เรื่องราวของรอยสักนั้นถือได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ สื่อ หลาย ๆ เว็บไซต์มันเลือกที่จะนำเสนอถึงวิธีการ และ ขั้นตอนเตรียมตัวในการสัก รวมถึงการเตือนสติผู้สักทุก ๆ ครั้งก่อนที่จะเริ่มให้ช่างจรดเข็มลงไปบนร่างกายของตัวเอง ซึ่งแน่นอนแหละว่าวิธีเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องไม่แปลก เนื่องจากในปัจจุบันนี้เรื่องราวของ รอยสัก นั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนบนท้องถนน อย่างน้อยคุณก็ต้องได้เห็นคนที่มีรอยสักอยู่ไม่มากก็น้อย ซึ่งแม้ว่ารอยสักที่คุณเห็นบนร่างกายของคนอื่นนั้นจะมีความสวยงามขนาดไหนก็ตาม แต่ทว่ากว่าที่จะได้มาซึ่งรอยสักเหล่านี้ไม่ใช่เพียงเพราะช่างสักอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึง การดูแลรอยสัก ของตัวผู้สักเองด้วย
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลาย ๆ เว็บไซต์ และ หลาย ๆ เรื่องราวที่ถูกนำเสนอเกี่ยวกับรอยสักมักจะลืมพูดถึงประเด็นอย่าง การดูแลรอยสัก ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ค่อนข้างสำคัญมาก ๆ และมันยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่คิดจะมีรอยสักอันสวยงามอีกด้วย เพราะถ้าหากคุณดูแลรอยสักแล้วละก็บางทีมันอาจจะไม่ได้มาเพียงแค่ความไม่สวยงาม แต่มันยังนำพามาซึ่งอาการติดเชื้ออีกด้วย ดังนั้นในครั้งนี้เราจึงจะขอมาพูดถึงเรื่องราวของวิธีการดูแลรอยสักตั้งแต่สักเสร็จใหม่ ๆ จนถึงไปถึงตอนที่บาดแผลหายสนิทกัน ซึ่งวิธีเหล่านั้นจะทำอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่าเราไปเริ่มต้นกันเลยดีกว่า
ซึ่งการดูแลรอยสักหลังจากที่สักเสร็จใหม่ ๆ นั้น บาดแผลบริเวณรอยสักนั้นจะเป็นบาดแผลแบบเปิด
ซึ่งแน่นอนว่าการดูแลอย่างถูกวิธีนั้นมันจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ และ ยังสามารถช่วยป้องกันให้เกิดรอยแผลเป็นจากสภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นเพราะว่าการดูแลรอยสักที่เพิ่งสักเสร็จใหม่ ๆ อย่างดีนั้นมันจะช่วยให้รอยสักของคุณนั้นสวยงามคงทนไปในระยะยาว
โดยวิธีการดูแลรอยสักในขั้นตอนแรกนั้นคุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนเลยว่าหลังจากสักเสร็จแล้ว ช่างสักได้ทำการแรปพลาสติกในบริเวณที่สักให้คุณหรือไม่ เพราะว่าการปิดแผลด้วยการแรปพลาสติกนั้น จะเป็นการป้องกันฝุ่นละออง รวมถึง แบคทีเรียต่าง ๆ เข้าไปสู่ร่างกายระหว่างที่บาดแผลยังเปิดอยู่นั่นเอง และนอกจากนั้นแล้วพลาสติกเหล่านั้นยังช่วยลดการเสียดสีกับเสื้อผ้า ซึ่งคุณอาจจะต้องทิ้งแรปพลาสติกให้แปะอยู่บนร่างกายของคุณระยะหนึ่งเพื่อให้ปากแผลที่เกิดจากการสักนั้นปิดก่อน และ จากนั้นคุณค่อยลอกแผ่นแรปพลาสติกออก จากนั้นให้ล้างด้วยน้ำเปล่าที่สะอาด และ ห้ามใช้น้ำสบู่โดยเด็ดขาด
หลังจากที่คุณสักเสร็จผ่านไปวันแรก ๆ วิธีการดูแลรอยสัก ต่อมานั่นก็คือ ในทุก ๆ เช้าคุณควรที่จะล้างแผลรอยสักของคุณด้วยน้ำเกลือเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคในทุก ๆ วัน และถ้าหากคุณมีกิจกรรมที่ต้องออกไปทำข้างนอก จนทำให้รอยสักของคุณต้องเจอกับแสงแดด หรือ มลภาวะ ต่าง ๆ แล้วละก็ เราขอแนะนำให้คุณแรปพลาสติกใส่รอยสักของคุณอีกครั้งก่อนที่จะไปเริ่มต้นทำกิจกรรม และถ้าเป็นไปได้เราอยากแนะนำให้คุณงดกิจกรรมอย่างการออกกำลังกายหนัก ๆ เช่น ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมที่ต้องมีการแช่น้ำเป็นเวลานาน ๆ เอาไว้ก่อน เพราะการกระทำเหล่านั้นอาจจะทำให้แผลของคุณเปื่อยได้นั่นเอง
ซึ่งหากคุณดูแลรอยสักอย่างดีแล้ว ส่วนใหญ่เวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์แผลบริเวณรอยสักจะค่อย ๆ
ลอกเป็นสะเก็ดบาง ๆ และ หลุดลอกออกไป ซึ่งในระหว่างนั้นถ้าคุณเริ่มรู้สึกแผลของคุณมีอาการตึง ๆ แล้วละก็ คุณสามารถที่จะเอาวาสลีน หรือ โลชั่นบำรุงรอยสักยี่ห้อต่าง ๆ ที่มีขายกันไปทั่วไป หรือใช้ยาที่ชื่อว่าบีแพนเทนเฟิสเอททาที่รอยสักทุก ๆ วันจนกว่าแผลจะแห้ง และที่สำคัญคืออย่าลืมล้างแผลด้วยน้ำเกลือทุกเช้าเย็น เพราะถ้านอกจากมันจะช่วยดูแลรอยสักให้ไม่มีอาการติดเชื้อแล้ว น้ำเกลือยังช่วยทำให้รอยสักของคุณยังคงสดใสใหม่อยู่เสมอ และมีสีสันที่ติดอยู่ครบถ้วน
หลังจากที่คุณปฏิบัติตัวในการดูแลรอยสักเบื้องต้นจนแผลของคุณหายดีและกลายเป็นรอยสักที่สวยงามแล้ว คุณก็ไม่ควรที่จะละเลยการดูแลรอยสัก เพราะถึงแม้ว่าแผลของคุณจะหายดีแล้ว คุณก็ยังต้องดูแลรอยสักอยู่เสมอ เพื่อเป็นการคงสภาพสีรอยสักของคุณให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ ซึ่งวิธีการดูแลรอยสักในระยะยาวนั่นจริง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากจนเกินไปเพราะมันก็จะคล้าย ๆ กับการดูแลผิวนั่นเอง
โดยวิธีการดูแลรอยสักที่ทำได้ง่ายที่สุดเลยนั่นก็คือ คุณควรที่จะดื่มน้ำมาก ๆ เพราะน้ำนั้นถือเป็นตัวช่วยที่จะทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้นตลอดเวลา ซึ่งหากร่างกายของเราขาดน้ำแล้ว มันก็จะไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงที่บริเวณผิวชั้นในและนั่นก็นำมาสู่การทำให้ผิวหนังหยาบกร้าน และส่งผลทำให้รอยสักของคุณไม่เด่นชัดเหมือนกับตอนแรกที่สัก ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถทำได้ง่าย และ ไม่ควรมองข้าม
สิ่งต่อมาที่ควรทำในการดูแลรอยสักนั่นก็คือ การทำความสะอาดด้วยสบู่อยู่เสมอ
โดยสบู่ที่ใช้จะต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ซึ่งการทำความสะอาดบ่อย ๆ นี้มันจะทำให้รอยสักของคุณซีดจางลง ส่วนถ้าใครมีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปออกตากแดดอยู่บ่อย ๆ แล้วละก็ เราขอแนะนำให้คุณสวมเสื้อผ้าป้องกันแดด รวมไปถึงทาครีมด้วย เนื่องจากแสงแดดนั้นถือได้ว่าเป็นตัวการสำคัญที่จะทำให้เมลานินในผิวหนังดูคล้ำ และแน่นอนว่าเมื่อสีผิวของคุณนั้นไม่เหมือนกับสีผิวในตอนแรกที่สักแล้วละก็ รอยสักอันแสนสดใสของคุณที่คุณได้มันมาตอนแรกก็จะหมองคล้ำลงไปตามด้วยเช่นกัน
อีกหนึ่งสิ่งที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะคิดไม่ถึงในการดูแลรอยสักนั่นก็คือ หลาย ๆ คนตอนที่ไปเริ่มสักแรก ๆ นั้นอาจจะมีน้ำหนักที่ไม่มากนัก แต่เพราะการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรสอาจจะทำให้หลาย ๆ คนนั้นน้ำหนักเพิ่มขึ้น และนั่นเองมันก็ทำให้รอยสักที่ตอนแรกคุณคิดว่ามันพอดีกับรูปร่างของคุณแล้วขยายใหญ่ขึ้นตามร่างกายของคุณ ซึ่งแน่นอนว่าบางรอยสักที่ตอนแรกถูกดีไซน์ให้ออกมาพอดี พอมันถูกขยายออกมันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นจนไม่สวยเหมือนกันตอนแรกที่คุณคาดหวังเอาไว้แล้วก็ได้ ดังนั้นอีกหนึ่งวิธีการดูแลรอยสักนั่นก็คือการพยายามควบคุมอาหารให้อยู่ในปริมาณพอดี
หลังจากทราบวิธีการดูแลรอยสักกันแล้ว ทีนี้เราจะมาดูกันต่อว่าแล้วอะไรกันละคือสิ่งที่บอกว่าตอนนี้รอยสักของคุณกำลังติดเชื้ออยู่ โดยอาการแรกที่คุณเจออาจจะเป็นอาการมีไข้ ตัวสั่น และ บริเวณรอยสักอาจจะมีอาการบวม หลังจากนั้นแล้วจะมีหนองไหลซึมบริเวณแผลรอยสักปริมาณมาก นอกจากนั้นแล้วสะเก็ดแผลที่ขึ้นบริเวณรอยสักของคุณหากดูแลไม่ดี หรือรวมไปถึงฝีมือของช่างที่ไม่ดีอาจจะทำให้แผลบริเวณนั้นเป็นสะเก็ดหนา และเมื่อมันลอกออกสีอาจจะไม่ติดก็เป็นได้ อีกหนึ่งอาการที่เกิดขึ้นหากดูแลรอยสักไม่ดีนั่นก็คือ คุณอาจจะมีอาการคัน และ บวมกว่าหนึ่งสัปดาห์
นอกจากนั้นแล้วสำหรับบางคนอาจจะมีอาการอย่างการแพ้หมึกสัก ซึ่งอาการนี้เราต้องแยกให้ดีว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะว่าร้านที่ไปสักนั้นไม่มีมาตรฐานตามสุขลักษณะที่ควรจะเป็นหรือเปล่า รวมถึงบางทีคุณอาจจะต้องตรวจสอบด้วยว่าหมึกที่ช่างนำมาสักให้นั้นเป็นหมึกสำหรับสักจริง ๆ หรือเปล่า เพราะว่าเราน่าจะเคยเห็นข่าวทางทีวีหลาย ๆ ครั้งว่า มีการใช้สีปลอมมาสักจนทำให้ผู้สักเกิดอาการแพ้แม้ว่าจะพยายามดูแลรอยสักอย่างดีแล้วก็ตาม
แต่ถ้าทางร้านที่คุณสักผ่านมาตรฐานเหล่านั้นมาแล้ว บางทีคุณอาจต้องดูว่าอาการติดเชื้อของคุณแม้ว่าจะดูแลรอยสักอย่างดีแล้วก็ตามอาจจะมาจากที่ร่างกายของคุณเองก็เป็นไปได้