หากเราจะให้คุณถึงนักร้องซุปเปอร์สตาร์ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์จนกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกได้มาสักคนหนึ่ง
ชื่อของชายที่ชื่อว่า จัสติน บีเบอร์ จะต้องเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ปรากฏออกมาในทุก ๆ ครั้งที่มีการถามอย่างแน่นอน
แต่สำหรับใครที่ติดตามตัวของจัสตินมาตั้งแต่แรกที่เขาเข้าวงการนั้น คุณน่าจะพอรู้กันมาบ้างแล้วว่า ตัวของเขาในตอนแรก กับ ปัจจุบันนี้ค่อนข้างที่จะแตกต่างกันอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
เพราะในตอนแรกนั้นตัวของ จัสติน บีเบอร์ เข้ามาในวงการด้วยลุคนักร้องป๊อปสตาร์วัยใส แต่ทว่าในปัจจุบันนี้ภาพลักษณ์เหล่านั้นกลับหายไปจนหมดเพราะว่าตอนนี้ร่างกายที่สะอาดสะอ้านของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยสักจำนวนมาก ซึ่งรอยสักที่เกิดขึ้นบนร่างกายของเขานั้นก็ไม่ได้เพียงแค่สักเอาเท่เท่านั้น แต่ในทุก ๆ รอยสักของ จัสติน บีเบอร์ นั้นยังเต็มไปด้วยความหมาย และ สิ่งต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับตัวเขา ดังนั้นในครั้งนี้เราจึงขอพาทุก ๆ คนไปพบกับ รอยสักเท่ ๆ ของ Justin Bieber กับความหมายที่ซ่อนอยู่ กัน ซึ่งแต่ละรอยสักจะมีอะไรบ้าง และมันจะเล่าถึงเรื่องอะไรในชีวิตเขา เอาเป็นว่าเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า
รอยสักที่อุทิศให้กับศาสนา
สำหรับใครที่เป็นแฟน ๆ ของจัสตินมานาน คุณก็น่าจะพอรู้กันดีว่าตัวของเขานั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่ค่อนข้างเคร่งในเรื่องศาสนาอย่างมาก โดยเขามักจะเข้าโบสถ์ร่วมกับภรรยาของเขาอยู่เสมอ และนั่นเองจึงทำให้อิทธิพลทางศาสนาส่งผลมายังรอยสักของเขา
โดยหนึ่งในรอยสักที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวก็คือ รอยสักรูปมือที่กำลังสวดอธิษฐานอยู่บนน่อง แถมเจ้ารอยสักนี้ก็ยังเป็นรอยสักแรกที่อยู่ที่บนร่างกายของเขาตั้งแต่ปี 2012 เลยอีกด้วย นอกจากนั้นตัวของเขายังมีรอยสักไม้กางเขนขนาดเล็กที่อยู่ที่บริเวณหางตาด้านขวา ซึ่งเจ้ารอยสักนี้จะเปรียบเสมือนกับการเป็นตัวแทนของความเชื่อในพระเยซู และ การเดินทางต่าง ๆ ของเขา นอกจากนั้นแล้วบริเวณกลางหน้าอกของจัสติน บีเบอร์ ยังมีรอยสักเป็นวลีว่า Song of God
ส่วนรอยสักที่เกี่ยวข้องกับศาสนาที่โดดเด่นที่สุดของเขานั่นก็คือ รอยสักที่เป็นภาพของเทวดาที่สามารถเอาชนะซาตานได้
ซึ่งเจ้ารอยสักนี้ถูกออกแบบโดย Bang Bang ซึ่งเป็นช่างสักที่เคยสักให้กับบรรดาเหล่าคนดังมาแล้วมากมาย โดยความหมายของมันนั่นก็สามารถตีความได้แบบตรงตัวเลยนั่นก็คือ การที่ความดีเอาชนะความชั่วได้
รอยสักที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว
จัสติน บีเบอร์ ถือได้ว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่ค่อนข้างรักครอบครัวของเขาเป็นอย่างมากโดยมันมักจะถูกสะท้อนออกมาทางผลงานเพลงของเขาอยู่เสมอ ๆ และนั่นเองก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันจะทำให้ตัวของเขานั้นมีรอยสักเกี่ยวกับคนในครอบครัวอยู่บนร่างกาย ยกตัวอย่าง รอยสักรูปนกที่อยู่ตรงสะโพกของเขา ซึ่งรอยสักนี้ได้มาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเขาสักเพื่อเป็นการฉลองวันเกิด โดยมีการอ้างอิงมาจากนิทานที่ชื่อว่า Jonathan Livingston Seagull แถมยังไม่ได้มีเพียงแค่ตัวของจัสตินคนเดียวเท่านั้นที่ทำการสัก เพราะว่าคนในครอบครัวเขาแทบทุกคนก็มีรอยสักนี้เช่นเดียวกัน
ส่วนอีกลวดลายหนึ่งก็คือคำว่า Yeshu ซึ่งในภาษาฮิบรูคำคำนี้ก็คือชื่อของพระเยซู โดยตัวของจัสตินได้สักเอาไว้บริเวณกระดูกซี่โครงของเขา ซึ่งนอกจากรอยสักนี้จะไปเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนาแล้ว รอยสักนี้ยังเป็นรอยสักที่มีความหมายถึงพ่อของเขาด้วย เนื่องจากมันเป็นรอยสักที่พ่อของเขาก็มีเช่นกัน
อีกหนึ่งจุดที่ที่ตัวของจัสตินสักเอาไว้เพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวครอบครัวนั่นก็คือ รอยสักบริเวณกระดูกไหปลาร้าด้านซ้าย โดยรอยสักนั้นก็คือ รอยสัก 1975 ที่ถูกเขียนด้วยเลขโรมัน ซึ่งเจ้าเลขนี้ก็คือปีเกิดของแม่ของเขา นอกจากนั้นแล้วตัวของจัสตินยังมีรอยสักเป็นสัญลักษณ์ของอินเดียนแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทีมไอซ์ฮอกกี้ใน Stratford Cullitons ซึ่งอยู่บริเวณหัวไหล่ โดยรอยสักนี้เขาสักเพื่อแสดงความระลึกถึงคุณตาของเขาที่จากไปแล้ว โดยเมื่อเขาเด็ก ๆ คุณตามักจะพาตัวของ จัสติน ไปดูการแข่งขันของทีมนี้ตลอด
รอยสักกับเรื่องราวของดนตรี
และเมื่อตัวของจัสตินเองก็เป็นนักร้องที่มีบรรดาเหล่าแฟนคลับอยู่ทั่วโลก มันก็น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีแล้วว่าตัวของเขาคนนี้นั้นเต็มไปด้วยความสามารถทางด้านเสียงดนตรีขนาดไหน จึงทำให้มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่ตัวของจัสตินจะมีรอยสักที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของเขา
โดยจัสตินได้ตัดสินใจหลังจากจบทัวร์คอนเสิร์ต Believe ในปี 2012 ว่าเขาจะไปสัก และนั่นเองก็เป็นที่มาของรอยสักรูปนกฮูก โดยเจ้ารอยสักนี้เป็นเสมือนกับตัวแทนของภูมิปัญญา แถมตัวของจัสตินยังมีการบอกใบ้ชื่อของอัลบั้มที่ 4 ของอย่าง Purpose ไว้บนรอยสักของเขาอีกด้วย ส่วนอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับดนตรีของจัสตินก็คือ สัญลักษณ์กุญแจซอลที่อยู่ด้านหลังใบหูของเขาซึ่งสักในปี 2014
รอยสักที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโต
และอย่างที่เราได้บอกทุก ๆ คนไปข้างต้นแล้วว่าตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันตัวของจัสตินเองได้มีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก และนั่นเองมันก็ทำให้ตัวของเขาได้มีการเล่าถึงเรื่องราวการเติบโต และ การเปลี่ยนแปลงของเขาที่เกิดขึ้นผ่านทางรอยสัก โดยในปี 2014 ตัวของจัสตินได้สักภาพที่มีชื่อว่า Balloon Girl ลงบนแขนของเขา และจากนั้นในปีต่อมาเขาก็ได้ปล่อยอัลบั้มชุด Purpose ซึ่งชุดนี้ถือได้ว่าเป็นชุดที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางด้านดนตรีของเขาอย่างแท้จริง
นอกจากนั้นตัวของจัสติน ยังมีรอยสักอย่าง Better at 70 ซึ่งอยู่บริเวณเข่าซ้าย โดยเจ้ารอยสักนี้มันจะเป็นการสื่อความหมายว่า ตัวของเขานั้นต้องการจะเป็นคนที่ดีกว่าตัวเองในตอนอายุ 70 ปี
และนี่ก็คือเรื่องราวของ รอยสักเท่ ๆ ของ Justin Bieber กับความหมายที่ซ่อนอยู่ ซึ่งมันแสดงให้เห็นแล้วว่ากว่าที่เขาจะมาถึงวันนี้ได้เขามีสิ่งใดเป็นที่ยึดมั่น