วยขับเคลื่อนของสังคม และ สามารถทำให้คน ๆ หนึ่งผูกติดอยู่กับคนอีกคนหนึ่งได้ 

แถมผู้หญิงบางคนยังเลือกจะใช้รอยสักของพวกเธอในการทวงคืนประสบการณ์ที่มีผลอย่างมากทางอารมณ์เช่น

การล่วงละเมิด และ การเจ็บป่วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

รอยสักกับความสวย ความงาม

โดยหากเราย้อนความไปถึงในสมัยอดีตแล้ว จริง ๆ การจะสร้างให้หน้าตาของตัวเองมีความสวย และ โดดเด่นเหนือกว่าคนอื่นนั้น ศิลปะอย่างรอยสักคือสิ่งแรกที่มาช่วยเสริมก่อนที่จะมีเครื่องสำอางที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยรอยสักในสมัยอดีตได้ถูกนำมาใช้เพื่อเสริมความงามในส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมเปลือกตาม หรือ คิ้ว 

และเมื่อในปัจจุบันที่มนุษย์เองได้เริ่มมีการใช้เครื่องสำอางมากขึ้น รอยสักเองก็ยังถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยังคงมีความสำคัญในแวดวงของความงามอยู่เช่นกัน โดยเราจะเห็นได้จากที่สาวหลาย ๆ คนเลือกที่จะใช้ศิลปะอย่างรอยสักในการช่วยแต่งเติมส่วนที่ขาดหายไปของตนอย่างเช่นการสักคิ้วเป็นต้น

รอยสักกับสิ่งเหนือธรรมชาติ

โดยในบางวัฒนธรรมนั้นตัวของผู้ที่ทำการสัก หรือ ช่างสัก นั้นจะไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป เพราะพวกเขาเหล่านั้นจะได้อำนาจมาจากเทพ และ วิญญาณของบรรพบุรุษ ยกตัวอย่างเช่นในเผ่าซามัวผู้ที่สามารถสักได้นั้นจะต้องเข้าร่วมในการฝึกอบรมที่ยาวนานเพื่อให้เขาได้ตำแหน่งของช่างสักมา และใครก็ตามที่สามารถสำเร็จในหลักสูตร เขาคนนั้นก็จะเหมือนได้รับพรทางวิญญาณจากบรรดาเหล่าคนในวงศ์ตระกูลของพวกเขา

นอกจากนั้นแล้วในสมัยอียิปต์โบราณหญิงสาวที่มีการตั้งครรภ์ยังต้องจะต้องทำการสักเอาไว้เพื่อให้รอยสักเหล่านั้นเป็นเหมือนกับเครื่องมือในการคุ้มครองเด็กในครรภ์ โดยรอยสักนั้นมักจะถูกสักในรูปแบบของตาข่าย โดยเมื่อไหร่ที่ท้องขยายตามอายุครรภ์รอยสักนั้นก็จะทำหน้าที่คล้าย ๆ กับตาข่ายที่ถูกกางออกเพื่อสร้างเครื่องขัดขวางระหว่างเด็กที่ยังไม่ได้เกิดกับโลกภายนอกนั่นเอง

รอยสักกับการแสดงฐานะทางสังคม

แม้ว่ารอยสักนี้ในทางสังคมปัจจุบันจะไม่ค่อยมีการพูดถึงกันแล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณโชคร้ายและต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ รอยสักนี้จะทรงอิทธิพลขึ้นมาในทันที โดยได้มีการศึกษาว่าส่วนใหญ่แล้วในเรือนจำ รอยสักของบรรดาเหล่านักโทษมักจะเป็นสัญลักษณ์ของสมาชิก และ แก๊ง ที่สามารถบ่งบอกสถานะ และยศต่าง ๆ ได้อย่างดี

นอกจากนั้นแล้วในสมัยโบราณบรรดาเหล่า ยัมชุงเกอร์ นากา ของชนเผ่าอินเดียนแดงยังได้มีผู้คนที่ได้รับรอยสักนักรบ 

โดยการที่จะได้รับรอยสักนี้มานั่นหมายถึงว่าพวกเขานั้นสามารถที่จะฆ่าเสือได้ และนั่นเองจึงทำให้ศิลปะบนเรือนร่างอย่างรอยสักนั้นเป็นเหมือนกับการแสดงสัญลักษณ์และความสำเร็จของสังคม 

และนอกจากชนเผ่าอินเดียนแดงแล้วยังมีชุมชนพื้นเมืองอีกหลาย ๆ แห่งทั่วโลกที่ใช้รอยสักของตัวเองสำหรับการค้าขาย 

โดยพวกเขาจะได้รับการประกอบพิธีกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีฐานะทางสังคมในตำแหน่งที่เหนือกว่าคนทั่วไป และเมื่อรอยสักนี้ได้มาอยู่บนร่างของพวกเขานั่นก็หมายถึงพวกเขาได้รับอนุญาตจากบรรดาเหล่าผู้สูงศักดิ์มาแล้วนั่นเอง

การรับรู้ถึงรอยสักของแต่ละคน

หลังจากที่เราได้เรียนรู้กันไปแล้วว่ารอยสักแต่ละชนิดนั้นมีความสำคัญต่ออิทธิในด้านต่าง ๆ อย่างไรบ้าง อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะพาทุก ๆ คนไปเรียนรู้กันนั่นก็คือ ความสำคัญของรอยสักที่ทรงอิทธิพลไปทั่วโลกนั่นเอง โดยอันดับแรกเราจะมาดูกันที่การรับรู้ที่เกิดขึ้นในสังคมตะวันตกกันก่อน โดยในปี พ.ศ 1999 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ได้มีการทำสำรวจโดยตั้งหัวข้อว่าเครื่องแต่งกายทางธุรกิจ ซึ่งจากการทำวิจัยนี้มันทำให้ได้พบว่า มีกลุ่มผู้จ้างมากถึง 90% ที่ยังมองว่าเรื่องของรอยสักนั้นอยู่ในแง่ลบ ทั้ง ๆ ที่บรรดาเหล่าหนุ่มสาวที่เลือกการลงน้ำหมึกบนร่างกายต่างก็มีเหตุผลของตัวเองแตกต่างกันไป 

โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะมองว่าเหล่าผู้ที่มีรอยสักมักจะเป็นผู้ใช้ยา หรือ คนที่ก่อปัญหา และมีเกณฑ์สูงที่จะออกจากงาน แต่ถึงอย่างไรก็ตามนี่ก็ยังเป็นเพียงแค่มุมมองส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะว่ามันคงไม่เหมาะสมตามจรรยาบรรณอาชีพอย่างแน่นอนหากจะตัดสินค่าคนใดคนหนึ่งเพียงเพราะพวกเขามีรอยสัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามรอยสักก็ยังคงถูกมองไปในทางแง่ลบ

อยู่ตลอดเวลา และในหลาย ๆ ครั้งเองรอยสักก็กลายเป็นหนึ่งในข้อกังวลใจของหนุ่มสาวเกี่ยวกับการหางานในอนาคต เนื่องจากพวกเขาที่มีรอยสักอยู่ในตำแหน่งที่เปิดเผยมักจะถูกตีค่าเหมารวมว่าเป็นชาวแก๊ง 

แต่ทว่าเรื่องราวของรอยสักกับการเป็นเครื่องหมายเชิงสัญลักษณ์ และ ตัวแทนของวัฒนธรรมในสังคมยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้เพราะยังมีอีกหลากหลายพื้นที่ซึ่งรอยสักได้ส่งผลถึงในเชิงของสัญลักษณ์และจิตวิญญาณ ซึ่งเอาไว้เดี๋ยวครั้งหน้าเราจะพาทุกไปดูเรื่องราวในพื้นที่อื่น ๆ กันต่อ