ในหลาย ๆ บทความที่เราเขียนแนะนำเอาไว้ในเว็บไซต์ของเรา บทความส่วนใหญ่มักจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงปัญหาของรอยสักที่เกิดความขุ่นมัว ซีดจางจนมันไม่สดใสกัน ซึ่งแน่นอนแหละว่าคงไม่มีใครอยากที่จะให้สิ่งเหล่านี้บนร่างกายของคุณซีดจางและไม่สดใสอย่างแน่นอน ซึ่งหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้มันซีดจางลงก็คงหนีไม่พ้นบรรดาเหล่าแสงแดด และสิ่งที่อยู่ในนั้นอย่างรังสี UVA และ UVB อย่างแน่นอน แต่สำหรับประเทศเมืองร้อนอย่างประเทศไทยที่หลาย ๆ คนต่างก็พูดว่า ดวงอาทิตย์ไม่น่าอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร แต่น่าจะอยู่ใกล้ประเทศไทยมากกว่านั้น มันก็คงทำให้หลาย ๆ คนสามารถที่จะหลบหนีแสงแดดได้ยาก ดังนั้นคุณไม่ต้องห่วงเท่าไหร่หรอกที่ลวดลายบนร่างกายของคุณจะซีดจางลงเพราะว่ามันก็คือปัญหาที่หลาย ๆ คนได้เจอกันจนเป็นเรื่องปกติ ทว่าถึงสิ่งเหล่านี้จะเป็นเรื่องปกติก็ตามที หลาย ๆ คนก็มีความอยากรู้ว่าแล้วมันจะมีวิธีไหนบ้างที่จะทำอย่างไรให้รอยสักของคุณกลับมาสดใสเหมือนเมื่อก่อน
แต่ก่อนอื่นเราอยากจะให้คุณทำความเข้าใจกันก่อนว่าเพราะอะไรทำไมพวกมันถึงดูขุ่นมัวกว่าในตอนแรกที่สัก ซึ่งจริง ๆ แล้วกระบวนการนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติเพราะว่ามันจะเกิดขึ้นในช่วงที่รอยสักของคุณเริ่มลอกออก โดยความขุ่นของมันจะมาจากการที่สักแล้วย้ำลงไปเยอะเกินจนทำให้เข็มสักมีความเสียหาย และเมื่อเป็นแบบนั้นแล้วเซลล์ผิวหนังที่โดนย้ำมากจนเกินไปก็จะตาย แต่ไม่ต้องกลัวเพราะว่าร่างกายของเราจะกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ของผิวบริเวณนั้นกลับขึ้นมาใหม่
ส่วนผิวที่เสียหายก็จะถูกร่างกายผลัดเซลล์ทิ้งไป ซึ่งการผลัดเซลล์แบบนั้น
มันทำให้เกิดเป็นชั้นโปร่งแสงเหนือบริเวณที่ถูกหมึกสัก และความโปร่งแสงนี้เองจึงทำให้ลวดลายจางลง รวมถึง มีความขุ่นมากขึ้นแตกต่างกัน แต่ในขั้นตอนนี้คุณต้องท่องจำเอาไว้เสมอว่า ผิวของคุณในช่วงนั้นจะไม่แข็งแรงรวมถึงแห้งกร้าน และ สาเหตุเหล่านั้นนี่แหละที่ทำให้เกิดความขุ่นมัว
สำหรับคนที่เพิ่งเคยสักครั้งแรก มันไม่แปลกที่เรื่องนี้จะทำให้คุณเกิดอาการตื่นตระหนก รวมถึงมันยังสร้างความผิดหวังเล็กน้อยให้แก่คุณแน่นอนถ้ามันเกิดกับเรื่องนี้ขึ้นกับคุณ แต่เราอยากขอให้คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกเพราะหลังจากที่มันเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับคุณอีกประมาณภายในหนึ่ง หรือ สองเดือน ลวดลายเหล่านั้นก็จะกลับมาสดใสเหมือนในตอนแรกที่สัก เนื่องจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะค่อย ๆ หลุดลอกออกไปมากขึ้นเรื่อย ซึ่งเราสามารถที่จะแบ่งอาการเหล่านั้นออกเป็น 3 ขั้นตอนได้ดังนี้
นั่นก็คือ การอักเสบ การฟื้นตัวที่มองเห็นได้ และ การฟื้นตัวที่มองไม่เห็นนั่นเอง
โดยระยะการอักเสบนั้นจะเกิดขึ้นในช่วงเวลา 3 วันแรกหลังจากที่คุณสัก โดยในเวลานี้คุณจะรู้สึกว่ารอยสักของคุณมีอาการบวม และ ระคายเคืองเล็กน้อยในบริเวณที่ได้รับการกระทบกระเทือน นอกจากนั้นแล้วยังอาจมีเลือด และ น้ำเหลือง หรือ หมึกไหลออกมาจากบาดแผล ซึ่งถ้าคุณรักษาบาดแผลบริเวณนั้นให้ดีตามที่ช่างสักแนะนำ อาการแบบนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่คุณไม่จำเป็นต้องกังวลใจไป เพราะถ้าคุณสังเกตดี ๆ อาการอักเสบของคุณจะค่อย ๆ ดีขึ้นในแต่ละวัน ๆ
ระยะที่สองนั่นก็คือระยะที่รอยสักของเราจะฟื้นตัวโดยมองเห็นได้ด้วยสายตาของเรานั่นเอง โดยการฟื้นตัวนี้คุณสามารถสังเกตมันได้จากการตกสะเก็ดของบางแผล รวมถึงยังมีอาการคัน โดยตลอดช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่มันเกิดอาการนี้กับคุณ เราขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่คับแน่น และ อาจจะกระตุ้นให้เกิดรอยขีดข่วน นอกจากนั้นแล้วในช่วงเวลานี้มันยังถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณควรจะหลีกเลี่ยงไม่ให้รอยสักของคุณโดนศัตรูตัวร้ายอย่างแสงแดด และ แหล่งน้ำ
ส่วนในช่วงระยะเวลาที่สาม ซึ่งช่วงเวลานี้นี่แหละที่คุณจะพบว่ารอยสักของคุณมีการขุ่นมัว
และช่วงเวลานี้ยังเป็นอีกช่วงเวลาที่สะเก็ดแผลต่าง ๆ ของคุณควรที่จะหลุดออกได้แล้ว รวมถึงเมื่อหมึกที่อัดอยู่ในผิวค่อย ๆ ลอกออกมาแล้ว พื้นผิวที่หลุดลอกออกจะมีลักษณะคล้าย ๆ กับการถูกแดดเผา และหลังจากที่ขั้นตอนนี้มันสิ้นสุดลง ในช่วงเวลาประมาณหนึ่ง หรือ สองเดือน ลวดลายอันสวยงามที่คุณหวังเอาไว้ก็จะกลับมาดูดีอีกครั้ง
แต่สำหรับบางคนเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะมีรอยสักขุ่นมัว เนื่องจากพวกเขาก็ต้องการที่จะเผยงานศิลปะเหล่านั้นตลอดเวลา
มันจึงทำให้อาจจะต้องใช้การดูแลสิ่งเหล่านั้นเป็นพิเศษพอสมควร หนำซ้ำมันยังค่อนข้างเสี่ยงมากกว่าที่มันจะเกิดผลดี
ซึ่งถ้าหากคุณต้องการจะทำแบบนั้นเราก็มีวิธีการมานำเสนอให้คุณด้วยเช่นกัน โดยกระบวนการเหล่านี้ถ้าคุณเริ่มทำแล้วคุณจะต้องมั่นใจว่าคุณจะต้องทำมันได้แบบเป็นประจำ โดยสิ่งแรกที่คุณจำเป็นต้องทำนั่นก็คือ คุณต้องไม่แตะต้องรอยสักของคุณในขณะที่มือของคุณสกปรกอยู่ ซึ่งแน่นอนแหละว่าหลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเราเลยขอนำเสนอวิธีง่าย ๆ นั่นก็คือ การใส่เสื้อแขนยาวเพื่อให้พวกมันอยู่พ้นสายตา และ ป้องกันไม่ให้ตัวเองเผลอไปแกะ หรือ เกา
วิธีต่อมานั่นก็คือการรักษารอยสักของคุณให้อยู่ในร่มมากที่สุด และ ทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก และ หมั่นเติมสิ่งที่เรียกว่าไฮเดรท หรือสิ่งที่มันจะช่วยให้สร้างความแข็งแรง และ ชุ่มชื้นต่อผิว ซึ่งสารเหล่านี้มันอยู่ในโลชั่น และการทาโลชั่นเพื่อป้องกันเป็นประจำมันยังเป็นการดีต่อการบำรุงรักษาสุขภาพผิวให้มีสภาที่สมบูรณ์
แต่เราเคยบอกคุณไว้แล้วใช่ไหมว่าการจะรักษารอยสักที่เพิ่งสักเสร็จใหม่ ๆ ด้วยการใช้ครีมกันแดดนั้นมันถือได้ว่าค่อนข้างเสี่ยงอยู่พอสมควร ดังนั้นคุณจึงต้องเลือกครีมให้มันเหมาะกับสภาพผิวของคุณด้วย และ หนึ่งในครีมที่สามารถช่วยปกป้องรอยสักของคุณหลังจากที่เพิ่งสักเสร็จมาใหม่ ๆ ได้ดีพอสมควรเลยอีกตัวหนึ่งนั่นก็คือ ครีมอย่าง After Inked Tattoo Aftercare Lotion ซึ่งเจ้าครีมนี้มันเหมาะมากเพราะมันเป็นครีมที่สามารถทำงานได้แม้จะรอยสักของคุณจะอยู่ในช่วงขั้นตอนการรักษาก็ตาม แถมเจ้าครีมนี้มันยังเป็นครีมที่ช่วยลดระยะเวลาในการรักษา และ มันยังช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน และทำให้ตกสะเก็ดไวขึ้น
เอาละเมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเราคิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะพอทราบกันแล้วว่า จะทำอย่างไรให้รอยสักของคุณกลับมาสดใสเหมือนเมื่อก่อน เพราะการที่รอยสักของคุณมีสีที่คล้ำลงนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลก และ เรื่องที่น่ากังวลใจ เนื่องจากความหมองคล้ำทั้งหมดนั้นมันมาจากชั้นผิวหนังที่ตายแล้ว และหลังจากมันหลุดลอกออกมามันก็เปรียบเสมือนกับกระบวนการต่าง ๆ ในการรักษาตัวเองใกล้จะเสร็จสิ้นแล้วนั่นเอง แต่ถึงมันจะไม่ได้มีทางลัดอะไรแบบจริง ๆ จัง ก็ตามทีแต่คุณเองก็สามารถที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กระบวนการเหล่านี้ลดน้อยลงได้ด้วยการดูแลผ่านขั้นตอนการดูแลรักษาต่าง ๆ ที่เราได้แนะนำกันไปในครั้งนี้นั่นเอง และการดูแลนั้นคุณควรที่จะทำมันให้ดี และ ตั้งใจทำมันอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามที่คุณต้องการ
และนี่ก็คือข้อมูลดี ๆ สำหรับคนที่มีความกังวลในเรื่องของจะทำอย่างไรให้รอยสักของคุณกลับมาสดใสเหมือนเมื่อก่อน
ซึ่งนอกจากข้อมูลที่เราเอามานำเสนอให้ทราบกันในครั้งนี้เรายังมีวิธีแก้รอยสักให้ไม่หมองคล้ำวิธีอื่น ๆ มาฝากกันอีกในครั้งหน้า ซึ่งในครั้งหน้าเราจะมีวิธีอะไรดี ๆ เกี่ยวกับรอยสักอะไรมาฝากคุณกันอีกนั้น คุณก็ต้องคอยติดตามเรื่องราวผ่านทางเว็บไซต์ของเรากันให้ดี