หนึ่งในสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากของการสักเลยนั่นก็คือ ผู้ที่รังสรรค์รอยสักให้มีอยู่บนผิวหนังของเรานั่นเอง เพราะแม้ว่ารอยสักที่คุณเลือกมาจะมีความสวยงามขนาดไหนก็ตาม แต่ทว่าถ้าเกิดช่างสักคนนั้นของคุณไม่สามารถที่จะทำออกมาได้ดีงานสักนั้นมันก็จะพังทลายลงภายในพริบตา ดังนั้นการที่เราจะคัดหาช่างสักที่มีฝีมือสักคนมาสร้างรอยสักกับเรามันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างพิถีพิถันเป็นอย่างมาก แต่ถ้าใครคิดว่าช่างสักเก่งนั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีเพียงแค่ต่างประเทศ เราบอกเลยว่า คุณกำลังคิดผิดแล้วเพราะว่าในประเทศไทยของเราก็มีช่างสักที่เก่งระดับโลกไม่แพ้กัน และ หนึ่งนั้นก็คือ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ช่างสักฝีมือฉกาจที่ต้องจองคิวกันแบบข้ามปีเลยทีเดียว
ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้เคยเขียนถึงเรื่องประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ ของอานนทร์ พีรนันทปัญญา ที่ทำให้เขาได้เริ่มเข้าสู่วงการสักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งใครที่ยังไม่อ่านในเนื้อหาตรงนั้น เราขอแนะนำให้คุณย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวของเขาได้ภายในเว็บไซต์ของเรา ส่วนสำหรับใครที่ได้อ่านเนื้อหาส่วนนั้นมาแล้ว ตอนนี้ก็เวลาที่เราจะมาติดตามการจะพัฒนาของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา คนนี้กันต่อ
หลังจากที่ตัว อานนทร์ พีรนันทปัญญา ได้ตัสินใจเข้ามาสู่กรุงเทพเพื่อที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการสักเพิ่มเติม เขาก็พบว่าการมายังกรุงเทพแห่งนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยเพราะความมั่นใจที่พกมาอย่างเต็มเปี่ยมค่อย ๆ หายไปเรื่อง ๆ จากการที่ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา เดินสมัครงานสักในร้านต่าง ๆ แต่ทว่าในตอนนั้นวงการสักนั้นเป็นเรื่องของการเชื่อมือ จึงทำให้การจะรับคนใหม่ ๆ สักคนนั้น มักจะมาจากการบอกต่อแบบปากต่อมาปากกันซะส่วนใหญ่
ซึ่งตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ได้เริ่มเดินหางานตามร้านสักแถวข้าวสาร รวมถึงตลาดตะวัน แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้งานเลยแม้แต่ร้านเดียว ทั้ง ๆ ที่ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา เองก็มีโปรไฟล์งานของเขาให้ดู แต่บรรดาร้านเหล่านั้นกลับไม่คิดที่จะดูเนื่องจากเขาไม่รู้จักว่าตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา คือใคร และก็ไม่ได้มีใครแนะนำมาเป็นการส่วนตัวนั่นเอง
ซึ่งตอนนั้นตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ต้องใช้ชีวิตที่ค่อนข้างยากลำบากมากเนื่องจากในตอนนั้น แม่ของเขาให้เงินติดตัวมาที่กรุงเทพ 2700 บาท มันจึงทำให้ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ต้องประหยัดทุก ๆ อย่างทั้งการกิน และ การเช่าห้อง
โดยเขานั้นต้องอาศัอยู่กับเพื่อน 4 – 5 คนเพื่อเช่าห้องเล็ก ๆ และหารกัน
และหลังจากที่ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา หางานอยู่สักพักหนึ่ง เขาก็ได้งานมาเป็นช่างสักแห่งหนึ่งในย่านบางกะปิ แต่ทว่าเขานั้นก็ทำงานอยู่นั้นเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น เพราะว่ามองว่าที่นั่นไม่ค่อยเหมาะกับตัวเองเท่าไหร่ เนื่องจากตัวของ
อานนทร์ พีรนันทปัญญา นั้นรู้สึกว่าทางร้านได้พยายามพลักดันให้เขาออกนั่นเอง
ซึ่งหลังจากที่ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ตัดสินใจออกมาจากร้านสักแห่งนั้น ตัวเขาก็ได้ตัดสินใจใช้ห้องพักของเขาเปิดเป็นร้านสัก และใช้ความด้านคอมพิวเตอร์นิดหน่อยบของเขาที่ได้มาจากสมัยเรียนมหาวิทยาลับ มาโพสต์ประกาศรับสักของเขา ซึ่งการโพสต์นั้นเองก็ทำให้มีคนติดตามาสัก แต่ไม่ได้เพราะว่าฝีมือ แต่เป็นเพราะราคาถูกนั่นเอง โดยราคาตอนนั้นที่ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา เริ่มรับสมัยแรก ๆ ที่อยู่กรุงเทพเลยก็เริ่มต้นที่ราคา 300 – 500 บาท โดยคิดตามขนาดใหญ่ และ ถ้าหากรอยสักมีขนาดใหญ่เกินกว่าฝ่ามือขึ้นมาหน่อย ราคาก็ยังอยู่เพียงแค่พ้นต้น ๆ เท่านั้น
หลังจากที่ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา เริ่มมีลูกค้า เขาก็ดำเนินอาชีพนี้สักระยะหนึ่งก่อนที่สุดท้านแล้วเขาเก็บเงินแล้วไปเปิดร้านสักแบบจริง ๆ จัง ๆ โดยร้านแรกที่ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ได้เปิดตัวตัวเองนั้นอยู่บริเวณหลังรามซอย 24 ซึ่งร้านนั้นใช้เงินทุนประมาณพันกว่าบาท แต่ที่เงินลงทุนถูกขนาดนั้นก็เพราะว่า ร้านนั้นเป็นร้านที่เต็มไปด้วยท่อ PVC และนั่นเองจึงทำให้เจาต้องจัดแจ้งร้านใหม่เกือบหมด
แต่ถึงเขาจะมีร้านเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม ชีวิตการสักของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา
ก็ได้ดีขึ้นแบบผิดหู ผิดตา เพราะว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาสักกับเขาก็ยังเป็นเพียงแค่คนคุ้นเคยเท่านั้น และเพราะกลุ่มฐานใหม่ที่มันยังไม่ได้ขยายเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้เขาตัดสินใจหันไปทำงานเด็กเสิร์ฟควบคู่ไปด้วยเพิ่มประทับชีวิต โดยงานเด็กเสิร์ฟนั้นตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ได้ค่าแรงเพียง 190 บาท แต่ทว่าเขามักจะโดนหักค่ามาสายอยู่ตลอด ๆ จนทำให้เขาได้เงินเพียงแค่ 150 บาทเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ก็ยังโชคดีที่ไม่โดนไล่ออก
ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ทำงานควบคู่กับการเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ 2 เดือน แต่เขาก็รู้สึกว่า 2 เดือนนั้นเป็น 2 เดือนที่มีความสุขมาก ๆ เพราะว่าเขาสามารถตื่นไปกินข้างที่ทำงานได้นั่นเอง ส่วนเงิน 150 บาทที่เขาได้มาจากการทำงาน ก็จะเอาไปลงที่ร้านอินเตอร์เน็ท ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าการเข้าร้านอินเตอร์เน็ทของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา นั้นคือการนั่งแชทจีบสาวแล้วปล่อยตัวเองให้ไร้สาระไปวัน ๆ แต่มันไม่ใช่เลย เพราะว่าจริง ๆ แล้วตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา นั้นได้เข้าร้านอินเตอร์เน็ทคาเฟ่ เพื่อหางาน พร้อมกับวางแผนธุรกิจ และคิดโปรเจ็คที่จะไปเป็นช่างสักต่อที่ต่างประเทศนั่นเอง แต่เขาขี้เกียจอธิบายเรื่องเหล่านี้ให้คนรู้จักของเขาฟัง เขาจึงเลือกที่จะตอบไปแบบเลี่ยง ๆ
โดยสิ่งที่ทำให้ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา เริ่มทำแบบนี้นั่นก็เพราะว่าในสมัย
ที่เขาเป็นช่างสักอยู่ที่ตะวันนานั้น เขาก็ได้รู้จักกับช่างสักหลาย ๆ คน และในช่วงนั้นก็มีโปรแกรมแชทอย่าง MSN ที่ฮิตกันไปทั่วประเทศ จึงทำให้เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับช่างสักคนอื่น และหลังจากนั้นตัวของว อานนทร์ พีรนันทปัญญา ก็เริ่มเอาพอร์ตการสักของเขาให้ช่างสักคนอื่น ๆ ดู แต่กว่าที่เขาจะได้รับการเชื่อใจนั้นก็ค่อนข้างนานอยู่เหมือนกว่า แถมพวกช่างสักที่ได้เดินทางไปทำยังต่างประเทศก็พากันบอกว่างานที่ต่างประเทศหนักกว่าเมืองไทย และไปได้อยากมาก แต่ตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ก็ยังเชื่อว่าถ้าคนอื่นทำได้ เขาก็ทำต้องทำได้เช่นกัน จนในที่สุดเขาก็ได้โกอินเตอร์
ซึ่งในตอนนี้ที่ตัวของอานนทร์ พีรนันทปัญญา ได้เดินทางตอนนั้นตัวของเขานั้นมีเงินติดตัวเพียงแค่ 500 บาทเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าตอนนั้นเขาจะรู้แล้วว่าถ้าได้ที่นู่นเขามีค่าอาหารให้ฟรี แต่ทว่าหากเกิดอะไรขึ้นเขาจะกลับอย่างไร จนทำให้มันเกิดความกังวลในใจของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา หลายอย่าง แต่สุดท้ายแล้ว ตัวของเขาก็คิดว่าถ้าอยู่ที่เดิมมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเพราะการอดมื้อกินมื้อที่นี่มันก็เท่ากับรอความตายเหมือนกัน แล้วไหนการจะกลับไปหาพ่อ แม่ ซึ่งไม่ได้ร่ำรวยนัก มันก็เป็นทางเลือกที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ จึงทำให้สุดท้ายแล้ว อานนทร์ พีรนันทปัญญา ก็ข่มความกลัว และ ตัดสินใจบินไปตายเอาข้างหน้าดีกว่า หนำซ้ำมันยังได้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำอีกด้วย
ซึ่งการไปยังต่างประเทศครั้งนั้นของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับที่เขาคิดไว้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาต้องเผชิญนั่นก็คือ งานที่หนักระดับคนก่อสร้างเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าเขาจะต้องเดินทางไปสักในทุก ๆ ภูมิภาค ตั้งแต่เหนือจรดใ ตะวันออก ไปยัน ตะวันตกเลยทีเดียว แต่ถึงแบบนั้นตัวของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา ก็ไม่บ่นแถมเขายังมองว่าการทำงานหนักแบบนี้คือการสร้างโปรไฟล์ผลงานให้เขา มากกว่าที่จะมองเรื่องเงินทองมาก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากตอนที่ตัวของ
อานนทร์ พีรนันทปัญญา อยู่ในประเทศไทยนั้น เขาไม่ค่อยนได้โชว์ฝีมืออะไรมากนักนั่นเอง และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาพยามยามสรร้างสรรค์ผลงานของตัวเองออกมาที่สุด
ซึ่งการสร้างผลงานของ อานนทร์ พีรนันทปัญญา นั้นจะทำให้เขากลายมาเป็นคนที่มีชื่อเสียงได้จนถึงวันนี้ได้หรือไม่ เอาเป็นว่า ไว้เดี๋ยวเรามาติดตามเรื่องราวของเขากันต่อกันในครั้งหน้า