หากย้อนอดีตไปเมื่อสมัยก่อนนั้น มนุษย์เราสามารถที่จะแลกเปลี่ยนสิ่งของต่าง ๆ ด้วยการนำสิ่งของที่ดูแล้วมีมูลค่า ๆ พอกันมาแลกเปลี่ยนกัน แต่เพราะบางทีการตีราคาของต่าง ๆ ผ่านทางสายตานั้นก็ไม่อาจจะไม่ได้ผลเสมอไป มันจึงทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าเงินตราขึ้น และหลังจากเกิดสิ่งที่เรียกว่าเงินตราขึ้นนี้เองมันจึงกลายเป็นตัววัดคุณค่าของสิ่งของต่าง ๆ ไปโดยปริยาย แต่ทว่าสิ่งที่เงินตราไม่อาจจะวัดค่าได้นั้นก็มีเช่นกัน โดยเฉพาะผลงานทางศิลปะต่าง ๆ ที่สายตาของคนเราต่างมองว่ามันมีราคาถูก และ แผงแตกต่างกันไป ซึ่งรอยสักเองก็เป็นหนึ่งในผลงานทางศิลปะที่ค่อนข้างตีราคาออกมาจริง ๆ ได้ยากอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
แต่เมื่อทุก ๆ การสัก และ การจรดเข็มลงบนผิวหนังมนุษย์นั้นทุกอย่างย่อมมีต้นทุน ดังนั้นมันจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงมักจะมี คำถามที่พบบ่อย ๆ ว่าราคาของรอยสักถูกแพงนั้นมาจากอะไร และมันคุ้มค่ากับที่เรายอมเสียเงินหรือเปล่า ซึ่งในบทความก่อนหน้านี้แล้วเราได้พูดถึงราคาต้น ๆ ทุนต่าง ๆ ที่ทำให้ลวดลายเหล่านั้นมีมูลค่ากันไปแล้ว ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้อ่านคุณอาจจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วการจะสร้างรอยสักสักลายหนึ่งมีต้นทุนมากกว่าที่คุณคิดเอาไว้ ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณไปย้อนอ่านบทความก่อนหน้านี้ภายในเว็บไซต์ของเราเสียก่อน ส่วนสำหรับใครที่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของต้นทุนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะตีราคาของสิ่งเหล่านี้กันต่อ
เอาละมาถึงสิ่งที่เราเชื่อว่าร้านสักต่าง ๆ น่าจะต้องเคยผ่านคำถามเหล่านี้มาแล้วไม่มากก็น้อย
นั่นก็คือ ราคาค่าสักมันควรอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ซึ่งจริง ๆ แล้วค่าใช้จ่ายในการสักนั้นส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับศิลปินที่สัก และ สตูดิโอต่าง ๆ ซึ่งทางร้าน และ ศิลปินก็จะช่วยกันประเมินว่างานออกแบบของคุณนั้นมีขนาดใหญ่ หรือ มีความซับซ้อนมากเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอนว่าถ้ามันมีขนาดใหญ่ และ ความละเอียดสูง รอยสักนั้นก็จะมีต้นทุนในการทำสูงขึ้นเท่านั้น เนื่องจากมันจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา และ ความยากในการออกแบบ นอกจากนั้นที่สำคัญที่สุดเลยนั่นก็คือ มันจำเป็นที่จะต้องใช้ช่างสักที่มีฝีมือในการสักลายนั้น ๆ ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนราคาของแต่ละสตูดิโอแพงแตกต่างกันนั่นก็คือ สถานที่ตั้งของร้าน
อีกหนึ่งสิ่งที่คนสักแรก ๆ มันจะมีคำถามนี้ขึ้นมาอยู่ในหัวเสมอหลังจากที่พวกเขาได้ทราบราคาของรอยสักต่าง ๆ แล้ว
สิ่งสิ่งนั้นก็คือ รอยสักนั้นจะคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปหรือไม่ ซึ่งแน่นอนแหละว่าการมีรอยสักอันยอดเยี่ยมจากบรรดาเหล่าศิลปินระดับชั้นแนวหน้าของวงการมันก็ทำให้ลวดลายที่อยู่บนร่างกายคุณนั้นดูมีมูลค่าขึ้นเป็นอย่างมาก แถมมันยังเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้คุณกล้าที่จะอวดรอยสักสวย ๆ ออกสู่สายตาของคนโดยทั่วไปได้อย่างภาคภูมิใจอีกด้วย นอกจากนั้นแล้วการที่คุณมีรอยสักจากศิลปินระดับชั้นแนวหน้าของวงการมันยังเปรียบเสมือนกับการเชื่อมโยงคุณไว้กับบรรดาเหล่าคนรักรอยสักที่ได้รับการสักจากศิลปินคนเดียวกันอีกด้วย
แถมดีไซน์ที่มาจากบรรดาเหล่าศิลปินดัง ๆ นั้น เราเชื่อว่าแต่ละเรื่องราวที่พวกเขาถ่ายทอดออกมาจะต้องเป็นอะไรที่ลึกซึ้งและมันสามารถแสดงออกถึงตัวตนของคุณได้อย่างชัดเจน ซึ่งวิธีการถ่ายทอดศิลปะเหล่านั้นออกมาให้คนโดยทั่วไปสามารถเข้าใจนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และ อีกอย่างวิธีการถ่ายทอด หรือ วิธีการเล่าเรื่องผ่านรูปภาพของศิลปินแต่ละคนก็ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัวแบบนี้นี่เองที่ถ้าคุณเทียบกับราคาที่คุณมีคนเดียวในโลกแล้วมันจึงเป็นอะไรที่ดูแล้วคุ้มค่าเป็นอย่างมาก แถมศิลปะเหล่านั้นก็จะมีวันจางหายไปง่าย ๆ หากคุณดูแลมันอย่างถูกวิธี
และเมื่อรอยสักคือผลงานที่ถูกจัดหมวดหมู่อยู่ในงานประเภทศิลปะ จึงทำให้ผู้ที่สักหลาย ๆ คนมักจะเกิดอาการเกร็งว่า
การไปถามเรื่องราคากับงานศิลปะที่ต้องใช้สายตาในการเสพความงดงามนั้นจะเป็นเหมือนกับเสียมารยาทกับเจ้าของงานหรือศิลปินหรือไม่ ซึ่งสำหรับใครที่กำลังกังวลกับปัญหาดังกล่าวนั้น เราขอบอกว่าคุณสามารถที่จะสบายใจได้เลย เพราะว่าการถามราคาเกี่ยวกับรอยสักที่กำลังจะมาอยู่บนร่างกายของคุณนั้นไม่ใช่เรื่องที่เสียมารยาทเลยแม้แต่น้อย แถมในทางกลับกันมันยังเป็นสิ่งที่ค่อนข้างได้ผลดีอีกด้วย
เนื่องจากการถามราคาเกี่ยวกับรอยสักนั้นเป็นเรื่องปกติ และ การที่คุณได้ปรึกษาหรือคุยกับช่างนั้น มันจะทำให้ตัวของช่างสามารถที่จะกำหนดงบประมาณในการสักให้คุณได้ แต่ทว่าราคาที่คุณได้ทราบนั้นจะเป็นราคาที่เป็นการประเมินคร่าว ๆ เท่านั้น ซึ่งพอเราพูดมาถึงตรงนี้แล้วหลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า แล้วเพราะอะไรทำไมช่างสักถึงไม่ตีเป็นราคาจริงออกมา
ทั้ง ๆ ที่ก่อนจะสักก็ต้องรู้รายละเอียด และ ขนาดของรอยสักอยู่แล้ว ซึ่งคุณคิดแบบนั้นก็ถือว่าไม่ผิด แต่คุณต้องอย่าลืมว่า
สิ่งที่คุณคิดนั้นมันเป็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่บนกระดาษเท่านั้น เพราะเวลาสัก สิ่งเหล่านั้นจะต้องลงไปสู่ผิวหนังจริงของคุณ
ซึ่งผิวหนังของแต่ละคน รวมถึง กระดูกตามส่วนต่าง ๆ ของมนุษย์นั้นไม่เท่ากัน มันจึงทำให้การลงเข็มเพื่อนำน้ำหมึกไปยังบริเวณนั้นมีความยาก ง่าย แตกต่างกันไปตามแต่ละตัวบุคคล และ ความยากง่ายนี้เองก็จะส่งไปถึงระยะเวลาของการสัก
ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยด้านราคาอีกด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนที่กำลังจะมีรอยสักน่าจะเกิดคำถามขึ้นในใจนั่นก็คือ เราควรที่จะให้ทิปแก่ศิลปินช่างสักหรือไม่
ซึ่งแน่นอนแหละว่างานสักเองก็เป็นหนึ่งในงานบริการเช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งโดยปกติตามต่างประเทศแล้วอุตสาหกรรมการบริการนั้นจะมีทิปของการบริการอยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งราคานี้มันถือได้ว่าเป็นราคาพื้นฐานที่กำลังดีหากคุณมีความพึงพอใจในผลงาน และ คุณได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมจากงานบริการเหล่านั้นจริง ๆ ซึ่งนั่นเท่ากับว่า หากราคาค่าสักของคุณมีมูลค่า 2000 บาท ทิปที่คุณควรให้ก็น่าจะอยู่ราคา 400 บาทนั่นเอง แต่ใช่ว่าคุณจำเป็นที่จะต้องให้ทิปในทุก ๆ ครั้งที่สัก เพราะแน่นอนว่าทิปนั้นคือการให้เพราะคุณรู้สึกถูกใจในผลงานที่คุณได้รับเป็นอย่างมากนั่นเอง แต่สำหรับประเทศอย่าง สหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก แอฟริกา และ โซนตะวันออกกลางนั้น การให้ทิปนั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกบังคับใช้ ดังนั้นถ้าคุณคิดจะบินไปสักยังประเทศเหล่านี้ เราอยากจะขอให้เพื่อเงินในส่วนตรงนี้เอาไว้จำนวนหนึ่ง แต่สำหรับโซนอื่น ๆ แล้วการให้ทิปนั้นยังถือได้ว่าเป็นสิ่งเสริมหากคุณพึงพอใจในงานบริการนั้นจริง ๆ
เป็นยังไงกันบ้างกับคำถามที่พบบ่อย ๆ ว่าราคาของรอยสักถูกแพงนั้นมาจากอะไร ซึ่งเราหวังว่าบทความนี้จะเป็นการตอบคำถามที่ใครหลาย ๆ คนกำลังค้างคาใจอยู่ว่าทำไมการไปสักกับช่างสักแต่ละคน แต่ละสตูดิโอ ถึงมีราคาแพงที่แตกต่างกันไป ซึ่งสภาพเศรษฐกิจแบบนี้มันก็ไม่ผิดหรอกที่คุณจะต้องการอะไรที่ไม่แพงจนเกินไป แต่สำหรับลวดลายอย่างรอยสักแล้วเราอยากแนะนำให้คุณมองข้ามด้านราคาไปก่อน เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มันคือสิ่งที่จะติดตัวเราไปจนวันตาย ดังนั้นหากคุณยอมจ่ายเงินเป็นหมื่น แล้วสามารถอวดลวดลายเหล่านั้นของคุณสู่สายตาของคนอื่น ๆ ได้แบบไม่อายใครนั้น มันย่อมดีกว่าคุณเสียเงินเพียงไม่กี่พันแต่ต้องปกปิดรอยสักนั้นไปตลอดกาล แถมถ้าหากคุณไม่ชอบรอยสักนั้น ค่าลบมันยังแพงกว่าค่าที่คุณไปสักมาเสียอีก