หากเราจะพูดถึงเรื่องราวของช่างสัก เราก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะมีภาพอยู่ในหัวแล้ว
ว่าช่างสักนั้นส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นผู้ชาย หรือถ้าใครบางคนจินตนการไปถึงช่างสักที่เป็นผู้หญิง พวกเธอเหล่านั้นก็น่าจะมีรอยสักอยูเต็มร่างกายอย่างแน่นอน ซึ่งการที่คุณจินตนาการแบบนั้นมันไม่ผิดหรอก เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นรูปแบบของช่างสักส่วนใหญ่ที่เรามักจะเห็นกันจนชินตาในวงการสัก แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้มันก็หาใช่ว่าจะเป็นกันทุกคน เพราะว่ายังมีช่างสักอีกหลากคนที่ไม่ได้มีลุคแบบนั้น และหนึ่งในนั้นก็คือ ช่างติ๊บ หรือ กระติ๊บ ชวัลกร ซึ่งนอกจากที่เธอจะรับบทบาทเป็นช่างสักแล้ว เธอคนนี้ยังมีอีกหนึ่งบทบาทนั่นก็คือ การเป็นดารานักแสดงทางโทรทัศน์ นั่นเอง
โดยเรื่องของ กระติ๊บ ชวัลกร กว่าที่เธอจะเจ้ามาสู่วงการสักได้นั้นถือได้ว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างผลิกไปผลิกมาอยู่หลายตลบเลยทีเดียว ซึ่งเราได้เล่าถึงประวัติคร่าว ๆ ของเธอไปกันแล้วในเนื้อหาส่วนแรก แต่นั้นยังเป็นเรื่องราวเพียงส่วนน้อย เพราะว่าตัวของ
กระติ๊บ ชวัลกร นั้นยังมีเส้นทางในวงการสักที่ค่อนข้างไปไกลกว่านั้นอีก จึงทำให้ในวันนี้เราจะมาเล่าถึงเนื้อหาในวงการสักของเธอกันต่อกัน ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้อ่านเนื้อหาของ กระติ๊บ ชวัลกร คุณสามารถที่จะย้อนกลับไปอ่านเนื้อหาในส่วนแรกได้ในเว็บไซต์ของเรา ส่วนสำหรับใครที่เคยอ่านแล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วละ ที่เราจะมาเดินหน้าเพื่อฟังเรื่องราวของเธอกันต่อ
หลังจากที่ตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร ได้เข้าสู่วงการสัก และมีร้านสักดังอย่าง BKK INK สนใจดึงตัวเธอเข้ามาเป็นช่างสักในร้าน ตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร ที่แบกชื่อของดารามาด้วยก็ต้องเจอกับบททดสอบอย่างหนัก เนื่องจากในทุก ๆ ครั้งที่เธอจรดเข็มลงบนผิวหนังของลูกค้า เธอก็ต้องตระหนักไว้เสมอว่า ชื่อเสียงของเธอมันจะส่งตัวการสักให้ตัวลูกค้าแน่นอน เพราะว่าหากเธอลงสีซ้ำลงผิวหนังลูกค้าบ่อย ๆ ผิวหนังของเขาก็อาจจะแตกเป็นรอย แล้วไหนจะจังหวะการเปิดเต็มแต่ละส่วนเองก็ไม่เท่ากัน แถมสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ หลังจากสักลูกค้าเสร็จ ก็ต้องมาลุ้นกันอีกว่าร่างกายของลูกค้าเองจะสามารถฮีลตัวเอง หรือ ดูแลร่างกายตัวเองออกมาเป็นแบบไหน แถมเวลาแผลตกสะเก็ดเสร็จก็ต้องมาลุ้นว่ารอยสักนั้นจะออกมาโอเคหรือไม่
ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่ตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร นั้นต้องเผชิญในการเป็นช่างสักอาชีพนั่นก็คือทางร้าน BKK INK นั้นทางเจ้าของค่อนข้างที่จะให้ช่างสักเพิ่มศักยภาพของตัวเองให้มากขึ้น ด้วยการลงสนามเข้าสู่การแข่งขันเป็นประจำ และตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร เองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ลองเข้าสมัครลงแข่งดู โดยตอนนั้นเธอตัดสินใจลงแข่งเพราะว่า เธอไม่ได้ต้องการที่จะไปวัดว่าตัวเองเก่งแค่ไหนหรอก แต่เธอต้องการที่จะดูเทรนด์ และ ฝีมือของคนอื่น ๆ ว่าตอนนี้วงการสักมันพัฒนาไปไกลถึงขนาดไหนกันแล้ว และเธอจะได้เอามาประเมิณ และ พัฒนาตัวเองต่อไป
โดยงานสักที่ตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร เลือกมาใช้ในการแข่งขันในครั้งนั้นก็คือ
เธอเลือกที่จะสักเป็นสีขาวดำที่มีขนาดเล็ก โดยหยิบเอาเทคนิคที่เรียกว่าชาร์โคลมาใช้ เนื่องจากตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร นั้นไม่ค่อยได้เห็นเทคนิคชาร์โคลถูกนำมาใช้กับรอยสักมากเท่าไหร่ นอกจากนั้นแล้วตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร ยังเพิ่มเทคนิคอย่าง Wip and Dot ที่เป็นเทคนิคการสะบัดเครื่องเร็ว ๆ จนทำให้มันหมึกที่ลงไปนั้นจะเกิดเป็นเม็ด ๆ เหมือนกับเม็ดทราย และจะมีลักษณะภาพเหมือนกับการแรงเงาในการสะบัดดินสอตอน Drawing นั่นเอง แต่พอทั้งหมดนี้มันได้เกิดขึ้นมาบนผิวหนังมนุษย์แล้ว มันจึงทำให้การใช้เทคนิคนี้ของ กระติ๊บ ชวัลกร ดูคลาสสิคไปอีกแบบ ส่วนประเภทของรอยสักนั้นตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร ได้เลือกสักแบบ ไมโคร เรียบลลิสติก หรือการสักภาพเหมือนจริงขนาดเล็ก ที่ดูมีความสมัยใหม่ และเป็นสิ่งที่เธอชอบที่สุดลงไป และนั่นเองมันก็ทำให้ตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร ได้คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภท Small Job Black & Grey Tattoo จากงาน One by One เพชรตัดเพชรมา
ซึ่งการคว้ารางวัลของ กระติ๊บ ชวัลกร นั้นก็สามารถสร้างความชื่นชอบในหลา ๆ คน เพราะว่าเธอนั้นนอกจากมีความสามารถด้านการแสดงแล้ว เธอยังมีความสามารถในการเป็นช่างสักอีก แต่แน่นอนแหละว่าเมื่อมีคนชอบมันก็มีคนเกลียดเป็นเรื่องธรรมดา ๆ เพราะว่ามันยังคงตั้งคำถามถึงการได้รางวัลครั้งนี้ของ กระติ๊บ ชวัลกร โดยคนที่โจมตีได้กล่าวเอาไว้ว่า การที่ตัวของ
กระติ๊บ ชวัลกร นั้นเป็นดารา มันก็ทำให้อะไรดูง่ายไปซะหมด แต่คนที่แซะเธอไปแบบนั้นหารู้ไหมว่า จริง ๆ
แล้วการตัดสินในครั้งนี้ กรรมการนั้นจะไม่รู้ชื่อของเจ้าของผลงานมาก่อน และ นั่นเองก็ทำให้มันเป็นการตัดสินที่ค่อนข้างแฟร์ และมันก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ กระติ๊บ ชวัลกร ทำได้นั้นมันมากจากฝึมือของเธอจริง ๆ
แต่ถึงแบบนั้นแล้วตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร เองก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าสิ่งที่คนคิดแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะว่าสิทธิของการเป็นดาราที่มักจะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ นั้นมันมีอยู่จริง และมันก็ไม่ผิดหรอกที่คนรอบข้างจะตั้งคำถาม ซึ่งทาง กระติ๊บ ชวัลกร เองก็ได้บอกว่าจริง ๆ แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับทางผู้จ้างงานว่า ต้องการที่ดึงดาราเพื่อมาโปรโมททางการตลาดหรือไม่ แต่เธอก็ยังให้ข้อคิดว่า คือถ้าดาราคนนั้นไม่ได้มีความสามารถหรือทักษะด้านนั้นจริง ๆ ทางบริษัท หรือ เจ้าของงานนั้น ๆ ก็ไม่ควรยัดเยียดเข้ามา
นอกจากนั้นแล้วดาราเองก็มีสิทธิที่จะเลือกด้วยว่าจะเอาสิทธิพิเศษที่ทางเจ้าของงานมอบให้ด้วย เพราะแน่นอนว่าถ้ารับสิทธิพิเศษนั้นมาแล้วเจอกระแสตีกลับ มันก็ทำให้คน ๆ นั้นดับได้เช่นกัน
ส่วนเส้นทางต่อไปของ กระติ๊บ ชวัลกร นั้นก็คือการที่ตัวของเธอนั้นอยากจะเก่งขึ้นให้มากกว่านี้อีก เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าตัวของเธอสามารทำได้ และ ทำได้ดีด้วย แต่อีกหนึ่งสิ่งที่เธอตั้งใจ และ มีเป้าหมายอย่างแน่วแน่นั่นก็คือ เธออยากเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูกค้าผู้หญิงนั่นเอง โดยตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร บอกว่าในปัจจุบันนี้ผู้หญิงก็เริ่มหันมาสักกันมากขึ้น แถมรอยสักส่วนใหญ่ก็จะเป็นรอยสักที่อยู่ภายใต้ร่มผ้า ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันรอยสักจะถือได้ว่าเป็นที่ยอมรับในวงกว้างแล้วก็ตาม แต่ทว่ามันก็ยังมีบางมุมในสังคมที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้อยู่ ซึ่งเรามักจะเห็นหลายคนที่คิดว่าสาว ๆ ที่ทำการสักนั้นเหมือนกับสาวขายบริการ
นอกจากนั้นแล้วตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร เองก็ยังมองไปถึงบรรดาเหล่าช่างสักผู้หญิงด้วยเช่นกัน เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วภาพจำของช่างสักสาว ๆ ที่หลายคน ๆ มักนึกถึงเธอนั่นก็คือ จะต้องมีหน้าอกขนาดใหญ่ แต่งตัวเซ็กซี่ และ มีรอยสัก ซึ่งแน่นอนแหละว่ามันไม่ผิดหรอกที่คนจะมองยังงั้น เพราะว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นมันเกิดมาจากสังคมยุคเก่าที่หล่อหลอมความคิด และส่งผลกระทบมาจนถึงปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่ดารา Hollywood บางคนยังยอมลงทุนเดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเล เพื่อมาสักที่ประเทศไทยอย่างการสักยันต์ หรือ ประโยคภาษาไทย แต่กลับกลายเป็นว่าคนไทยด้วยกันเองกลับมาว่าเรื่องสักไปทางไม่ดี
นอกจากนั้นแล้วตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร ก็ยังได้แสดงถึงความคิดเห็นว่าจริง ๆ แล้ว การสักของไทยนั้นก็เหมือนกับ ซอฟต์ พาเวอร์ ของไทยอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และ ยังบอกได้ว่าช่างสักของไทยเองก็เก่งไม่แพ้ชาติอื่น ๆ ซึ่งถ้าจะเริ่มต้นการผลักดันเรื่องดีจริง ๆ เธอก็มองว่าสิ่งแรกที่ต้องเริ่มพัฒาเลยนั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่าการศึกษา เพราะในปัจจุบันนี้ศิลปะในทุก ๆ ด้านถูกลดทอนคุณค่าของมันลงด้วยคำว่าราคา แต่มันก็ไม่แปลกเพราะตัวของ กระติ๊บ ชวัลกร เองก็มองว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้นมันทำให้หลาย ๆ คนมองว่า อันดับแรกที่ต้องทำคือการเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง รวมถึงเธอเองก็อยากให้หลาย ๆ คนเปิดมุมมองและเคารพในร่างกายของกันและกัน
และนี่ก็คือเรื่องราวของ กระติ๊บ ชวัลกร ที่เป็นหนึ่งในตัวแทนและกระบอกเสียงของช่างสักสาว ๆ และ หญิงสาวที่รัก และ นิยมในรอยสัก tattooexpo09
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ป๊อกเด้งออนไลน์ ขั้นต่ำ 5 บาท