สารบัญ ลายสัก รอยสัก

อานนทร์ พีรนันทปัญญา ช่างสักผู้ต้องจองคิวกันแบบข้ามปี Part  3


สำหรับคนหลาย ๆ คนที่มีความฝันและคิดอยากจะมีรอยสักอยู่บนร่างกายแล้ว เราเชื่อได้ว่าหลังจากการที่คุณต้องทนนั่งกลุ้มกับการเลือกลายสักที่เหมาะกับตัวเองอย่างยาวนานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวลำดับต่อมานั่นก็คือ การเฟ้นหาช่างสักฝีมือดีที่จะสามารถสร้างรอยสักเหล่านั้นให้ออกมาตามที่เราต้องการได้มากที่สุด ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าลายสักบางลายนั้นอาจจะต้องการช่างสักมากฝีมือจากต่างประเทศเพื่อมาถ่ายทอดรอยสักให้สมบูรณ์แบบครบถ้วน แต่ทว่าในปัจจุบันนี้ช่างสักของไทยเราเองก็มีฝีไม้ลายมือในการสักไม่แพ้กับช่างสักของต่างประเทศแล้ว แถมยังมีช่างสักของไทยเราที่หลาย ๆ คนก็ดังไกลไปจนถึงต่างประเทศ โดยสิ่งที่พิสูจน์ความมากฝีมือของเขาเหล่านั่นก็คือ การต้องจองคิวสักกันแบบข้ามปีเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในช่างสักไทยที่มีฝีมือระดับนั้นได้ก็คือ ช่างสักที่มีชื่อว่า อานนทร์ พีรนันทปัญญา

ซึ่งในบทความก่อนหน้านี้เราได้เล่าถึงเรื่องราวเส้นทางตั้งแต่เริ่มฝึกสักยาวมาจนกึงตอนที่ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพเพื่อหาประสบการณ์เพิ่ม และ ได้รับโอกาสให้บินไปยังต่างประเทศเพื่อทำงานสักกันไปแล้ว ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้อ่านเนื้อหาในส่วนนั้นคุณสามารถที่จะย้อนกลับไปอ่านบทความต่าง ๆ ได้ภายในเว็บไซต์ของเรา ส่วนสำหรับใครกำลังรอบทความของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา กันอยู่ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาอ่านเรื่องราวของชายคนนี้กับเส้นทางการเป็นช่างของเขากันต่อ ซึ่งมันจะเป็นอย่างไรนั้น เอาเป็นว่าเราไปเริ่มอ่านกันต่อเลยดีกว่า

หลังจากที่ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา

ได้ทำงานสักอยู่เกาหลีเพื่อสะสมประสบการณ์ได้สักระยะหนึ่งแล้ว เมื่อเขากลับมายังประเทศไทยเขาก็ได้หอบเงินก้อนกว่าสองแสนบาทกลับมา ซึ่งเงินสองแสนนี้ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา หวังว่าเขาจะเอามาลงทุนในการก่อร่างสร้างตัว แต่ทว่าเพราะเขาไม่เคยที่จะจับเงินเยอะขนาดนี้ทำให้สุดท้ายเงินเหล่านั้นก็ถูกนำไปลงกับของที่เขาชอบอย่าง รองเท้า เสื้อผ้า และ นาฬิกา เพราะเขาไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน  นอกจากนั้นเงินจำนวนหนึ่งก็ยังถูกนำไปใช้ในการเลี้ยงเพื่อน และเพราะการใช้เงินแบบไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้นี่เองที่ทำให้เพียงไม่นานตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ก็ใช่เงินที่ได้มาจากเกาหลีหมด และนั่นเองก็ทำให้ต้องกัดฟันกลับไปยังเกาหลีที่ในตอนแรกเขาไม่คิดจะกลับไปทำงานนี้อีก

ซึ่งการกลับไปในครั้งนี้ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา เองก็ยังคงเจอกับงานหนักเหมือนดั่งเช่นครั้งแรก แต่ในครั้งนี้เป้าหมายของเขาก็เปลี่ยนไปเพราะว่าเขาตั้งใจที่จะทำงานเก็บเงิน และ หลังจากกลับมาเขาก็ตัดสินใจเลิกอบายมุขทุกชนิด จนทำให้แทบจะกลายเป็นคนอีกคนเลยทีเดียว และการทำแบบนั้นก็ทำให้ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา มีเงินเพียงพอที่จะเปิดร้านสักตามที่ตั้งใจไว้สักที โดยเขาได้เลือกเปิดร้านที่ห้างอย่าง ยูเนี่ยนมอลล์

ซึ่งถ้าใครมองจากภายนอกแล้วชีวิตของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา

น่าจะเหมือนไปได้สวย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ แล้วก็ตาม มันก็ยังมีปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่เข้ามารุมเร้าเขาแทน และหนึ่งนั่นก็คือ ค่าเช่าที่ เพราะว่าค่าเช่าที่ตอนนั้นขึ้นตลอดจนทำให้ในที่สุดเขาก็อยู่ไม่ได้ และทำให้ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ตัดสินใจบินไปยังภูเก็ต เนื่องจากเขาได้รู้จักกับช่างสักซึ่งเป็นเจ้าของร้านดังอันดับต้น ๆ ของจังหวัด และการเดินทางไปครั้งนั้นนี่เองที่ทำให้ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ได้เห็นวิธีการทำงานที่เป็นระบบ และมีการจัดการที่ดี รวมถึงยังมีหัวหน้าที่ดีด้วย มันจึงทำให้ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา จดจำวิธีการเหล่านั้นเอาไว้

และผลพวงจากการที่ อานนทร์ พีรนันทปัญญา เปิดร้านอยู่ยูเนี่ยน มอล์ มันจึงทำให้มีลูกค้าเดิมรอเขาอยู่หลายคน ซึ่งจากปกติที่เขาเปิดร้านมาจะมีลูกค้าอยู่ไม่กี่คน แต่พอเขาไม่ได้ทำงานสักที่กรุงเทพประมาณปีหนึ่งก็ทำให้มีลูกค้ารอมาสักกับอานนทร์ พีรนันทปัญญา อยู่เป็นจำนวนมาก จนทำให้ตัวของเขาต้องเช่าคอนโดเพื่อเปิดร้านสัก แต่ตอนนั้นเขายังไม่คิดจะเปิดร้านสักจริงจังอีกครั้ง เพราะว่าเขาต้องการที่สร้างสไตล์งานของตัวเองอย่างจริงจัง 

โดยตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ต้องการที่จะทำให้ตัวของเขากลายเป็นที่รู้จักในไทยให้ได้ ดังนั้นเขาจะมัวแต่เดินตามคนอื่นไม่ได้ มันจึงทำให้เขาต้องสร้างงานที่เหนือกว่า และ แตกต่าง ให้มันก้าวไกลไประดับสากล ซึ่งความพยายามเหล่านั้นนี่แหละที่มันได้สร้างแรงใจให้เขากลายเป็นช่างสักสไตล์จะไทยก็ไม่ไทย จะญี่ปุ่นก็ไม่ญี่ปุ่น และนั่นเองก็กลายเป็นรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา จนทำให้มีลูกค้าต่อคิวสักกันเขามากขึ้นเรื่อย ๆ จนคิวยาวเต็มปี
มิ้ม อานนทร์ พีรนันทปัญญา ช่างสักมือทองต้องจองคิวข้ามปี

และเมื่อมีคิวการจองข้ามปีนี่แหละที่ทำตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา

ตัดสินใจกลับมาเปิดร้านสักอีกครั้งโดยครั้งนี้เขาได้เปิดร้านสักที่ RCA และครั้งนี้ด้วยความที่ความเชี่ยวชาญ และ ความมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากในตอนนั้นเขาได้ไปคว้ารางวัลจากการประกวด Best of Show ที่มาบุญครองปี 2012 ในสาขา Japanese tattoo ปีเดียวกันรวมทั้งหมด 5 รางวัล 

โดยตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ตั้งใจที่สร้างบรรยากาศของร้านให้เป็นแบบที่เขาชอบและทุกคนที่มาร้านเขาจะต้องชอบ มันจึงทำให้เขาต้องการที่จะมีพื้นที่ให้ช่างสักในร้านได้มีพื้นที่แสดงฝีมือ และ เปิดมาปุ๊บช่างสักทุกคนจะต้องมีงานทำ ซึ่งแม้ว่าคนไหนจะยังไม่เก่ง ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ก็ตั้งใจที่จะฝึกเขาให้เก่งให้ได้

และเพราะความเก่งกาจของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา นี่เองที่ทำให้เขาได้รับการติดต่อจากนิตยสารเกี่ยวกับการสักชื่อดังของอเมริกาอย่าง inked magazine ให้ไปลงหนังสือ รวมถึงยังได้นำผลงานไปแสดงโชว์ที่พิพิธภัณฑ์ที่โชว์ศิลปะรอยสักอย่าง

Musée Ouai Branly ที่ประเทศฝรั่งเศส

และเมื่อผลงานของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา กลายเป็นที่ประจักษ์แล้ว มันเลยทำให้จากการที่เขาเป็นช่างสักที่สักแค่ครั้งละไม่กี่ร้อย ได้กลายเป็นช่างสักที่ทุก ๆ ครั้งเวลาเขาบรรจงจรดเข็มลงบนร่างกายผู้สัก เงินหมื่น เงินแสน ก็พร้อมที่จะมาวางอยู่ตรงหน้าเขา แถมในปัจจุบันก็ไม่ใช่ว่าใครที่อยากสักกับ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ก็จะเดินเข้ามาสักได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะว่าตัวของเขานั้นต้องจองคิวยาวกันไปแบบข้ามปีเลยทีเดียว

และแน่นอนแหละว่ากว่าที่ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา จะสามารถมายืนจนถึงจุดนี้ได้ เขาก็ผ่านประสบการณ์ที่ต้องล้มลุกคลุกคลานมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง 

โดยตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ได้บอกว่าสิ่งที่ทำให้เขาสามารถมาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็คือ ความมุ่งมั่นของตัวเอง และ การเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จมาก่อนหน้านี่เอง 

ซึ่งผู้ที่เป็นต้นแบบการใช้ชีวิตให้ อานนทร์ พีรนันทปัญญา นั่นก็คือ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี และ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ โดยตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา นั้นมองว่าถึงแม้ว่าอาจารย์ทั้ง 2 ท่าจะมีผลงานที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันของทั้ง 2 ท่านนั่นก็คือ ความพยายาม และเป็นคนที่ฉลาดช่างเรียนรู้เหมือนกัน โดยอย่างอาจารย์ถวัลย์นั้นแม้ว่าท่านจะเกิดในครอบครัวที่ดี แถมยังมีความฉลาดพอจะเป็นหมอได้เลย แต่ท่านก็เลือกที่จะเอาความใฝ่รู้ในการเรียนมาประยุกต์ใช้กับการเป็นศิลปิน 

ส่วนอาจารย์เฉลิมชัยนั้นแม้ว่าท่านจะเกิดเป็นลูกคนจนมาก่อน แต่ท่านก็พยายามมที่ใฝ่เรียนรู้ จนฉลาดและทำให้ท่านทำเงินได้

ซึ่งต้นแบบของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา อย่างอาจารย์ทั้ง 2 ท่านนั้นจะส่งผลต่อการเปลี่ยนในชีวิตของเขาอีกมากมายแค่ไหน เอาไว้เดี๋ยวเรามาติดตามเรื่องราวและประวัติของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา กันในครั้งหน้า

ลายสัก HOT

บทความลายสักล่าสุด

หมวดหมู่ลายสัก

สารบัญ ลายสัก รอยสัก