การจะสักครั้งหนึ่งควรที่จะดูอะไรบ้าง

เรื่องราวของศิลปะอย่างรอยสักนั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปะที่มีควาแปลกประหลายจากศิลปะแขนงอื่นอยู่พอสมควร โดยแม้ว่ามันจะเป็นศิลปะในการสร้างสรรค์ลวดลาย หรือ ภาพให้เกิดขึ้นเมือนกับศิลปะในหลาย ๆ แขนงก็ตามที แต่ทว่าสิ่งที่ศิลปะในแขนงอื่นไม่สามารถทำได้เหมือนกับการสักนั่นก็คือ การฝากลวดลายที่ไม่มีวันลบเลือนแม้ว่าเจ้าของร่างจะไม่มีลมหายใจแล้วก็ตาม แถมศิลปะอย่างรอยสักนั้นยังมีพื้นที่ในการสร้างสรรค์จิตนาการนั่นก็คือ ผิวหนังของมนุษยเองอีกด้วย ซึ่งเพราะความคงทนถาวร และการลบออกที่ค่อนข้างยากนี่แหละ จึงทำให้การที่เราจะเลือกรอยสัก หรือ สักอะไรสักอย่างลงไปบนร่างกายนั้น ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องคิดให้ถี่ถ้วน รวมถึงต้องตริตรองให้ดี ๆ ก่อน

แต่เพราะความสวยงามของรอยสักประเภทต่าง ๆ นั้นเอง มันก็เหมือนเป็นสิ่งที่เย้ายวนให้คนที่ไม่เคยลองทำศิลปะประเภทนี้บนเรือนร่างมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และแน่นอนว่า ถ้าใครหลงใหลมาจนถึงจุด ๆ นี้แล้วละก็ มันย่อมมีครั้งแรกเสมอ ดังนั้นวันนี้เราจะขอพาทุก ๆ คนไปพบกับเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับการสักตั้งแต่เรื่องแรก เพื่อให้คนที่กำลังตัดสินใจจะมีรอยสักนั้น ได้ดูไปพร้อม ๆ กัน

ซึ่งมันจะต้องเตรียมตัว หรือ ศึกษาในด้านใดบ้างนั้น เอาเป็นว่า เดี๋ยววันนี้เราจะพาทุก ๆ คนไปชมกัน

อันดับแรกก่อนที่คุณจะเริ่มมีรอยสักได้ คุณก็ต้องมีคนที่สักให้เสียก่อน โดยคนที่สักให้คุณนั้นจะถูกเรียกว่า ช่างสัก นั่นเอง ซึ่งทำไมเราถึงให้ความกับช่างสักมาเป็นพิเศษนั่นก็เพราะว่า ร้านสักนั้นเป็นเพียงแค่ตัวร้านเท่านั้น ส่วนตัวช่างสักที่อยู่ร้านอาจจะที่มีการย้ายร้านไปยังอีกที่หนึ่งได้ มันจึงทำให้เราต้องโฟกัสไปที่บุคคลมากกว่า 

ซึ่งปัญหาต่อมานั่นก็คือ แล้วเราจะเลือกช่างสักในการสร้างสรรค์รอยสักให้เราอย่างไร คำตอบนั้นจริง ๆ มันก็ค่อนข้างง่าย โดยสิ่งแรกที่เราต้องรู้เลยนั่นก็คือ เราต้องรู้ตัวเองว่าอยากมีรอยสักแบบไหน แนวไหน และอีกหนึ่งสิ่งที่คุณต้องรู้นั่นก็คือช่างสักแต่ละคน แต่ละร้านนั้นไม่ได้ถนัดงานเหมือนกันหมดทุกแบบ โดยช่างสักแต่ละคนจะมีงานที่สไตล์ตัวเองถนัดแตกต่างกันไป และคุณต้องท่องเอาไว้เสมอว่า ไม่มีช่างสักคนไหนที่จะถนัดรอยสักไปทุกแบบ ทุกแนว หรือถ้าเกิดคุณเจอจริง ๆ คุณจะมั่นใจได้อย่างไรกับคนที่ไม่สไตล์เป็นของตัวเอง 

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อันนี้เราต้องย้ำเตือนสำหรับคนที่คิดจะมีรอยสักแรกของตัวเองอยู่เสมอ ๆ นั่นก็คือ

อย่าเลือกช่างสักจากราคา เพราะว่าร้านสักนั้นมีมากมาย ซึ่งมันจะมีทั้งถูก ทั้งแพง บางร้านก็อาจจะมีช่างสักที่กินบุญเก่าแต่ฝีมือในปัจจุบันเริ่มงั้น ๆ แต่คิดราคาแพงเพราะชื่อเสียง หรือ ช่างสักหน้าใหม่ที่มีการพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อย ๆ แต่ไม่สามารถตั้งราคาแพงได้เพราะเพิ่งเข้ามาในวงการนี้ ดังนั้นถ้าคุณศึกษาจากตัวบุคคลโดยตัดเรื่องราคาออกไปแล้ว คุณจะสามารถแยกออกได้อย่างชัดเจนเลยว่าจริง ๆ แล้วช่างสักที่คุณเลือกนั้นมีฝีมือพอที่จะสร้างสรรค์รอยสักแรกของคุณให้เป็นจริงตามที่คุณหวังไว้หรือไม่

หลังจากที่เราเลือกช่างสักที่จะมาสร้างรอยสักให้เรากันไปแล้ว สิ่งที่มองต่อมาเลยนั่นก็คือบรรยากาศในร้าน โดยร้านที่คุณจะต้องดูก็คือร้านที่มีความโล่ง โปร่ง และ ดูไม่แออัด หรือ อับชื้น รวมถึงช่างสักต้องใส่ถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งเพื่อป้องกันตลอดเวลาในการสัก

เนื่องจากสิ่งของเครื่องเครื่องใช้แทบทุกอย่างในร้านสักนั้นมีโอกาสที่จะสัมผัสโดยตรงกับตัวลูกค้า และ ช่างสัก ยกตัวอย่างเช่น สายไฟของเครื่องสัก , แขนเก้าอี้นั่งสัก , โต๊ะวางมือ ทั้งหมดนั้นจะต้องทำการหุ้มด้วยพลาสติกเพื่อป้องกันไว้เสมอ รวมถึงเข็มสักที่ใช้สำหรับการสร้างรอยสักจะต้องมีการเปิดใหม่จากซองสเตอริไลซ์ต่อหน้าลูกค้าอยู่เสมอเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าเข็มนั้นเป็นเข็มใหม่ และ ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน ส่วนอุปกรณ์ที่สามารถใช้ซ้ำได้นั้นก็จะมีต้องมีการนำไปเข้าสิ่งที่เรียกว่า autoclave เพื่อทำความสะอาดสิ่งเหล่านั้นด้วยกระบวนการ ultrasonic cleaner แถมอุปกรณ์ทำความสะอาดเหล่านี้ยังต้องแยกเก็บเพื่อให้มีความปลอดเชื้อจริง ๆ โดยเป็นห้องที่ไม่ควรให้คนภายนอกเข้าออกได้ และที่สำคัญเลยควรจะมีถังขยะอันตรายที่ไว้สำหรับแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน

เอาละหลังจากที่เราเข้าไปถึงขั้นตอนสำหรับการเตรียมหาทั้งช่าง และ ร้าน สำหรับการสร้างรอยสัก

ครั้งแรกให้กับร่างกายของเราได้แล้ว สิ่งต่อมานั้นก็คือ การเลือกรอยสักให้กับตัวเราเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้สื่อออนไลน์นั้นถือได้ว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างสะดวกเป็นอย่างมากในการหารอยสักที่จะเป็นแรงบันดาลใจ แม้ว่าตอนแรกเราอาจจะไม่รู้แนวทางว่าเราชอบแนวไหน ถ้าเราดูไปเรื่อย ๆ เราเชื่อว่าอย่างน้อยแนวทางที่ใช่จะออกมาเอง นอกจากนั้นแล้วแนวทางที่เราสชอบางทีมันก็อาจจะไม่ได้มาจากการที่เราดูแต่รอยสักเพียงอย่างเดียว แต่ทว่ามันยังมากจากที่เราเสพศิลปะแบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังฟังเพลง รวมไปถึงการเสพศิลปะแขนงอื่น ๆ หรืออ่านหนังสือเล่มโปร จนบางทีเราอาจจะได้แรงบันดาลใจจากคำคมของหนังสือเหล่านั้น และ กลายมาเป็นรอยสักที่ตีความออกมาจากตัวอักษรได้เลยทีเดียว

เอาอะหลังจากที่เราเลือกรอยสักในแบบต่าง ๆ จากอินเตอร์เน็ตหรือสื่อออนไลน์กันไปแล้ว บางทีเราอาจก็อาจจะไม่เจอกับรอยสักที่ถูกใจเราเท่าไหร่นัก และนั่นมันก็จะนำพามาสู่รอยสักที่เรียกว่า รอสักแบบ Custom โดยรอยสักนี้ก็คือการออกแบบและสั่งทำมาโดยเฉพาะเจาะจงสำหรับตัวลูกค้าคนนั้นเพียงคนเดียว โดยส่วนใหญ่รอยสักแบบนี้จะเป็นการเล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ หรือ ความทรงจำที่เป็นเครื่องเตือนใจ โดยลูกค้าที่เลือกรอยสักแบบ Custom นั้นจะต้องออกไอเดียให้ช่างสักไปร่างแบบมา และ ต้องบอกด้วยว่าต้องการที่จะสักบริเวณตรงไหน หรือบางคนที่พอมีฝีมือหน่อยก็อาจจะร่างแบบคร่าว ๆ เอาไว้ก่อน เพื่อที่จะให้ช่างช่วยเสริมเติมแต่งรายละเอียดในภายหนัง

และเมื่อการสร้างรอยสักนั้นเป็นการนำเข็มทิ่มลงไปบนผิวหนังเพื่อให้เกิดลวดลายต่าง ๆ ดังนั้นสิ่งที่ตามมาเลยนั่นก็คือ 

ความเจ็บปวด ซึ่งวิธีการระงับความเจ็บปวดได้ดีที่สุดนั่นก็คือ ยาชา ซึ่งคนที่เพิ่งเคยสักครั้งแรกนั้นมักจะถามอยู่เสมอว่า มียาชาในช่วงเวลาการสักไหม ซึ่งคำตอบก็คือ มี โดยยาชาส่วนมากในงานสักนั้นจะมีด้วยกันทั้งหมด 2 แบบ โดยแบบแรกนั้นก็คือ แบบครีมหลอด ซึ่งไว้สำหรับทาก่อนเริ่มงาน ส่วนอีกแบบนั้นก็คือแบบพ่นซึ่งไว้ใช้สำหรับตอนสักไปแล้ว ซึ่งแบบพ่นนั้นส่วนใหญ่มักจะใช้ในกรณีที่ลูกค้าทนไม่ไหวจริง ๆ และงานเหลือเพียงนิดเดียวก็เสร็จแล้ว

โดยช่างจะทำการพ่นยาแล้วรอประมาณ 5 นาทีเพื่อให้ผิวหนังเริ่มชา จากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการสร้างรอยสักต่อไปจนจบในที่สุด แต่หลาย ๆ คนน่าจะเข้าใจผิดว่าการใช้ยาชาแล้วจะไม่เจ็บ ซึ่งใครที่เคยสัมผัสมาแล้วก็พูดเหมือนกันหมดว่า มันยังเจ็บเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเจ็บน้อยลงก็เท่านั้น

อีกหนึ่งคำถามที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะอยากรู้อยู่พอสมควรเลนนั่นก็คือ การสร้างรอยสักหนึ่งลายนั้นจะมีวิธีตีมูลค่าอย่างไร โดยจริง ๆ แล้วการคิดราคาของช่างสักโดยส่วนมากจะแบ่งออกเป็น 2 แบบนั่นก็คือ การตีราคาแบบเหมาทั้งชิ้นงาน หรือถ้าพูดง่าย ๆ นั่นก็คือ การคิดราคาค่าตัวเป็นรายชั่วโมง ซึ่งส่วนมากช่างที่เทิร์นโปรไปแล้ว หรือ ช่างสักดัง ๆ มักจะชอบคิดราคาเป็นรายชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ราคาประมาณ 2000 บาท และ ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปจนถึง 8000 บาทเลยก็มี ส่วนการตีราคาอีกแบบนั้นก็คือการตีราคาแบบเหมาทั้งชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการตีราคาแบบนี้มักจะถูกใช้บรรดาเหล่าช่างสักที่เป็นหน้าใหม่ ๆ โดยการตีราคาในรูปแบบนี้ก็ดูจาก ขนาด สี หรือ ความซับซ้อนของลาย

แต่ทว่าความซับของการคิดราคาค่าสักแบบเป็นชั่วโมงนั้นยังมีความซับซ้อนลึกลงไปกว่านั้นอีก แต่เอาไว้เดี๋ยวเรามาติดตามกันต่อในบทความหน้ากับเรื่องราวของคนที่จะมีรอยสักครั้งแรกต้องรู้ tattooexpo09

สล็อตออนไลน์

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เว็บบาคาร่า