คุณเคยได้ทำอะไรสักอย่างจากความชอบบ้างไหม โดยที่มาขอคำถามนี้นั้นมาจากการที่เราอยากจะรู้ว่า การที่ใครคนหนึ่งทำในสิ่งที่ตัวเองรัก มันจะทำให้เขารู้สึกมีความสนุกกับสิ่งเหล่านั้นขนาดไหน และแน่นอนว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักนั้นผลงานของมันก็มักจะออกมาดีอยู่เสมอ
และที่ St.Martin Tattoo Studio เองมันก็คืออีกหนึ่งร้านซึ่งมีช่างสัก 2 คนที่มีใจรักในงานสักอยู่ในนั้นโดยพวกเขาก็คือ ช่างดุ่ย และ ช่างบอล จนทำให้สตูดิโอแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งทำให้บรรดาเหล่าคนที่ชื่นชอบรอยสักต่างคิดจะให้ช่างทั้ง 2 นี้ฝากผลงานไว้บนร่างกายของเขา ซึ่งความน่าสนใจนี้เองที่ทำให้ในครั้งนี้ เราจะขอพูดถึงเรื่องราวของ St.Martin Tattoo Studio ร้านสักของ ดุ่ย และ บอล ที่เกิดจากความชอบ กัน ซึ่งเรื่องราวของ ทั้ง 2 คนนั้นจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คุณขนาดไหน เอาเป็นว่า เราไปชมเรื่องราวในครั้งนี้กันเลยดีกว่า
สิ่งที่ บอล และ ดุ่ย อยากแนะนำให้กับบรรดาเหล่าช่างสัก
ซึ่งตัวของ ดุ่ย และ บอล ถือได้ว่าเป็นอีก 2 ช่างสักที่อยู่ในวงการนี้มาอย่างยาวนานถึงเวลา 8 ปี และนั่นจึงทำให้ตัวของทางช่างบอล อยากจะว่าบรรดาเหล่าช่างสักหน้าใหม่ที่จะเข้ามาอยู่ในวงการให้ได้นานเหมือนกับพวกเขา สิ่งแรกที่ต้องมีเลยนั่นก็คือ ความชอบ เพราะว่าถ้าเกิดคุณไม่ได้ชอบรอยสักจากใจลึก ๆ คนเหล่านั้นก็จะทำเพียงแค่แป๊บเดียวแล้วก็เลิกไป แต่ถ้าคุณทำมาจากความชอบ มันจะทำให้คุณฝึกทำต่อไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดความชอบเหล่านั้นก็จะฉายแววออกมาเอง
แต่ความชอบเองก็ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะนอกจากความชอบแล้ว คนที่จะเป็นช่างสักก็ควรดูงาน และ ศึกษางานต่าง ๆ อยู่เสมอ
โดยในการศึกษาดูงานในทุก ๆ ครั้ง คุณต้องถามตัวเองด้วยว่า สิ่งที่เขาทำนั้นทำอย่างไร และตัวเราเองจะต้องทำให้ได้ ซึ่งแม้ว่านี่จะเป็นคำพูดที่ดูเหมือนง่าย แต่จริง ๆ แล้วนี่คือจุดเริ่มต้นที่ยากที่สุด ดังนั้นถ้าคุณคิดแบบนี้ได้ คุณต้องเริ่มลงมือทำในทันที
ส่วนตัวของช่างดุ่ยมองว่าบรรดาเหล่าเด็กที่เรียนสายศิลป์มาสามารถที่จะมาจับงานสักได้ค่อนข้างง่ายเนื่องจากเด็กสายศิลป์หลาย ๆ คนเองก็มีสกิลด้านศิลปะติดตัวมาอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเด็กเหล่านั้นมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ศิลปะ มันก็จะทำให้พวกเขาเหล่านั้นกลายเป็นช่างสักได้ง่ายขึ้น
แต่ก็ใช่ว่าคนที่ไม่มีสกิลด้านศิลปะจะเป็นช่างสักไม่ได้ เพราะทุกคนเองก็มีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไป ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่ว่า
แต่ละคนจะไปศึกษาเรื่องราวเหล่านี้เพิ่มเติมขนาดไหน และ หลังจากที่พวกเขาศึกษาสิ่งเหล่านี้เพิ่มเต็มเสร็จแล้ว สิ่งที่จะพัฒนาให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้นั่นก็คือประสบการณ์ โดยคนคนนั้นจะต้องลงมือทำจริงบ่อย ๆ เพื่อให้เราเรียนรู้ข้อผิดพลาด หรือ ทำความคุ้นชินกับอุปกรณ์ที่ตัวเองใช้
เสน่ห์ของการสักมือสำหรับตัวของช่างบอล
อีกสิ่งที่ทำให้ St.Martin Tattoo Studio กลายเป็นร้านสักที่โดดเด่นนั่นก็คือ ที่ร้านนี้จะมีบริการสักมือ โดยผู้สักให้ก็คือช่างบอล โดยตัวของบอลนั้นเป็นช่างอีกคนหนึ่งที่เริ่มต้นได้ค่อนข้างแปลกกว่าคนอื่น เพราะว่าเขาคนนี้เริ่มต้นมาจากการสักมือ แทนที่จะใช้เครื่องสักเหมือนกับคนอื่น
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาเริ่มสักมือนั่นก็เพราะว่าเขาไม่มีอุปกรณ์อย่างเครื่องสัก มันจึงทำให้เขาตัดสินใจเอาเข็มมาพันกับไม้แล้วก็เริ่มซื้อหมึกมาลองสักดู และจากการที่เริ่มต้นด้วยการสักมือนี้เองที่ทำให้ตัวของช่างบอลได้รับประสบการณ์การสักที่ไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะการสักด้วยมือก็จะมีวิธีการสักอีกแบบที่แตกต่างไปจากการสักเครื่อง โดยเขาฝึกการสักด้วยมืออยู่เป็นระยะเวลา 2-3 ปีก่อนที่ได้เข้ามาทำงานที่ St.Martin Tattoo Studio แต่เมื่อมาถึง เขาก็รู้สึกว่างานของเขายังไม่ดีพอ และนั่นจึงทำให้เขายังคงฝึกเพื่อพัฒนาฝีมือด้านการสักมือของเขาอยู่เรื่อย ๆ
ซึ่งเสน่ห์ที่ทำให้ตัวของช่างบอลหลงรักการสักมือนั่นก็คือ การที่มันเป็นออริจินัลของบ้านเรา ซึ่งการสักแบบนี้มันสามารถขยายตัวตนของความเป็นไทยได้อย่างดี แถมเวลาฝรั่งได้เห็นการสักแบบนี้พวกเขาก็มักจะถามเสมอว่าสักแบบนี้มันเจ็บไหม หรือการสักยันต์ที่มีรูปลักษณ์ต่าง ๆ มันหมายถึงอะไร
อีกสิ่งที่ถือว่ามันเป็นเสน่ห์นั่นก็คือความแตกต่างของมันกับเครื่องสักในปัจจุบัน ซึ่งแม้ว่าการสักมือจะใช้ระยะเวลาในการสักค่อนข้างนานแต่มันก็จะเป็นไปในลักษณะแบบเรื่อย ๆ และใช้สมาธิในการสักค่อนข้างเยอะ แถมยังต้องอาศัยความแม่นของการลงเข็มพอสมควร
แต่เรื่องราวเหล่านี้ยังไม่ใช่ทั้งหมดของ St.Martin Tattoo Studio ร้านสักของ ดุ่ย และ บอล ที่เกิดจากความชอบ เพราะว่าเรื่องราวที่การทำงานกว่า 8 ปีที่หล่อหลอมพวกเขายังมีอยู่อีกมากมาย ซึ่งจะมีเรื่องอะไรอีกบ้างนั้น เอาไว้เดี๋ยวเรามาติดตามกันต่อในบทความหน้า