ในหลาย ๆ ยุค หลาย ๆ สมัยเราต้องยอมรับกันด้วยความจริงว่า ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นเสมอ จนเราต้องเรียกได้ว่ามันเป็นเงาของสังคมของมนุษย์เลยนั่นก็คือ ความแบ่งแยก นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันเรื่องราวของการแบ่งแยกต่าง ๆ นั้นก็ยังไม่ได้หมดไปจากสังคมมนุษย์ และเมื่อการแบ่งแยกนั้นมันเกิดขึ้นในทุก ๆ ที่ซึ่งมีมนุษย์ ดังนั้นวงการรอยสักเองก็มีสิ่งที่เรียกว่าการแบ่งแยกเช่นกัน โดยสิ่งที่เรามักจะเห็นอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ การแบ่งแยกของช่างสักชาย-หญิง แต่ทว่ากลับมีช่างสักสาวอยู่คนหนึ่งที่ได้ทำลายการแบ่งแยกนั้นด้วยศิลปะที่เกิดมาจากความขัดแย้ง โดยหญิงสาวคนนั้นก็คือ Natalie Nox ช่างสักสาวผู้เอาแนวคิดแบบสมจริง มารวมกับสิ่งนามธรรมโดยหากจะพูดถึงนิยามของรอยสักแบบ สัจนิยมนามธรรม ชื่อ 2 นี้มันอาจจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างขัดแย้ง จนกลายเป็นสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกสงสัย แต่ทั้งหมดนี้มันก็เกิดขึ้นแล้วด้วยฝีมือของช่างสักอย่าง Natalie Nox โดยตัวของเธอนั้นเป็นเจ้าของร้านสัก Benjamin Laukis แห่ง Silver Letter Gallery ในเอเธนส์ ซึ่งวิธีการนำ 2 สิ่งที่ดูขัดแย้งกันอย่างไม่น่าเชื่อนี้เองที่มันได้กลายเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเธอ
จุดเริ่มต้นในเส้นทางการสักของ Natalie Nox
แต่ถึงแม้ว่าร้านของเธอนั้นจะประจำอยู่ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ แต่ทว่าจริง ๆ แล้วตัวของ Natalie Nox เกิดที่ประเทศยูเครน โดยแววการเป็นศิลปินของเธอนั้นเริ่มฉายแววตั้ง 5 ขวบ เพราะในตอนนั้นเธอเป็นเด็กที่รักในการวาดรูป และเพราะความสามารถเหล่านี้ของเธอนี่เองที่ทำให้เมื่อเธอโตมาถึงช่วงมัธยมเธอก็มีเป้าหมายในการเป็นสถาปนิก ในระหว่างนั้นเองตัวของเธอก็ได้ถูกแนะนำให้ไปลองฝึกงานในร้านสักแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บ้าน และนั่นเองจึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้เธอได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่ารอยสัก และ มันก็กลายเป็นมนต์สะกดที่ทำให้เธอหลงรักมาจนถึงปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเธอคิดแค่อยากทำสนุก ๆ เท่านั้น
หลังจากเริ่มต้นเส้นทางในวงการสักตั้งแต่ 2011 ชีวิตในเส้นทางนี้ของเธอก็ได้พาเธอไปพบกับงานสักเกือบทุกรูปแบบ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็ได้ตระหนักว่า ประสบการณ์เหล่านั้นที่ผ่านมาของเธอถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญ และ ล้ำค่ามากในการที่เธอจะเป็นศิลปินที่มีความสามารถรอบด้าน และนั่นก็ทำให้เธอเริ่มคิดจะพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ และพยายามเข้าใจความซับซ้อนของการสักแต่ละรูปแบบ รวมไปถึงแต่ละจุดของร่างกายให้มากขึ้น ซึ่งแนวคิดเหล่านี้นี่แหละที่มันกลายเป็นสิ่งที่ค่อย ๆ ผลักดันให้เธอกลายเป็นยอดฝีมือในวงการนี้
การค้นพบสไตล์สักของ Natalie Nox
หลังจากที่ตัวของ Natalie Nox เริ่มศึกษารอยสักประเภทต่าง ๆ อย่างจริงจังแล้ว เธอก็ได้เริ่มรู้ตัวเองว่าประเภทรอยสักที่เธอชอบที่สุดนั่นก็คือ รอยสักประเภทสมจริง และเมื่อเธอรู้ตัว เธอก็เริ่มทำสิ่งเหล่าออกมาในรูปแบบของเชิงนามธรรมมากขึ้น อีกทั้งตัวของเธอยังได้ศึกษาเกี่ยวกับสรีระของร่างกาย และ องค์ประกอบทางธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของหิน หรือ รูปทรงของต้นไม้ และเมื่อเธอนำสิ่งดังกล่าวลงมาสักบนผิวหนังแล้ว สิ่งที่เธอได้ทำเหล่านั้นมันก็จะดูกลายเป็นนามธรรมไปโดยทันที
โดยการออกแบบเหล่านั้นสำหรับตัวของ Natalie Nox มันจะเป็นสิ่งช่วยให้เธอสามารถมีความคิดสร้างสรรค์ในแบบออร์แกนิกได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเธอวาดภาพแบบนามธรรมลงผิวหนังด้วยการใช้พู่กัน และ ใช้น้ำหมึกจากกระดาษก๊อบปี้ลาย เธอนั้นก็สามารถที่จะสาดน้ำหมึกจากแปรงพู่กันให้ดูเป็นธรรมชาติได้ตามส่วนโค้งเว้าต่าง ๆ ของร่างกาย
วิธีการทำงานของ Natalie Nox
โดยกฎพื้นฐานข้อหนึ่งที่เธอปฏิบัติตามอยู่เสมอ ๆ นั่นก้คือ ผลงานที่เป็นนามธรรมของเธอนั้นต้องการความไม่สมบูรณ์ในการทำให้มันสมบูรณ์แบบ โดยตัวของ Natalie Nox นั้นอาศัยการทำแบบไม่ต้องเพิ่งการออกแบบจากโปรแกรม และนั่นเองจึงทำให้ทุก ๆ รอยสักของเธอนั้นดูมีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง แต่นั่นหมายถึงการทำงานก็จะยากขึ้นด้วยเช่นกัน รวมถึงมันยังต้องใช้เวลา และ การฝึกฝนอย่างมากเพื่อที่จะหาสมดุลที่เหมาะสม และ เพียงพอต่อการทำให้ทุก ๆ อย่างไม่ดูยุ่งเหยิง หรือ วุ่นวายเกิน และที่สำคัญที่ต้องคำนึงถึงที่สุดนั่นก็คือ สิ่งที่เธอออกแบบมาจะต้องเหมาะกับลูกค้าคนนั้น ๆ
และเพราะฝีมือระดับนี้ของตัวของ Natalie Nox นี้เองที่ทำให้ในหลาย ๆ ปีมานี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาหาเธอมักจะมาพร้อมกับแนวคิดแบบง่าย ๆ และลายที่ต้องการเพียงเล็กน้อย และหลังจากนั้นพวกลูกค้าของเธอก็จะให้เธอได้สร้างสรรค์จินตนาการต่อจากงานอ้างอิงของเธอได้อย่างเต็มที่ แต่ตัวของเธอเองก็มักจะเตรียมตัวเลือกลายต่าง ๆ เอาไว้ประมาณ 2 – 3 แบบเพื่อให้เป็นตัวเลือกพื้นฐาน และหลังจากนั้นเริ่มก็จะเริ่มร่างแนวคิดที่ได้ตกลงกับลูกค้าไว้บนร่างกายแบบโดยตรงเลยนั่นเอง
อุปกรณ์ที่ Natalie Nox ใช้
และอย่างที่เราได้เห็นรอยสักที่สร้างสรรค์มาจากฝีมือของเธอ เราก็น่าจะรู้ว่าลายสักของเธอนั้นค่อนข้างที่จะใช้เทคนิคมากมายในการทำ และหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เธอสามารถที่จะสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ออกมาได้นั่นก็คือ เครื่องมือ โดยก่อนหน้าที่เธอจะเริ่มสร้างสรรค์แนวคิดการสักแบบนี้ ตัวของ Natalie Nox เองก็ได้มีการลองผิด ลองถูกมาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องสักแบบคอยล์ หรือ เครื่องสักโรตารี่ นอกจากนั้นแล้วเธอก็ยังทดลองเข็มสักทุกชนิด เนื่องจากตัวของเธอนั้นต้องการผลลัพธ์ให้ออกมาดี และ มีคุณภาพที่สุด จนกระทั่งในที่สุดเธอก็ได้เจอสิ่งที่ตอบโจทย์เธอเป็นที่สุดนั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์ของ
แบรนด์อย่าง ไชแอนน์
โดยแบรนด์อย่างไชแอนน์นี้บรรดาช่างสักหลาย ๆ คนก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าแบรนด์นี้เองก็ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ระดับโลก และ ค่อนข้างโดดเด่น ส่วนสาเหตุที่ทำให้เธอเลือกแบรนด์นี้ก็เพราะว่าเครื่องสักนั้นมีคุณภาพค่อนข้างสูง แถมยังมีความพิถีพิถันในการประกอบมันจึงทำให้เจ้าเครื่องสักชนิดนี้สามารถทำงานได้อย่างค่อนข้างหลากหลาย ส่วนเครื่องสักแรกของเธอที่ใช้ในชีวิตนั้นก็คือเครื่องสักที่มีชื่อรุ่นว่า Thunder ซึ่งเจ้าเครื่องสักอันนี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องสักที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมมาก ๆ สำหรับเธอ หลังจากที่เธอได้ใช้เครื่องสักนี้อยู่สักพักหนึ่งเธอก็ได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องสักรุ่น SOL NOVA UNLIMITED 3 และ 5 โดยทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นเครื่องสักประเภทไร้สาย ซึ่งมันสามารถช่วยงานสักของเธอได้ค่อนข้างมากอีกทั้งมันยังมีความแข็งแรง และ ค่อนข้างแม่นยำสำหรับงานของเธอ และที่สำคัญเพราะมันเป็นการทำงานแบบไร้สายนี้เองจึงทำให้เธอสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ทำไมตัวของ Natalie Nox ถึงยังอยู่ที่กรีซ
อีกหนึ่งคำถามที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะอยากรู้และสงสัยนั่นก็คือ แม้ว่าตัวของ Natalie Nox นั้นจะมีชื่อเสียงก้าวไปถึงระดับโลกแล้วก็ตาม แต่ทว่าสุดท้ายแล้วเธอก็ยังเลือกที่จะปักอยู่ที่กรุงเอเธนส์กับร้านสักอย่าง Benjamin Laukis ซึ่งเธอได้ให้เหตุผลว่า ร้านสักของเธอนั้นเปรียบเสมือนกับคู่หูของเธอมากอย่างยาวนาน แถมร้านแห่งนี้ของเธอยังเป็นสูติโอส่วนตัวที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเอเธนส์อีกด้วย ซึ่งประเทศแห่งนี้ได้เริ่มมอบเส้นทางในวงการสักของเธอ นอกจากนั้นแล้วบรรดาเหล่าลูกค้าที่จะมาหาเธอก็ยังค่อนข้างสะดวกในการเดินทางมา เพราะนอกจากการได้สักกับเธอแล้ว ลูกค้าของเธอยังสามารถที่จะเดินชมเมืองอันสวยงามที่มีลักษณะเฉพาะ รวมถึงศิลปะแขนงต่าง ๆ ที่เป็นผลตกทอดจากทางวัฒนธรรมภายในเมืองแห่งนี้ได้อีกด้วยนั่นเอง
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ Natalie Nox ช่างสักสาวผู้เอาแนวคิดแบบสมจริง มารวมกับสิ่งนามธรรม ซึ่งเราเชื่อเลยว่าผลงานของเธอบางส่วนที่เราเอามาให้คุณได้ดูภายในบทความนี้มันจะต้องทำให้คุณรู้สึกตะลึงกับการผสมผสานของสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง