โลกของรอยสักนั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโลกที่มีการพัฒนาไปข้างหน้าแบบไม่หยุดยั้ง และเพราะการพัฒนาต่าง ๆ นี้เองที่มันได้ส่งผลให้ในปัจจุบันนั้นมีเทคนิค และ วิธีการในการสร้างสรรค์รอยสักต่าง ๆ ออกมาอย่างมากมาย แต่ถึงแม้ว่าเทคนิค และ เครื่องไม้เครื่องมือในวงการสักนั้นจะมีมากมาย และ ทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่ก็ตาม แต่ทว่ายังมีรอยสักชนิดหนึ่งที่ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด รอยสักชนิดนี้ก็ยังคงได้รับความนิยม และ มีมนต์ขลังอย่างไม่เสื่อมคลาย โดยรอยสักนั้นก็คือ รอยสักญี่ปุ่นนั่นเอง
ซึ่งใครที่อยู่ในวงการรอยสักนั้นหลาย ๆ คนก็น่าจะรู้ดีว่าการที่จะสักรอยสักญี่ปุ่นแบบดั่งเดิมให้มันมีมนต์ขลัง และ เสน่ห์ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะว่าบรรดาเหล่าศิลปินที่จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานอันสวยงามนี้ได้จำเป็นที่จะต้องมีชั่วโมงบินที่ค่อนข้างสูงกว่าคนปกติทั่วไปพอสมควร จึงทำให้วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของ Gandhi Horibooty ช่างสักแนวญี่ปุ่นผู้มากความสามารถ กัน ซึ่งฝีมือของเขา และ ประวัติความเป็นมาต่าง ๆ ของเขาจะเป็นอย่างไร เอาเป็นว่าเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า
จุดเริ่มต้นของ Gandhi Horibooty
โดยชื่อของ Gandhi Horibooty จริง ๆ แล้วนั้นเป็นเพียงแค่ฉายาของเขาเท่านั้น เพราะว่าชื่อเต็ม ๆ ของเขาในวงการนั่นก็คือ Guillaume de la Torre ซึ่งผลงานของเขาส่วนใหญ่นั้นจะเน้นไปที่งานที่สไตล์ญี่ปุ่นที่ให้สีสันที่ค่อนข้างสดใส และ ให้ความรู้สึกเฉพาะตัวและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ตัวของเขาได้เข้ามาสู่วงการสักได้นั้นมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยจุดเริ่มต้นนั้นเขาเริ่มมาจากการพบปะผู้คนจากวัฒนธรรมศิลปะย่อย ๆ สาขาอื่นก่อนเช่น ดนตรี
และหลังจากที่ตัวของเขาได้รับการสักที่ขาโดยศิลปินอย่าง Lea Nahon ซึ่งเป็นช่างสักชาวฝรั่งเศสที่ทำงานอยู่ในปารีส
ตัวของเขาก็ตกหลุมรักผลงานอันเป็นอิสระและการสร้างสรรค์ของเธอ และนั่นเองก็ทำให้ตัวของเขามองหาแนวทางการสักเพิ่มเติมว่า ตัวเขาจะอยากสักแบบดั้งเดิม หรือ ว่าสักแนวสมจริง และหลังจากนั้นเขาก็เริ่มค้นหาช่างสักเพื่อพยายามที่หาอะไรแตกต่างออกไป
ซึ่งในตอนนั้นตัวของ Gandhi Horibooty ยังเป็นเพียงแค่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ใช้ความกล้าของเขาในการถามช่างสักต่าง ๆ เพื่อที่จะหาซื้อเครื่องสักเป็นของตนเอง โดยเขานั้นเริ่มด้วยการสักเพื่อน ๆ ของเขา ซึ่งแม้ว่าลายมันจะดูมั่ว ๆ หน่อยแต่ก็โชคยังดีที่เพื่อน ๆ ซึ่งได้รับการสักจากเขาไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก
สิ่งที่ทำให้ Gandhi Horibooty โปรดปรานรอยสักแบบญี่ปุ่น
และหลังจากลองผิด ลองถูกมาได้สักพักตัวของเขา Gandhi Horibooty ก็กลายมาเป็นเด็กฝึกงานในกรุงบรัสเซลส์
แต่ทว่าสถานที่ฝึกงานของเขาที่แรกนั้นมันได้จบลงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้พบร้านสักริมถนนร้านใหม่และนั่นแหละคือสถานที่ซึ่งทำให้เข้าได้เข้าร่วมกับการสักแบบจริง ๆ จัง ๆ เสียที
พออ่านมาถึงตรงนี้เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะมีคำถามแล้วว่า แล้วทำไมอยู่ ๆ ตัวของเขาถึงได้สนใจในสไตล์การสักของญี่ปุ่นขึ้นมา โดยตัวของเขาเองก็ได้ตอบว่าจริง ๆ แล้วเขาคนนี้ค่อนข้างที่จะรักและชื่นชอบภาษาญี่ปุ่นด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว เพราะมันเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ เรื่องราว และ นิทานพื้นบ้าน แถมเมื่อมันกลายมาเป็นรอยสักสิ่งเหล่านั้นจะถูกพิจารณาจากทั่วทั้งร่างกายว่ามันควรจะอยู่ตำแหน่งไหนดี นอกจากนั้นแล้วยังต้องส่งเสริมเรื่องราวด้วยการใช้พื้นหลังที่ดีอีกด้วย ซึ่งวิธีการเหล่านี้แม้ว่ามันจะมีอยู่ในรอยสักแบบอื่น ๆ เช่น Tribal หรือ Western Traditional แล้ว แต่มันก็ให้อารมณ์ไม่เหมือนกัน และนั่นเองจึงทำให้รอยสักแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมกลายเป็นสไตล์โปรดที่ตัวของเขาชอบมากที่สุด
ช่วงเวลาแห่งควาสุขของ Gandhi Horibooty
ส่วนถ้าถามว่าช่วงเวลาไหนที่ตัวของ Gandhi Horibooty ชอบที่สุดในอาชีพการสักของเขา ตัวของเขานั้นก็ไม่อาจจะตอบได้ทั้งหมดว่าช่วงเวลาไหน คือ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด แต่เขาคิดว่าการได้พบปะกับคนที่เขาชื่นชอบงานของเขาเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างวิเศษที่สุด เพราะว่าการได้เจอกับคนที่เขาชื่นชอบผลงานเหล่านั้นมันจะทำให้เขาได้เรียนรู้งานต่าง ๆ มากขึ้น และต่อให้ไม่ใช่เรื่องราวเกี่ยวกับการสักก็ตามที
โดยศิลปินที่เขาชื่นชอบนั่นก็คือ Jean-Luc Navette ซึ่งแม้ว่าการจะคุยกับศิลปินคนนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน แต่ทว่าเขานั้นกลับไม่ได้รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย นอกจากนั้นแล้วช่วงเวลาแห่งความสุขอีกอย่างของ Gandhi Horibooty นั่นก็คือการสักกับช่างสักคนอื่น เนื่องจากตัวเขานั้นมองว่าการสักนั้นเป็นงานฝีมือที่มันต้องใช้ทั้งเทคนิค และ ศิลปะ รวมถึงสังคม
มุมมองของ Gandhi Horibooty ต่อวงการรอยสัก ณ ปัจจุบัน
และในฐานะที่ตัวของ Gandhi Horibooty นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่างสักที่อยู่ในวงการมาค่อนข้างนาน สิ่งที่เขาอยากจะฝากให้กับบรรดาเหล่านักสักรุ่นใหม่นั่นก็คือ เขาอยากที่จะให้บรรดาเหล่านักสักหน้าใหม่มุ่งเน้นไปที่การค้นหาสไตล์ของตัวเองให้มากที่สุด และหลังจากที่พวกเขาเหล่านั้นสามารถหาแนวทางของตัวเองได้เจอแล้ว พวกเขาก็ควรที่จะฝึกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าและผลักดันมันให้ไปถึงขีดสุด เพื่อที่จะให้สไตล์เหล่านั้นกลายเป็นบางสิ่ง บางอย่างที่เฉพาะตัว แต่ถึงแบบนั้นแล้วเขาก็อยากให้ช่างสักหน้าใหม่จำไว้ว่าบางทีสไตล์ใหม่ ๆ นั้นก็ไม่ใช่สไตล์ที่จะหาได้ง่าย แต่ถึงแบบนั้นสิ่งเหล่านั้นมันก็เปรียบเสมือนกับแรงบันดาลใจของตัวคุณเอง
ส่วนมุมมองของ Gandhi Horibooty ต่อวงการรอยสักในอนาคตนั่นก็คือ เขาอยากให้คนมองวงการสักนั้นเป็นอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยบรรดาเหล่ายอดฝีมือ และ ผู้ชำนาญทางด้านผลงานศิลปะมากกว่า เพราะว่าหลาย ๆ ครั้งที่คนในประเทศของเขามองคนในวงการนี้ว่าส่วนใหญ่แล้วคนในวงการสักนั้นจะต้องเต็มไปด้วยบรรดาเหล่าผู้มีอิทธิพล ซึ่งตัวของเขาเองอยากให้ทุกคนเปลี่ยนมุมมองเหล่านี้ เพราะว่าเขาอยากให้หลาย ๆ คนมองว่าการที่มีบรรดาเหล่าช่างสักเกิดใหม่ขึ้นมาในวงการนี้ แสดงว่าพวกเขาเหล่านั้นอยากจะทำงานเหล่านี้ด้วยความรัก
และนอกจากการเปลี่ยนมุมมองดังกล่าวแล้วตัวของ Gandhi Horibooty เองก็อยากจะให้บรรดาเหล่าช่างสักที่เกิดขึ้นใหม่นั้นรู้สึกภูมิใจที่บรรดาเหล่าลูกค้าเลือกตัวช่างสักคนนั้น ๆ มาเป็นคนสร้างลวดลายดังกล่าวให้พวกเขา ซึ่งความภูมิใจเหล่านี้ควรจะกลายมาเป็นสิ่งที่พวกเหล่าช่างสักรู้สึกเป็นอันดับแรกหลังจากที่ลูกค้าของพวกนั้นรู้สึกชื่นชอบในรอยสัก ไม่ใช่สิ่งที่มองว่าการสักให้เหล่าลูกค้าสวยคือการเพิ่มพูนชื่อเสียง
สิ่งที่ Gandhi Horibooty จะทำในอนาคต
ส่วนโปรเจกต์ อันใกล้ที่ตัวของ Gandhi Horibooty นั้นเลือกที่จะทำนั่นก็คือ เขาตั้งใจที่จะเปิดบริการการสักของเขาเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน และนั่นจึงทำให้เขายังไม่ได้มีโปรเจกต์ อะไรเกี่ยวกับรอยสักต่าง ๆ มากนัก แต่แผนการนี้เองก็ยังไม่ได้เป็นแผนการอะไรแน่นอนสักเท่าไหร่ เพราะหากเขามีแรงบันดาลใจต่าง ๆ อะไรขึ้นมาใหม่ และมันเป็นโปรเจกต์ ที่ค่อนข้างใหญ่นั้น มันก็อาจจะทำให้เขาหันมาทำโปรเจกต์เหล่านั้นแทน
และนี่ก็คือเรื่องราวของ Gandhi Horibooty ช่างสักแนวญี่ปุ่นผู้มากความสามารถ ที่แม้ว่าตัวของเขาจะอาศัยอยู่ในประเทศเบลเยียมก็ตาม แต่เพราะความหลงใหลในลวดลายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมนั้นได้พาเขามาไกล และ กลายเป็นที่รู้จักได้มากถึงขนาดนี้ และเขาคนนี้ยังได้กลายเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้กับบรรดาเหล่าช่างสักหน้าใหม่ได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงด้วยวิธีการค้นหาสไตล์ที่เป็นรูปแบบเฉพาะของตัวเอง สนใจ >>> จำนำรถ