สารบัญ ลายสัก รอยสัก

ความขลังของการสักยันต์ไทย


ไม่ใช่แค่ 'ความเชื่อ' ดู 'รอยสักยันต์' ในแง่งามของงานศิลป์

รอยสักนั้นถือได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถบ่งบอกถึงวัฒนธรรมและความเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ ของแต่ละประเทศได้อย่างดี และหนึ่งในรอยสักที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ และยังคงนิยมมาจนถึงปัจจุบันนั่นก็คือ การสักยันต์ของประเทศไทยนั่นเอง โดยสาเหตุที่ยังคงทำให้การสักยันต์ในประเทศไทยดำเนินต่อมาเรื่อย ๆ นั่นก็คือ ความขลังของการสักยันต์ไทย นั่นเอง

และอย่างที่รู้ ๆ กันว่าการสักยันต์ของไทยนั้นหากคุณต้องการที่ต้องการฤทธิ์ทางไสยศาสตร์ มันไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมาเป็นผู้สัก โดยหนึ่งในตำนานการสักที่ค่อนข้างจะโด่งดัง และ ได้รับการยอมรับมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการสักยันต์ของหลวงพ่อเปิ่น โดยท่านถือได้ว่าเป็นเกจิอาจารย์ดังคนหนึ่งของไทย และนั่นเองก็ทำให้ผู้คนต่างพากันหลั่งไหลมาสักยันต์จนท่านสักไม่ทัน จึงทำให้ท่าต้องส่งต่อวิชาของตนให้กับพระสงฆ์หลาย ๆ รูปที่เป็นลูกศิษย์ของท่าน แต่ถึงแม้ว่าลูกศิษย์ของท่านจะเป็นคนสักก็ตามที แต่สุดท้ายก็จะเป็นหลวงพ่อเปิ่นเองที่จะเป็นคนเสก และ เป่าคาถาเพื่อให้คนสักเกิดความมั่นใจในรอยสักมากยิ่งขึ้น

โดยจุดเด่นของยันต์หลวงพ่อเปิ่นนั่นก็คือ รูปอักขระเลขยันต์ที่หลวงพ่อเปิ่นสักลงไปนั้นมันจะมีความหมายในทุก ๆ ตัวอักษร และรูปลักษณ์ต่าง ๆ ก็จะไม่ได้เหมือนกันหมด โดยหลวงพ่อจะเป็นผู้ดูว่าคนที่สักนั้นมาจากไหน ซึ่งการสักยันต์ที่นิยมของหลวงพ่อเปิ่นส่วนมากมักจะใช้กันนั่นก็คือ  ยันต์หอมเชียง ยันต์เก้ายอด ยันต์แปดทิศ และ อื่น ๆ อีกมากมาย

ขั้นตอนของการสักยันต์ไทย
ยันต์ : พลังแห่งศรัทธาที่พลิกชีวิตหญิงนอนข้างถนน สู่ครอบครัวอบอุ่น - BBC  News ไทย

มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนน่าจะอยากรู้แล้วว่าการจะเข้ารับการสักยันต์นั้นจำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นอย่างไรบ้าง โดยขั้นตอนแรกนั่นก็คือ การหาดอกไม้ ธูปเทียน และ ค่ายกครู ซึ่งจะแตกต่างกันไปแต่ละสำนักของอาจารย์ที่สัก และหลังจากที่ทำขั้นตอนดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้ที่จะสักก็จะทำการเลือกสักยันต์ในรูปแบบ และ ลักษณะที่ต่างกันไป ซึ่งพอเลือกเสร็จแล้วขั้นตอนต่อมากนั่นก็คือการจุดตะเกียงน้ำมันก๊าด เพื่อเอาพิมพ์ไปรมควันให้เขม่าจับที่แบบพิมพ์ และ หลังจากนั้นก็จะเอาพิมพ์กดไปบริเวณผิวหนังที่ต้องการสัก แต่บางสำนักก็จะใช้หมึกจีนในการตีเส้นรอยที่จะสักเป็นโครงร่างลงบนผิวหนังก่อน นอกจากนั้นก็ยังมียันต์อีกหลายแบบที่ไม่ต้องใช้แม่พิมพ์ 

โดยการจะสักยันต์เพื่อลงอักขระนั้นมีอยู่ 2 อย่างนั้นก็คือ การสักน้ำมันที่ส่วนมากจะใช้น้ำมันจันทน์หอแช่ว่าน หรือ น้ำมันงาขาวที่บางสำนักอาจจะผสมน้ำมันช้างตกมัน หรือ น้ำมันเสือโคร่งเข้าไปด้วย ซึ่งการสักน้ำมันในสมัยนี้ถือได้ว่าเป็นที่นิยมค่อนข้างมากเพราะมันไม่มีลวดลายให้เห็น 

ส่วนการสักอีกแบบนั้นก็คือการสักหมึก โดยหมึกที่นำมาใช้จะเป็นหมึกจีนที่นำมาผสมกับน้ำพุทธมนต์ ส่วนถ้าเป็นสมัยก่อนอาจจะมีการผสมดีเสือ ดีหมี หรือ ดีงูเห่าเข้าไปด้วย ส่วนการลงเข็มสักยันต์นั้นอาจารย์ผู้ทำพิธีจะให้ลูกศิษย์นั้นกดผิวหนังของผู้สักให้ตึง และจากนั้นก็ใช้เข็มแทงไปตามรูปแบบพิมพ์ และในระหว่างนั้นจะมีการบริกรรมคาถาไปตลอดเวลาเพื่อการถ่ายทอดเวทมนตร์คาถาลงไปยันต์นั้น ๆ 

ข้อห้ามสำหรับคนสักยันต์
รอยสักกับคนดัง: ยันต์ห้าแถว อาจารย์หนู กันภัย – เด็กอยากลองของ

สำหรับคนที่สักยันต์นั้นจะต้องรับข้อห้ามหลาย ๆ อย่างที่ตามมาหลังจากนั้นให้ได้ด้วย โดยข้อห้ามนั่นก็คือ ห้ามผิดลูกเมีย ห้ามด่าบุพการี ห้ามกินน้ำเต้าหรือมะเฟือง ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย หรือ ตะพานหัวเดียว และ ให้ถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด โดยข้อห้ามเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นข้อห้ามที่มีมาตั้งแต่โบราณ โดยหากใครฝ่าฝืนข้อห้ามดังกล่าวแล้ว อิทธิฤทธิ์ของยันต์ที่อยู่บนร่างกายของคนคนนั้นจะเสื่อมถอยลงจนสุดท้ายแล้วมันก็จะกลายเป็นเพียงแค่ลวดลายบนผิวหนังธรรมดา ๆ 

ทำไมการสักยันต์ถึงกลายเป็นกระแสขึ้นมา
เพราะเชื่อและศรัทธา! แองเจลิน่า โจลี่ บินตรงให้อาจารย์หนู สักยันต์ ถึง 4 รอบ

จริง ๆ แล้วศาสตร์ในการสักยันต์ในช่วงแรกของคนไทยนั้นยังถือได้ว่าเป็นศาสตร์ที่มีความเชื่อในแบบเฉพาะกลุ่มพอสมควร แต่หลังจากที่นักแสดง Hollywood อย่าง แองเจลินา โจลี ได้ตัดสินใจบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อสักยันต์กับอาจารย์หนูกันภัย กระแสการสักยันต์ก็กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก และเป็นการปลุกกระแสการสักยันต์ให้กลับมาฮิตอีกครั้ง และนั่นเองจึงทำให้บรรดาเหล่าดารา และ นักธุรกิจ ข้าราชการ และ คนธรรมดาอีกหลายคนต่างแห่ไปจองคิวสักยันต์กันจนลืมไปว่าจริง ๆ แล้วจุดประสงค์ของการสักยันต์นั้นคืออะไรกันแน่

โดยเอาจริง ๆ แล้วการสักยันต์ในอดีตนั้นมีไว้เพื่อป้องกันตัวสำหรับผู้ชายที่ไปออกรบเพื่อกู้ชาติบ้านเมือง โดยความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยผู้ที่สักมักจะเชื่อว่า ถ้าสักยันต์แล้วอำนาจต่าง ๆ ของรอยสักจะช่วยคุ้มครองจากคมมีดดาบ หรือ กระสุน

จนเวลาผ่านมาเมื่อโลกเริ่มหมดสิ่งที่เรียกว่าสงคราม และเข้าสู่ยุคของแฟชั่น การสักยันต์นั้นกลับถูกมองว่ามันเป็นศิลปะบนร่างกายเพื่อเพิ่มเสน่ห์ในการดึงดูดเพศตรงข้ามมากว่าเรื่องของคาถาอาคม ดังนั้นจึงทำให้มีวัยรุ่นหลาย ๆ คนนิยมสักแบบไม่มีการลงคาถาอาคมกำกับ เนื่องจากพวกเขามองว่าการสักยันต์นั้นเหมือนกับศิลปะที่ค่อนข้างอ่อนช้อย และนั่นเองจึงทำให้มีร้านเล็ก ๆ ที่รับจ้างสักยันต์โดยไม่มีการลงคาถาอาคมเพิ่มขึ้น แถมรอยสักส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถโชว์ให้เห็นได้

แต่ทว่าเรื่องราวของ ความขลังของการสักยันต์ไทย ยังไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้เพราะว่าการสักยันต์ไทยนั้นยังต้องแลกมาซึ่งข้อห้าม และ ข้อปฏิบัติหลาย ๆ อย่าง ซึ่งเอาไว้เดี๋ยวครั้งหน้าเราจะพาทุก ๆ คนไปทำความรู้จักสิ่งเหล่านั้นกัน

ลายสัก HOT

บทความลายสักล่าสุด

หมวดหมู่ลายสัก

สารบัญ ลายสัก รอยสัก