ลายสักในปัจจุบันนั้นมีความสวยงาม และ มีความแตกต่างจากรอยสักในสมัยแรกเริ่มอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งเพราะการพัฒนาของรอยสักในปัจจุบันนี้เองที่ทำให้แต่ละประเทศก็พยายามสร้างเอกลักษณ์อันเป็นจุดเด่นให้กับรอยสักมากยิ่งขึ้น แต่ถึงแม้ว่ารอยสักในปัจจุบันของแต่ละประเทศจะมีการพัฒนาไปมากขนาดไหนก็ตาม แต่ทว่าหนึ่งในรอยสักที่ยังคงมีมนต์ขลังไม่เคยเสื่อมคลายแม้ว่ากาลเวลาจะหมุนเปลี่ยนไปนั่นก็คือรอยสักของประเทศไทย และรอยสักของประเทศไทยที่ใครต่างก็รู้จักกันดี และโด่งดังไปทั่วโลกนั่นก็คือ การสักยันต์
โดยเรื่องราวของการสักยันต์ ความขลัง และ ลี้ลับ ของรอยสักไทยที่ถ่ายทอดผ่านอักขระ นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน โดยคำว่า สักยันต์ นั้นมีความหมายที่สามารถแบ่งออกกันได้เป็น 2 ส่วนนั่นก็คือ คำว่า สัก ซึ่งมันจะหมายถึงการเอาเหล็กแหลมที่มีการจุ่มหมึก หรือ น้ำมันมาทิ่มแทงลงไปยังผิวหนังให้เกิดอักขระ และ ลวดลาย โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้หมึกนั้นเราจะเรียกว่า สักหมึก ส่วนเมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้น้ำมันสัก มันจะถูกเรียกว่าสักน้ำมัน ส่วนอีกหนึ่งคำนั่นก็คือคำว่ายันต์ โดยคำว่ายันต์นี้จะหมายถึงรูปอักขระ และ ลวดลายต่าง ๆ
สักยันต์เพื่ออะไร
โดยคำถามนี้ถ้าจะเราจะตอบจริง ๆ มันต้องย้อนกลับไปนานอยู่พอสมควร เพราะว่าเรื่องราวการสักยันต์นั้นมันเป็นเรื่องที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ และ สามารถพบเห็นได้ทั่วโลกเพียงแต่ว่ามันแตกต่างกันไปตามความเชื่อ และ วัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาค ซึ่งส่วนใหญ่สาเหตุที่ทำให้คนเลือกที่จะสักนั่นก็มาจากความเชื่อ ความศรัทธา เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจและเป็นสัญลักษณ์ของเผ่า
โดยสมัยโบราณผู้คนมักจะเลือกทำการสักยันต์เพื่อสร้างขวัญกำลัง เพื่อให้ร่างกายของตัวเองดูเข้มแข็ง และ ยังหวังเรื่องของปาฏิหาริย์จากอักขระเหล่านั้น และการสักยันต์เหล่านั้นจะต้องมีการเชิญอาจารย์เข้ามาทำพิธีเพื่ออัญเชิญเทพตามความเชื่อต่าง ๆ มาทุก ๆ ครั้งที่มีการสักยันต์
และนอกจากเหล่าอาจารย์ที่เข้ามาทำพิธีแล้ว ตัวของผู้สักยันต์เองก็ต้องมีความเคารพและศรัทธา เชื่อฟังคำสั่งสอนของเหล่าอาจารย์ที่ได้แนะนำ เพราะว่าบางครั้งปาฏิหาริย์เหล่านั้นก็มักจะเกิดจากศรัทธา และนั่นเองจึงกลายเป็นสิ่งที่สามารถเสริมสร้างกำลังใจให้เพิ่มขึ้น
สักยันต์มีแบบไหนบ้าง
และอย่างที่เราบอกไปแล้วว่ารอยสักนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ซึ่งเราจะมาอธิบายในแต่ละประเภทกัน โดยรูปแบบแรกนั้นก็คือ การสักแบบหมึก ซึ่งสมัยก่อนส่วนใหญ่แล้วหมึกที่ใช้ในการสักมักจะเป็นหมึกที่มาจากธรรมชาติ ไม่เหมือนกับการใช้หมึกสำเร็จรูปเหมือนในปัจจุบัน โดยส่วนผสมในการทำหมึกนั้นก็ค่อนข้างมีหลากหลายไม่ว่าจะเป็น การใช้ดีปลาช่อนฝนผสมกับว่านนาคราช หรือ ว่านสบู่เลือด ซึ่งว่านที่ผสมไปเหล่านี้จะมีผลในด้านคงกระพันชาตรี
โดยวิธีการสักแบบนี้มักจะเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้สักยันต์หลาย ๆ คน เนื่องจากมันสามารถที่จะเห็นได้อย่างชัดเจน
และอีกนัยหนึ่งมันยังเป็นการสร้างลวดลายในเชิงศิลปะ และ ให้ความรู้สึกมั่นใจของตัวผู้สักได้อีกด้วย
ส่วนสักอีกแบบนั้นก็คือ สักน้ำมัน โดยส่วนผสมนั้นจะมีการใช้น้ำว่าน ซึ่งน้ำว่านนั้นจะมีการผสมของว่าน 108 ชนิด ซึ่งให้ผลทางด้านเมตตา มหาเสน่ห์ โดยการสักน้ำมันนี้ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการสักที่ค่อนข้างได้รับความนิยมไม่แพ้กับการสักแบบหมึก เนื่องจากการสักชนิดนี้จะไม่มีการทิ้งรอยหมึกเอาไว้ และมันเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการโชว์ลวดลายของยันต์ที่สัก โดยน้ำมันที่ใช้สักนั้นส่วนใหญ่จะเป็นน้ำมันงา ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไม่ทำอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย อีกทั้งในบางสำนักยังมีการผสมน้ำมันชนิดพิเศษต่าง ๆ เช่น น้ำมันช้างตกมัน น้ำมันเสือโคร่ง น้ำมันปลาพะยูน ผสมไว้ด้วย
คุณสมบัติของยันต์ประเภทต่าง ๆ
หลังจากที่เรารู้ถึงประเภทของการสักไปแล้ว ทีนี้เราจะมาดูถึงคุณสมบัติของการสักกันบ้าง โดยคุณสมบัติต่าง ๆ ของการสักนั้นจะมีจุดประสงค์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ โดยสิ่งแรกนั่นก็คือ การสักเพื่อความคงกระพัน โดยการสักประเภทนี้จะทำให้แคล้วคลาด หนังเหนียว ซึ่งการสักยันต์ประเภทนี้จะมีทั้ง มหาอุด ยันต์หนุมาน ยันต์ตะกร้อ ยันต์เสือ ยันต์ลิงลม เป็นต้น ส่วนข้อห้ามในการสักนั้นก็จะขึ้นอยู่แล้วแต่สำนัก แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีสิ่งที่หลาย ๆ สำนักห้ามเหมือน ๆ กันนั่นก็คือ ห้ามกินฟัก ห้ามกินบวบ ห้ามลอดใต้บันได
อีกหนึ่งประเภทของการสักนั่นก็คือการสักเพื่อให้ผลทางเมตตาโดยส่วนใหญ่การสักชนิดนี้จะเน้นไปที่การค้าขาย เพื่อให้คนรัก เช่น ยันต์สาลิกา ยันต์หงส์ทอง ยันต์ไก่ฟ้า นอกจากนั้นแล้วยังมีการผสมกับว่านชนิดต่าง ๆ เช่น ว่านสาวหลง ว่านจังงัง ว่านเสน่ห์จันทร์แล้วแต่สูตรของแต่ละสำนักไปนั่นเอง
ยันต์การะเวก
หลังจากที่เรารู้ถึงประเภทของยันต์ต่าง ๆ ไปแล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เราจะมารู้จักกับยันต์ในแต่ละประเภท และ คุณลักษณะกัน โดยยันต์แบบแรกที่เราจะพาคุณไปรู้จักกันนั่นก็คือ ยันต์ที่มีชื่อว่า ยันต์การะเวกโดยยันต์ประเภทนี้จะใช้ไปในทางเมตตามหานิยม เวลาเข้าไปหาใครก็จะมีคนรักใคร่เอ็นดู ไม่ว่าจะเป็นการสมัครงาน นัดสัมภาษณ์ หรือใครที่ทำงานเกี่ยวกับวงการบันเทิงอย่าง นักร้อง นักแสดง หรือ Talk Show ก็ทำให้คนหลงเสน่ห์
ยันต์ตะกรุดมหาระงับ
โดยตามความหมาย และความเชื่อของยันต์นี้ก็คือ ยันต์นะจังงัง ที่จะทำให้ผู้ที่สัก ยิง และ ฟังแทงไม่เข้า
ยันต์ตะกรุดโทน
โดยยันต์ชนิดนี้ตามความเชื่อจะเป็นที่ใช้สำหรับการป้องกันอันตรายจากบรรดาเหล่าอาวุธทุกชนิด
ยันต์อาวุธทั้งสี่
โดยความหมายของยันต์ชนิดนี้ตามความเชื่อนั่นก็คือ ยันต์ที่เอาไว้สำหรับป้องกันภูตผี ปีศาจ และยังมีคุณสมบัติในการถอนและแก้คุณไสยได้ทุก ๆ อย่างเลยอีกด้วย
ยันต์โภคทรัพย์
โดยยันต์ชนิดนี้ส่วนใหญ่มักจะนิยมใส่เอาไว้ในกระเป๋าเงิน เนื่องจากยันต์ตัวนี้ในทางความเชื่อจะมีความหมายเกี่ยวกับการทำให้เงินพอกพูน เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ยันต์พญาราชสีห์
โดยยันต์ชนิดนี้ในทางความเชื่อนั้นทำให้ผู้สักนั้นมีความน่าเกรงขาม และ ดูมีอำนาจ ซึ่งเพราะคุณสมบัติของมันนี้เองที่ทำให้หลาย ๆ คนนิยมสักมัน
ยันต์พญาเสือ
โดยยันต์ชนิดนี้ในทางความเชื่อนั้นจะมีความหมายคล้าย ๆ กับ ยันต์พญาราชสีห์ นั่นก็คือ ความเชื่อ และ การทำให้คนมีความรู้สึกน่าเกรงขาม อีกทั้งยันต์ชนิดนี้ยังใช้ในการป้องกันสัตว์ร้ายต่าง ๆ ในเวลาเดินป่าได้อีกด้วย
ยันต์พญาหนุมาน
โดยยันต์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งยันต์ที่คนค่อนข้างนิยมสักกันมาก เพราะว่ามันให้คุณสมบัติของการสักถึง 2 ประเภทนั่นก็คือ การมีอำนาจในการอยู่ยงคงกระพัน และ มันยังให้ผลอย่างเมตตามหานิยมอีกด้วย
ยันต์ท้าวเวสสุวรรณ
โดยยันต์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นยันต์ที่เหมาะสำหรับคนที่กลัวผีเลยทีเดียว เพราะว่ายันต์ชนิดนี้มีความเชื่อในการป้องกันภูตผี ปีศาจทุกชนิด รวมถึงยังสามารถที่จะช่วยแก้คุณไสยได้อีกด้วย
และนี่ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ การสักยันต์ ความขลัง และ ลี้ลับ ของรอยสักไทยที่ถ่ายทอดผ่านอักขระ ที่เราได้นำมาฝากทุก ๆ กัน แต่ทว่าเรื่องราวของยันต์ประเภทต่าง ๆ ตามความเชื่อของคนไทยยังมีอีกมากมาย ซึ่งเอาไว้โอกาสหน้าเราจะนำเรื่องราวขอยันต์ประเภทต่าง ๆ มาฝากคุณผู้ชมกันอีก slothub888s