สิ่งที่ทำให้ศิลปะอย่างรอยสักนั่นแตกต่างจากศิลปะในหลาย ๆ ประเภทบนโลกนี้นั่นก็คือ วัสดุ ในการสร้างสรรค์ เพราะว่าศิลปะอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะใช้ผืนผ้าใบ หรือ วัสดุต่าง ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงาน แต่ทว่าศิลปะอย่างรอยสักนั้นกลับใช้เนื้อหนังของมนุษย์เองเพื่อใช้ในการจารึกศิลปะเหล่านั้นเอาไว้ อีกทั้งมันยังเป็นศิลปะที่ค่อนข้างคงทน และ ยากจะลบเลือนไปอีกด้วย
ซึ่งเพราะความคงทนของมันนี่เองที่มันได้สร้างสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนต้องตระหนักถึงนั่นก็คือ การคิดให้ดีก่อนที่เราจะสร้างศิลปะเหล่านี้บนร่างกาย นั่นก็เพราะว่าสถานที่ทำงานบางทีก็ยังไม่เปิดรับคนที่มีรอยสักเท่าไหร่นัก หรือ จะเป็นการที่คุณจะต้องเลือกร้านดี ๆ สักร้านเพื่อให้สิ่งที่คุณอยากได้ถูกถ่ายทอดออกมาตรงตามจินตนาการที่คุณคิดเอาไว้ ซึ่งการที่คุณจะมีรอยสักสวย ๆ ตามที่คุณต้องการได้นั้น สิ่งที่จำเป็นอย่างมากเลยนั่นก็คือ การหาร้านดี ๆ สักร้านเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่คุณต้องการ และนั่นเองจึงทำให้ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำร้านสักอีกหนึ่งร้าน นั่นก็คือ LONE WOLF STUDI0 ร้านสักไม่ธรรมดากับ 5 ลายเส้น 5 สไตล์ ซึ่งร้านสักแห่งนี้จะมีอะไรที่โดดเด่น จนทำให้คุณต้องหลงรัก เอาเป็นว่าเราไปเริ่มต้นเรื่องราวในครั้งนี้กันเลยดีกว่า
ทำความรู้จักกับผู้ก่อตั้ง LONE WOLF STUDI0
สตูดิโอแห่งนี้ถูกก่อตั้งด้วย ชายที่ชื่อว่า ต้น ซึ่งในตอนแรกเขาเพียงแค่ตั้งใจจะเปิดร้านคนเดียว โดยตอนนั้นเขาตั้งใจจะตั้งชื่อร้านว่า สักกะหมา แต่เพราะเหตุผลทางด้านทำเลที่ตั้งที่ยังไม่สามารถตอบสนองเขาได้มากพอจึงทำให้เขาตัดสินใจย้ายสถานที่มายังบริเวณแถวซอยสุขุมวิท 101 ซึ่งสถานที่แห่งนี้สามารถเดินทางมาง่าย ๆ ด้วยการนั่ง BTS แล้วลงสถานีปุณณวิถี
และหลังจากได้ทำเลที่ตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็ได้ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Lone Wolf เนื่องจากทุก ๆ อย่างมันมาจากการลงมือทำด้วยตัวคนเดียว และอย่างน้อยมันก็ยังมีกิมมิคอย่าง หมา ซึ่งเป็นชื่อเดิมที่เขาเคยคิดเอาไว้ในตอนแรก และหลังจากนั้นตัวของต้นก็เริ่มได้ช่างคนอื่น ๆ เข้ามาร่วมที โดยเขาได้ช่างป๊อปมาจากร้านเก่า และได้ช่างปาล์มมาเป็นทีมงานคนแรกของร้านนี้
ก่อนที่ต้นจะมาเป็นช่างสัก
ซึ่งจริง ๆ แล้วตัวของช่างต้นนั้นทำงานในวงการสักมายาวนานกว่า 16 ปี โดยก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาสู่วงการสักนั้น เขาได้เคยศึกษาวิชาทางด้านศิลปะต่าง ๆ มาก่อนไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายภาพ รวมถึงงานวาดรูป และ งานเพนท์ ซึ่งหลังจากนั้นตัวของต้นก็ได้พบกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่ได้ชักชวนเขาเข้าวงการ ซึ่งตอนแรกเขาก็ลองทำเล่นแบบขำ ๆ ในช่วงปิดเทอม และเลิกทำไปในช่วงเปิดเทอม แต่ทว่าในช่วงที่เขาเลิกทำไปนั้น ตัวของคุณย่าของเขาก็ถามถึงอาชีพการสักของเขาว่าทำไมไม่ทำต่อ เพราะคุณย่าเองก็มองว่าการสักนี้ก็เป็นงานที่สามารถสร้างอาชีพได้
ซึ่งทางต้นเองก็สารภาพกับคุณย่าไปตรง ๆ ว่าตัวของเขานั้นอยากทำต่อแต่ทว่าเขาไม่มีเงินทุน และนั่นเองจึงทำให้ทางคุณย่าตัดสินใจให้เงินต้นมาก้อนหนึ่งเพื่อลงทุน และนั่นเองก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ต้นอยู่ยืนในวงการนี้ โดยในหลาย ๆ ครั้งตัวของต้นเคยพยายามลองไปหาอย่างอื่นทำไม่ว่าจะเป็นงานร้านไวนิล หรือ งานถ่ายภาพในสตูดิโอ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าตัวของเขานั้นค่อนข้างช้าจึงทำให้โดนแรงกดดันค่อนข้างเยอะ แต่พอได้มาทำงานสักแล้วมันก็ทำให้เขาหลงเสน่ห์เพราะผิวสัมผัสที่ค่อนข้างแปลก อีกทั้งมันยังเป็นงานที่ผิดไม่ได้อีกด้วย
การหาสไตล์สักที่เป็นของตัวเอง
โดยตอนที่ช่างต้นเริ่มสักนั้น เส้นทางของแนวการสักนั้นไม่ได้มีตัวเลือกมากสักเท่าไหร่นัก แต่นั่นก็ข้อดีที่ทำให้ตัวของต้นได้ลองสักเกือบทุกแนว นอกจากนั้นเขายังเริ่มศึกษาแนวทางอื่น ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต แต่พอยิ่งทำนานเข้า มันก็เริ่มเบื่อ และเขาก็คิดว่าตัวของเขานั้นยังสามารถที่จะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้เอง และนั่นเองจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนแนวของตัวเองมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็เจอกับสไตล์ที่เหมาะกับเขานั่นก็คือ งานเส้นขาวดำ งาน Dot และงานแนว Geometric
แต่ถึงแม้ว่าช่างต้นจะมีสไตล์การสักเป็นของตัวเองชัดเจนก็ตามแต่มันก็ยังมีไม่น้อยที่ลูกค้าหลาย ๆ คนได้ขอร้องให้เขาสักในสไตล์ที่เขาไม่ถนัด ซึ่งสำหรับช่างต้นเองคำนิยามคำว่าไม่ถนัดของเขาก็คือ งานที่เขาเบื่อแล้ว โดยงานเหล่านั้นมันทำให้ตัวของเขาไม่สามารถเอาสไตล์ใหม่ ๆ ของเขาเข้าไปผสมได้เนื่องจากมันจะเกิดผลงานที่ค่อนข้างขัดแย้งกัน ซึ่งวิธีแก้ของเขานั่นก็คือ
เขาจะทำงานสไตล์นั้นให้เสร็จก่อน และ จะบอกลูกค้าทันทีว่าเขาจะไม่ทำงานแนวนี้อีกต่อไปแล้ว
ส่วนอีกหนึ่งปัญหาที่เขามักจะเจอบ่อย ๆ นั่นก็คือ ลูกค้าเคยเห็นงานสไตล์เก่า ๆ ของเขาแล้วต้องการที่จะสักมัน ซึ่งสำหรับลูกค้าประเภทนี้ช่างต้นจะปฏิเสธทันที เพราะว่าความเบื่อของเขาอาจจะทำให้งานเก่า ๆ นั้นทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่ เขาจึงมักจะแนะนำให้ไปลองกับช่างสักคนอื่นที่ถนัดงานแนวนั้นโดยเฉพาะจะดีกว่า แต่ถ้าลูกค้าดึงดันที่จะสักให้ได้ ช่างต้นก็จะขอปรับแบบเพื่อให้เข้ากับสไตล์ใหม่ของเขาในแบบที่โอเคกันทั้งคู่
แต่ทว่านี่ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของเรื่องราว LONE WOLF STUDI0 ร้านสักไม่ธรรมดากับ 5 ลายเส้น 5 สไตล์
เท่านั้นเพราะเรายังมีเรื่องราวของช่างต้น และ ช่างคนอื่น ๆ ในร้านมาให้ทุกคนได้ทราบกันอีก ซึ่งเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรนั้น เอาไว้ เดี๋ยวเรามาติดตามกันต่อในบทความหน้า