เราว่าในหลาย ๆ บทความภายในเว็บไซต์ของเราได้มีการย้ำอยู่เสมอว่าในปัจจุบันนี้รอยสักถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สังคมได้เปิดใจยอมรับมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว ซึ่งสิ่งที่มันสามารถพิสูจน์เรื่องราวดังกล่าวที่เรากล่าวเอาไว้ได้ชัดเจนที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการที่เราได้เห็นรอยสักผ่านสายตาของเราในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เดินอยู่ตามถนนหนทาง หรือจะเป็นการได้เห็นบรรดาเหล่านางแบบ หรือ ดาราทีวีต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่มีรอยสักบนร่างกายกันมากขึ้น
แต่หนึ่งในปัจจัยที่เป็นการพิสูจน์ว่ารอยสักนั้นได้รับการยอมรับมากที่สุดสำหรับบรรดาเหล่าผู้ชายอย่างเราก็คงจะหนีไม่พ้น บรรดาเหล่านักกีฬาต่าง ๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นต่างก็มีรอยสัก โดยหากจะพูดถึงกีฬาที่เรามักจะเห็นรอยสักของพวกเขาอยู่เสมอก็คงจะหนีไม่พ้นกีฬาอย่างชกมวย เนื่องจากบรรดาเหล่านักมวยทั้งหลายล้วนแล้วแต่ต้องถอดเสื้อเพื่อขึ้นชกกันบนสังเวียนผ้าใบ และถ้าหากจะให้พูดถึงนักชกที่กลายเป็นที่รู้จักของใครหลาย ๆ แม้กระทั่งคนนอกวงการมวยก็ยังรู้จักมันก็คงจะหนีไม่พ้นชายที่ชื่อว่า ไมก์ ไทสัน เจ้าของฉายา มฤตยูดำ
ซึ่งตัวของไมก์ ไทสันเองก็เป็นอีกหนึ่งนักมวยที่มีรอยสักอยู่บนร่างกายเช่นกัน ดังนั้นในครั้งนี้ เราจึงจะขอพาทุก ๆ คนไปพบกับเรื่องราวของ ความหมายต่าง ๆ ของรอยสักนักชกระดับตำนาน Mike Tyson กัน ซึ่งแต่ละรอยสักที่อยู่บนร่างกายของเขาจะมีความหมายอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่าเราไปเริ่มต้นเรื่องราวในครั้งนี้กันเลยดีกว่า
Mike Tyson ชายผู้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการมวย
โดยตัวของ ไมก์ ไทสัน เมื่อครั้งอดีตเขาคนนี้คือนักมวยที่ชกอยู่ในรุ่นเฮฟวีเวท โดยสิ่งที่มันทำให้ตัวของเขาคนนี้สามารถสั่นสะเทือนวงการมวยในตอนนั้นได้ก็คือ เขาคนนี้สามารถทำสถิติเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวทได้ ซึ่งในตอนที่ของเขาคนนี้ได้แชมป์ เขามีอายุเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น แต่แค่นั้นยังไม่พอเพราะว่าตัวของไมก์ ไทสัน คนนี้ยังได้สร้างประวัติศาสตร์อีกอย่างขึ้นมาในวงการมวยนั่นก็คือ เขายังสามารถที่จะคว้าแชมป์โลกเฮฟวีเวทได้ถึง 3 สถาบันเป็นคนแรกของโลกได้อีกด้วย
ส่วนอีกหนึ่งตำนานที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะพอทราบกันดีนั่นก็คือความดุดันของเขาที่ได้เข้ากัดหูคู่ชกอย่าง
อารีน่า โฮลีฟิลด์ ในระหว่างการชก และในแมตช์นั้นนี่เองที่ทำให้ตัวของไมก์ ไทสัน ถูกจับแพ้ฟาวล์และยกเลิกใบอนุญาตในการชกมวยไปสักพักเลยทีเดียว
รอยสักบนใบหน้าของ Mike Tyson
โดยรอยสักส่วนนี้ของ Mike Tyson น่าจะเป็นรอยสักที่โดดเด่น และ กลายเป็นที่จดจำของผู้คนทั่วโลก ซึ่งรอยสักบริเวณใบหน้านี้ตัวของเขาได้เริ่มสักครั้งแรกในปี 2003 ซึ่งเป็นฝีมือของช่างสักที่ชื่อว่า Victor Whitmill โดยไมก์ ไทสันต้องการให้มันมีลักษณะออกมาคล้าย ๆ กับลวดลายของการสักแนวชนเผ่า แถมไอ้เจ้ารอยสักนี้ยังเคยสร้างเรื่องราวใหญ่โตมาแล้ว เพราะว่าได้มีช่างภาพคนหนึ่งเอารูปรอยสักนี้ไปใช้เป็นรอยสักให้กับชนเผ่าหนึ่ง และนั่นเองจึงทำให้เกิดเรื่องของการฟ้องร้องขึ้นเนื่องจากรอยสักนั้นมันเหมือนกับรอยสักของไมก์ ไทสัน แทบทุกประการ
รอยสักบริเวณไหล่ด้านขวาของ Mike Tyson
โดยบริเวณนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งของรอยสักที่โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยบริเวณนี้เขาได้สักเป็นรูปหน้าของผู้นำชาวจีนที่โด่งดังอย่าง อดีตประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน เหมา เจ๋อ ตุง ซึ่งเป็นผู้ทำให้ประเทศจีนมีเหตุที่ต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบบคอมมิวนิสต์จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นแล้วที่ใต้รูปยังมีตัวอักษรเขียนว่า Mao อีกด้วย ซึ่งรอยสักนี้มันได้เป็นการแสดงออกถึงความเป็นคนหัวขบถของเขาได้อย่างชัดเจน
รอยสักบริเวณหน้าท้องด้านซ้ายของ Mike Tyson
บริเวณนี้จะมีรอยสักของ เช เกวารา โดยชายคนนี้เป็นทั้งหมอ เป็นทั้งนักการทูต เป็นทั้งนักเขียน และ เป็นนักปฏิวัติอีกด้วย ซึ่งตัวของ เช นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สำคัญมาก ๆ ต่อประวัติศาสตร์ประเทศคิวบา ซึ่งใบหน้าของ เช นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของการต่อต้าน และ การเป็นกบฏ เช่นเดียวกับหน้าตาของเหมา เจ๋อ ตุง
รอยสักบริเวณท้องแขนด้านซ้ายของ Mike Tyson
โดยรอยสักบริเวณนี้ตัวของ ไมก์ ไทสัน เลือกที่จะสักเป็นรูปใบหน้าของอดีตภรรยาอย่าง Monica Turner แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันนี้ตัวของเขาได้เลิกรากับภรรยาสาวคนนี้ไปแล้ว
รอยสักบริเวณแขนขวาของ Mike Tyson
โดยรอยสักนี้เขาได้สักเอาไว้เป็นรูปหน้าของ Arthur Ashe ซึ่งเป็นอดีตแชมป์นักเทนนิส ซึ่งเขาคนนี้ก็เป็นนักต่อต้านอีกคน และยังเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อต่อต้านโรคเอดส์ โดยไมก์ ไทสันได้เลือกสักประโยคอย่างคำว่า Days of Grace ไว้คู่กับรอยสักนี้ และนี่เองก็เป็นอีกหนึ่งรอยสักที่แสดงให้เห็นถึงการต่อต้านสังคมของมฤตยูดำคนนี้
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ ความหมายต่าง ๆ ของรอยสักนักชกระดับตำนาน Mike Tyson ที่เราได้นำมาฝากกัน ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันตัวของ ไมก์ ไทสัน จะแขวนนวมไปนานแล้วก็ตาม แต่ชื่อของเขาก็ยังคงเป็นตำนานของวงการมวยที่คนทั้งใน และ นอกวงการมวยต่างก็รู้จักในลีลาและความดุดันของเป็นอย่างดี