หากในปัจจุบันนี้เราจะถามว่าเรื่องราวของรอยสักนั้นเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยม และ ผลตอบรับจากสังคมขนาดไหน สิ่งที่มันจะสามารถพิสูจน์ได้มากที่สุดมากกว่าคำพูดนั่นก็คือ การที่เราสามารถมองไปทางไหนก็เจอคนที่มีรอยสัก โดยคุณสามารถลองนับในชีวิตประจำของคุณได้เลยว่า คุณสามารถพบเห็นเรื่องราวของรอยสักนี้ได้อย่าง่ายดายตามชีวิตประจำวัน
แต่เพราะกาลเวลาที่เปลี่ยนไป มันจึงทำให้รอยสักนั้นเปลี่ยนไปตาม โดยพวกเขาก็คิดค้นรอยสักรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเป็นการแสดงตัวตนของพวกเขามากยิ่งขึ้น และหนึ่งในสิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาตามวัฒนธรรมการสักรูปแบบใหม่ ๆ นั่นก็คือ การใช้เส้นร่างรูปแบบใหม่นั่นเอง ซึ่งโดยปกติที่เรามักจะเห็นกันอยู่จนชินตานั่นก็คือ การใช้เส้นร่างของรอยสักที่เป็นสีดำ เพื่อให้ลวดลายต่าง ๆ ที่อยู่ในกรอบของเส้นร่างนั้นสามารถที่จะเห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ในปัจจุบันนี้ได้มีแนวคิดรูปแบบใหม่เกิดขึ้น และ แนวคิดนั้นก็คือการใช้เส้นร่างเป็นสีแดง จนทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า รอยสักสีแดง ขึ้นนั่นเอง จึงทำให้ในครั้งนี้เราจะขอพาทุก ๆ ไปพบกับ สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนจะมีรอยสักหมึกสีแดง และ วิธีแก้ปัญหา กัน โดยสิ่งที่ควรรู้เอาไว้นั้นจะมีอะไรบ้าง เอาเป็นว่า เราไปเริ่มกันเลยดีกว่า
ทำความเข้าใจรอยสักสีแดง รอยสักในรูปแบบใหม่
และก่อนที่เราจะพาทุก ๆ คนไปพบเรื่องราวของรอยสักสีแดงแบบอื่น ๆ ได้ สิ่งแรกที่เราอยากจะขอพูดถึงเลยนั่นก็คือ การทำให้ทุกคนรับรู้ถึงเรื่องราวของรอยสักสีแดงกันก่อน โดยรอยสักประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรอยสักที่ได้รับความนิยมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่ทำให้มันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนั่นก็เพราะว่ารอยสักประเภทนี้ค่อนข้างที่จะเข้ากันง่ายกับสีผิวทุกสี นอกจากนั้นแล้วลวดลายสีแดงดังกล่าวก็ยังเป็นสิ่งที่ค่อนข้างดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก
แต่ก็น่าเสียดายที่ในปัจจุบันนี้ส่วนผสมของหมึกสักสีแดงนั้นยังไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FDA มันจึงทำให้ยังมีอีกหลาย ๆ คน ที่ไม่มั่นใจนักเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แถมสีแดงนั้นยังถือได้ว่าเป็นสีที่อาจจะมีสารอันตรายมากที่สุดเลย เพราะว่าในหมึกสีแดงนั้นมีส่วนผสมอย่าง อะลูมิเนียม แคดเมียม โคบอลต์ เหล็กออกไซด์ เม็ดสีแนฟทอล-AS ซินนาบาร์ และยังมีส่วนเป็นพิษอีกหลาย ๆ อย่างที่เรายังไม่ได้พูดถึง และนั่นเองจึงกลายเป็นสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ จนเกิดข้อถกเถียงกัน
รอยสักสีแดงจางลงค่อนข้างเร็ว
ซึ่งมันจะเป็นการดีกว่า ถ้าคุณได้ทราบถึงข้อถกเถียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับรอยสักสีแดง เพื่อมันจะได้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้คุณพิจารณาก่อนที่จะเริ่มสัก โดยสิ่งที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงอันดับแรกนั่นก็คือ อาการพร่ามัวของมันนั่นเอง โดยนี่ถือได้ว่าเป็นข้อเสียข้อใหญ่ประการหนึ่งเลยของรอยสักที่ใช้หมึกสีแดง โดยลวดลายที่เกิดจากการสักนั้นจะกระจายไปตามกาลเวลา และ ทำให้มันค่อย ๆ พร่ามัว ซึ่งวิธีที่จะแก้ปัญหานี้ได้ดีที่สุดนั่นก็คือ การสักเส้นกรอบสีดำทับลงไปเพื่อเป็นการแก้ไขรอยสักสีแดงเหล่านั้นไม่หายไปตามกาลเวลานั่นเอง
รอยสักสีแดงที่มาพร้อมอาการคัน
ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าอาการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่ไม่ได้เกิดเพียงแค่กับรอยสักสีแดงเท่านั้น เพราะว่ามันจะเกิดขึ้นกับรอยสักทุก ๆ ประเภทเนื่องจากมันเกิดจากกระบวนตกสะเก็ดของร่างกายนั่นเอง และอาการเหล่านี้ก็สามารถที่จะบรรเทาได้ด้วยการใช้โลชั่น แต่เราขอบอกเลยว่าถ้าคุณกำลังคิดอย่างนั้นอยู่แสดงว่าคุณกำลังพลาด เพราะอาการที่เกิดจากรอยสักสีแดงนั้นจะแตกต่างจากอาการดังกล่าวเล็กน้อย
เนื่องจากอาการคันดันกล่าวที่เกิดขึ้นจากรอยสักสีแดงนั้นอาจจะกินเวลาอยู่นานหลายปี ซึ่งสาเหตุที่มันเกิดขึ้นนั่นก็เพราะว่าร่างของมนุษย์เราไม่คุ้นเคยกับผิวหนังที่แดง และ ไม่เกิดอาการแพ้ แถมปัญหาดังกล่าวยังไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้นเนื่องจากอาการคันแบบเรื้อรังนี้เองอาจจะส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้นกันบกพร่อง และ นำไปสู่โรคที่หลาย ๆ คนกลัวอย่างมะเร็งในที่สุด
รอยสักสีแดงเสี่ยงต่ออาการแพ้
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่คนที่สักมักจะถือว่ามันเป็นเรื่องปกติที่น่าจะได้เจอกัน แต่ทว่าการสักด้วยหมึกสีแดงนั้นมันมีความเสี่ยงมากกว่า แถมอาการแพ้หมึกยังส่งผลระยะยาวกับผู้สักเช่นมันอาจจะทำให้เกิดปัญหาผิวแพ้ง่าย , ผิวแสบร้อน รอยแผลเป็นจากรอยสัก และรวมไปถึงรอยแดงของผิวที่ยังคงอยู่ แถมบางคนอาจจะถึงขั้นเป็นมะเร็งเลยด้วยซ้ำ ซึ่งปัญหาในข้อนี้เองนี่แหละที่มันได้กลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักที่กลายมาเป็นข้อถกเถียงมากถึงปัจจุบัน
รอยสักสีแดงลบออกยากกว่ารอยสักสีปกติ
นอกจากปัญหาที่เกิดขึ้นในขั้นตอนของการสักแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นปัญหาหลักเช่นกันของการสักหมึกสีแดงนั่นก็คือ กระบวนการกำจัด หรือ การลบรอยสัก นั่นเอง โดยหมึกสักสีแดงนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาลบยาวนานกว่า เนื่องจากเม็ดสีของมันนั้นกำจัดได้ยากกว่า จึงทำให้ผู้ที่มีรอยสักสีแดงอาจจะต้องมาทำการเลเซอร์เพื่อกำจัดถี่กว่าคนอื่น โดยคาดว่าคุณอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย เพื่อที่จะลบมันออก ซึ่งแตกต่างกับหมึกสีดำที่บางคนลบครั้งเดียวก็ออกหมดแล้ว
วิธีการลดความเสี่ยงของรอยสักสีแดง
หลังจากที่ได้อ่านข้อเสียของการสักด้วยหมึกสีแดงไปแล้ว หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกท้อใจ และ ไม่กล้าที่จะสักกันไปบ้างแล้ว แต่ทว่าบางคนเองก็ยังไม่ถอดใจ เพราะมนต์เสน่ห์ของหมึกสักสีแดงนี้ก็ไม่ใช่น้อยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงมีอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการจะรับความเสี่ยงดังกล่าวด้วยวิธีป้องกัน
โดยสิ่งแรกที่คุณควรทำเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่จะสักหมึกชนิดนี้นั่นก็คือ การทดสอบอาการแพ้ โดยอันแรกนั้นคุณจะต้องเลือกร้านสัก และ ให้ช่างที่จะสักให้แก่คุณบอกส่วนผสมต่าง ๆ ของหมึกที่สักให้กับคุณมาก่อน จากนั้นคุณก็ไปพบแพทย์เพื่อที่จะทำการทดสอบภูมิแพ้ โดยให้ทางโรงพยาบาลเทสด้วยส่วนผสมต่าง ๆ ที่มีในหมึกสัก และถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเกิดอาการแพ้กับส่วนผสมใดส่วนผสมหนึ่ง เราขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยง แต่ถึงแม้ว่าคุณจะทำการทดสอบแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังอาจจะไม่ได้ผลเต็มร้อย แต่มันก็น่าจะเป็นการดีกว่าที่คุณจะรู้ตัวว่าคุณมีอาการแพ้จากส่วนผสมไหน
อีกหนึ่งวิธีที่จะทำการป้องกันได้ดีที่สุดนั่นก็คือ การสักในสตูดิโอมืออาชีพ และ มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่การที่คุณเลือกแบบนี้สิ่งที่คุณจะได้รับตามมานั่นก็คือ ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่า แต่มันก็แลกกลับมาด้วย หมึกสีแดงที่ค่อนข้างปลอดภัย เนื่องจากร้านสักที่มีคุณภาพนั้นจะทำการตรวจสอบองค์ประกอบของหมึกสักชนิดต่าง ๆ ที่อาจจะมีส่วนผสมที่เป็นพิษ และ เป็นอันตรายก่อนที่จะนำมาสักอยู่แล้ว เพราะพวกเขาเองก็ไม่อยากที่จะเสี่ยงให้ร้านของตัวเองเป็นต้นเหตุของการทำให้ลูกค้าเจ็บป่วย หรือ มีปัญหาด้านสุขภาพอยู่แล้ว
แต่ทว่าด้วยความที่หมึกสักสีแดงนั้นค่อนข้างสร้างปัญหากับร่างกายอยู่พอสมควร ดังนั้น สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนจะมีรอยสักหมึกสีแดง และ วิธีแก้ปัญหา มันจึงยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ซึ่งวิธีการป้องกันต่าง ๆ นั้นจะต้องใช้วิธีไหนอีกบ้าง เอาเป็นว่า เอาไว้ในบทความหน้าเราจะมากล่าวถึงวิธีรับมือกับรอยสักสีแดงกันต่อ