สารบัญ ลายสัก รอยสัก

ลายสักญี่ปุ่นมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร

25 Symbolic Japanese Tattoo Ideas (2022) - The Trend Spotter

สำหรัอีกหนึ่งลายสักที่มีวามนิยมมาอย่างยาวนาน และ ถือได้ว่าคนทั่วโลกเองต่างก็รู้จักกับลายสักนี้ค่อนข้างมาก ก็คงจะหนีไม่พ้นลายสักญี่ปุ่น เพราะว่าลายนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งลายสักที่มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมันคริสตกาลเสียอีก ซึ่งเพราะความยาวนานนี้เองมันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตัวของ ลายสักญี่ปุ่น มันถึงมีเรื่องราวที่เล่าขาวมาค่อนข้างนาน แต่เพราะอะไรทำไมมันถึงฮิตมาจนถึงปัจจุบันนี้ และ เพราะประวัติศาสตร์ความเป็นมาของลายสักญี่ปุ่นนั้นมันเริ่มต้นมาจากจุดไหน เอาเป็นว่า เดี๋ยววันนี้เราจะพาทุก ๆ คนไปทำความรู้จักกับลายสักญี่ปุ่นกัน

ก่อนอื่นเลยเราจะมาทำความรู้จักกันก่อว่า ลายสักญี่ปุ่นนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร โดยจริง ๆ แล้วลายสักญี่ปุ่นนั้นถือได้ว่าเป็นรอยสักที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลกเล้ว เพราะว่าถ้าจะให้ย้อนความไปถึงเชื้อสายการสักของญี่ปุ่นนั้นต้องกลับกันไปมากถึง 5000 ปีก่อนเลยทีเดียว ซึ่งการสักในตอนนั้นลายสักแบบญี่ปุ่นนั้นถูกพบในข้อความภาษาจีนโบรกาณ ที่เรีกยว่า เว่ยจื้อ ซึ่งถูกบันทึกเอาไว้ในปี ค.ศ. 297 โดยข้อความนั้นระบุเอาไว้ว่า ผู้ชายทุกวัยจะต้องมีรอยสักทุกส่วนอยู่บนร่างกาย แม้กระทั่งใบหน้า

Amazon.com: Kuro Sumi Japanese Tattoo Color Ink Pigments Set, Vegan  Professional Tattooing Inks, Grey Wash Shading and Outlining Black : Beauty  & Personal Care

ซึ่งรอยสักเหลานี้จะถูกมองว่าเป็นศิลปะพื้นบ้านแขนงหนึ่ง แต่ทว่าอีกทางหนึ่งลายสักญี่ปุ่นในตอนนั้นก็ถูกตีความออกมาในความหมายเชิงลบเช่นกัน และการตีความในเชิงลบนี้เองที่ทำให้คนในประเทศญี่ปุ่นนั้นมองว่าคนที่มีรอยสักนั้นล้วนแล้วแต่เป็นอาชญากร และ ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีใต้ดินต่าง ๆ อย่างแน่นอน และนั่นก็ทำให้โรงอาบน้ำ หรือ ออนเซ็น เองก็ต่างปฏิเสธที่จะให้บริการกับเหล่าคนที่มีรอยสัก เพราะว่าทุกคนมักจะจำฝังหัวกับว่า คนที่มีลายสักญี่ปุ่นลักษณะนี้มักจะมีความเกี่ยวข้องกับยากูซ่า นั่นเอง

ส่วนถ้าถามว่าทำไมคนที่มีลายสักญี่ปุ่นที่ถูกตรีตราว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยากูซ่า เราจะต้องขอย้อนกลับดูรากศํพท์ของคำว่า 

อิเรซึมิ โดยคำนี้เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่แปลกว่า การใส่หมึกก เพราะว่าลายสักญี่ปุ่นนั้นมีความแตกต่างกันไปในช่วงหลาย ๆ ชั่วอายุคน โดยปกติแล้วลายสักญี่ปุ่นนั้นจะเป็นการสักด้วยมือ ซึ่งจะใช้ด้ามไม้ และ เข็มเหล็กผูกติดกันเส้นไหม โดยในญี่ปุ่นนั้นจะมีหมึกชนิดพิเศษที่เรียกว่า Zumi ซึ่งหมึกนี้จะใช้สำหรับการสักแบบดั้งเดิมของญีปุ่นโดยเฉพาะ และ ช่างที่ทำการสักนั้นจะถูกเรียกว่า โฮอิชิ 

และเนื่องจากการสักในแบบดั้งเดิมของลายสักญี่ปุ่นนี้เองมันจะเป็นการใช้เวลานานอย่างมาก แถมมันยังค่อนข้างที่จะเจ็บปวดแบบสุด ๆ มันจึงทำให้รอยสักที่เกิดขึ้นมาเหล่านั้น เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แถมในตอนนั้นมันก็ยังที่จะสามารถช่วยเสริมแรงดังดูดทางเพศ รวมถึงแสดงความกล้าหาญออกมาได้อย่างมากมาย ซึ่งแนวคิดเหล่านี้นี่แหละที่มันเหมือนกับปรัชญาของสาวญี่ปุ่นโบราณที่ยึดถือกันมานาน แต่เพราะว่าด้วยกฎหมายเมื่อครั้งอดีตนั้นมันกลับทำให้สิ่งเหล่านี้ถูกลดทอนคุณค่า รวมถึงยังสร้างความใจผิดให้กับลายสักญี่ปุ่นโบราณอยู่

โดยลายสักญี่ปุ่นก่อนยุคเอโดะนั้น ทางนักโบราณคดีได้ค้นพบรูปแกะสลักดินจาก 5000 ปีก่อนคริสตศักราข และ ในพงศาสวดารจีนในศตวรรษที่ 3 ซึ่งได้มีการจารึกเอาไว้ว่า ผู้ชายทั้งเด็ก และ ผู้ใหญ่ ทุกคนต่างก็สักบนใบหน้า และตกแต่งร่างกายด้วยการออกแบบที่มีอารยะ เนื่องจากในสมัยนั้นประเทศญี่ปุ่นมักจะแทนตัวเองว่า เป็นคนป่า เพราะพวกเขาจะตกแต่งใบหน้า และ ร่างกายด้วยลวดลายเหมือนกับปลา และ เปลือหอย ซึ่งพวกเขาจะใช้รอยสักนี้เป็นการป้องการเพื่อแยกชนเผ่าของพวกเขา นอกจากนั้นยังมีตำราอื่น ๆ ระบุอีกว่า บรรดาเหล่ซามูไรนั้นยังใช้ลายสักญี่ปุ่นเพื่อระบุตัวตน ให้จดจำได้ว่าเขาเป็นใครหากเสียชีวิตในสนามรบ 

Japan inked: Should the country reclaim its tattoo culture? | The Japan  Times

ส่วนเรื่องราวของลายสักญี่ปุ่นในยุคต่อมา ช่วนั้นที่ประเทศญีปุ่นจะเกิดชนเผ่าพื้นเมืองหนึ่งขึ้นมาซึ่งเป็นเผ่าที่มีชื่อว่า ไอนุ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคฮอกไกโด โดยชนเผานี้มักจะสักตามประเพณีที่แยกตัวออกมา โดยพวกเขาจะใช้ลายสักญี่ปุ่นเพื่อความสวยงาม และ เพื่อใช้เป็ยสัญลักษณ์ของความเนผู้ใหญ่ในทางศาสนา และ ทางเพศ โดยเด็กผู้หญิงเองก็จะได้รับรอยสักเช่นกัน ซึ่งพวกเธอจได้รับลายสักญี่ปุ่นในช่วงเวลา 10 – 13 ปี และพวกเขาก็ยังคงสักต่อไปได้เรื่อย ๆ จนรกว่าพวกเขาจะมีอายุครบรอบแต่งงาน โดยเหตุผลในการสักที่เปลี่ยนไปนั่นก็คือ การช่วยขับไล่วิญญาณร้าย และ มันยังมีความเชื่อว่าพวกเขานั้นสามารที่จะผ่าไปสู่ชีวิตหลังความตายได้อย่างปลอดภัย

แต่เมื่อเรื่องราวของลอยสักญี่ปุ่นดำเนินมาถึงศตวรรษ์ที่ 17 รอยสักเหล่านี้ก็ได้เริ่มถูกตรีตามใหม่ เพราะว่าในช่วงยุคนั้นทางการเริ่มมีการจับนักโทษมาตรีตาด้วยรอยสักกแทน ซึ่งการใช้รอยสักในการตรีตรานักโทษนี้เองที่มันได้กลายเป็นบรรทัดฐานให้ รอยสักเปรียบเสมือนกับเครื่องมือสำหรับการแยกอาชญากรออกจากชาวบ้าน และ ทางการยังนับว่าการสักลงไปบนตัวของนักโทษนั้นถือได้ว่าเป็นการลงโทษนรูปแบบหนึ่ง แต่นั่นเองก็ทำให้มีคนบางกลุ่มที่ชื่นชอบในลายสักญี่ปุ่นรู้สึกไม่พอใจกับวิธีการแยกคนแบบนี้ เนื่องจากบางทีพวกเขาเองก็มีลายสักที่มากกว่าเหล่านักโทษเสียอีก และ ประเด็ดนนี้ก็ยังเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันมาอย่างยาวนานระหว่าเรื่องศิลปะ กับ การตีตราทางสังคม

ส่วนลายสักญี่ปุ่นในยุคสมันเอโดะ นั้นทางนักประวัติศาสตร์ได้วิเคราะห์เอาไว้ว่าน่าในช่วงปี ค.ศ. 1603 – 1867 นั้น น่าจถือว่าเป็นยุคทองของลายสักญี่ปุ่นเลยทีเดียว เพราะการปกครองในยุคนนั้นจะเป็นรูปแบบการปกครองแบบเผด็จการทหารที่อยู่ภายใต้การปกครองของเหล่าซามูไรขั้นนำ และได้มีการปิดประเทศจากโลภายนอก และเริ่มมีการบังคับใช้ลำดับชั้นทางสังคมDeep Dive from The Japan Times / Why we should be celebrating Japan's tattoo  culture w/ Alice Gordenker

โดยทางรัฐบาลนั้นจะต่อการต้านการสักลายในชนชั้นล่าง เพราะทางผู้นำแว่นแคว้นต่าง ๆ จะพยายามป้องกันไม่ให้มีการแสดงออกทางศิลปะ ส่วนคนธรรมดา ๆ ที่สามารถสักลายได้นั้นจำเป็นที่จะต้องมีหน้าที่ทางสังคม เช่น เหล่านักดับเพลิงที่จะมี

ลายสักญี่ปุ่นเป็นรูปมังกรน้ำเพื่อที่จะให้เป็นการแจ้วถึงตัวนในการป้องกันภัน

และในช่วงยุคนี้นี่เองที่มีศิลปะ 3 ประเภทโด่งดังขึ้นได้แก่ คาบูก , ภาพพิมพ์แกะไม้ และ อิเรซุมิ หรือลายสักแบบญี่ปุ่นนี่เอง

ซึ่งงานศิลปะ 3 ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นการยกระดับศิลปะของญีปุ่นให้ได้รับการฟื้นฟูถึงจุดสุงสุด แต่มันก็เหมือนเป็นการย้อนแยงเพราะอย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นนั้นว่า บรรดาเหล่าซามูไรนั้นมักจะออกมากีดกันการสักลายญี่ปุ่นเพื่อที่จะสงวนไว้สำหรับเหล่าขุนนางชั้นสูง

Colour Photos of Yakuza Tattoos from the Meiji Period / Pen ペン

และในยุคเรืองรองแห่งศิลปะรอยสักนี้เองที่ทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า ยากูซ่า โดยในช่วงเวลาในยุคที่หลาย ๆ คนถูกกดขี่จากชนชั้นสูงนี้เองที่มันได้ทำเกิดสิ่งที่เรียกว่าขบวนการใต้ดิน หรือ ภาษาญี่ปุ่นก็คือ ยากูซ่า โดยยากูซ่าเหล่านี้ได้มองข้ามกฏเหล็กที่เหล่าซามูไรวางเอาไว้ โดยพวกเขาใช้ลายสักญี่ปุ่นเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า คน ๆ หนึ่งนั้นสามารถมีความกล้าหาญ และ ไม่เกรงกลัวกฏหมายรอยัก และนั่นเองก็ทำให้เหล่าสมาชิกยากูซ่าถูกรัฐบาลตีตราให้เป็นพวกนอกกฎหมาย และ ทางรัฐาบาลก็ได้พยายามที่จะกัดกันกลุ่มคนนอกกฏหมายเหล่านี้ออกจากสังคมในปี 1799 แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทำได้

หลังจากยุคเอโดะสังคมญี่ปุ่นก็เข้าสู่ยุคฟื้นฟู หรือ ยุคเมจิ ซึ่งในช่วงปี 1800 นั้นจะเริ่มมีการเปิดประเทศและเริ่มมีการเดินเรือจากประเทศต่าง ๆ เข้ามามากขึ้น รวมถึงบทบาทของบรรดาเหล่าขุนนาง และ โชกุนต่าง ๆ ก็เริ่มถูกลดลง และนั่นเองคือประเทศญี่ปุ่นที่บรรดาเหล่าชาวโลกได้เริ่มรู้จักเป็นครั้งแรก ซึ่งการเปิดประเทศนี้เองที่ทำให้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาสู่ประเทศอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นรถพลังไอน้ำ โทรเลข และประเทศญี่ปุ่นเองก็พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วจากเหล่าเทคโนโลยีเหล่านั้น แต่ทว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นมันกลับสวนทางกับลายสักแบบญี่ปุ่นเพราะกลับกลายเป็นว่าทางรัฐาลนั้นต้องการที่จัดการกับพวกที่มีลายสักแบบญี่ปุ่นให้สิ้นซากไป เพื่อที่จะได้เป็นการฟื่นฟูอารยะธรรมได้มากขึ้น tattooexpo09

ซึ่งเรื่องราวของลายสักแบบญี่ปุ่นนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป เอาไว้เดี๋ยวมาติดตามกันต่อในบทความหน้า

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> สล็อตเว็บแท้

ลายสัก HOT

บทความลายสักล่าสุด

หมวดหมู่ลายสัก

สารบัญ ลายสัก รอยสัก