ในปัจจุบันนี้เรื่องของรอยสักนั้นได้รับการยอมรับกันในวงกว้าแล้วมันนั้นเปรียบเสมือนกับศิลปะอีกหนึ่งแขนงที่สามารถสะท้อนเรื่องราวต่าง ๆ รวมถึงมันยังแฝงไปด้วยเอกลักษณ์ของช่างสักแต่ละคนอีกด้วย มันจึงทำให้ผู้ที่สักหลาย ๆ คนเลือกที่จะหาช่างสักที่มีสไตล์ และ เอกลักษณ์เฉพาะตัวมาเป็นคนเนรมิตลอยสักเหลบ่านั้นลงบนร่างกายของตัวเอง แลแน่นอนว่ามันก็เช่นเดียวกับภาพวาดที่ มีนักวาดระดับตำนานมากอยู่หลาย ๆ คนไม่ว่าจะเป็น ปิกัสโซ่ หรือ ลีโอนาโด ดาวินชี โดยในวงการสักนั้นก็มีช่างสักอยู่คนหนึ่งที่ได้ชื่อว่ามีฝีมือระดับตำนาน โดยเขาคนนั้นมีชือว่า Mister Cartoon
โดยดีกรีความฮอตของ Mister Cartoon นั้นก็สามารถการันตีด้วยการที่ศิลปะการสักของเขานั้นไปปรากฏอยู่บนร่างของศิลปินคนดังที่มีชื่อเสียงมากมายไม่ว่าจะเป็น Eminem เจ้าพ่อแห่งวงการแรปเปอร์ , Snoop Dogg อีกหนึ่งสุดยอดตำนานของวงการฮิปฮอป , Beyoncé ดีวาสาวเสียงทรงพลัง และรวมไปถึงหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ผู้จากไปของวงการบาสเกตบอลอย่าง Kobe Bryant
แต่ถ้าถามว่าบรรดาเหล่าคนดังเหล่านี้นั้นจะทำให้ตัวของ Mister Cartoon นั้นยอมสักให้ฟรีเพื่อเป็นการโปรโมทให้กับตัวเขาเองหรือไม่ คำตอบก็คือไม่ เพราะว่าหนึ่งในแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง Eminem นั้นยังต้องยอมจ่ายให้กับ Mister Cartoon เป็นมูลค่าสูงถึง 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.6 ล้านบาท เพื่อที่จะแลกกับรอยสักรอยหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งหลาย ๆ คนเมื่อทราบกันแบบนี้แล้ว คงอยากจะรู้กันแล้วใช่ไหมว่า Mister Cartoon คนนี้มีดีอะไรกันถึงเรียกเงินจากคนดังได้ขนาดนี้ เอาเป็นว่าเราไปดูเรื่องราวของเขากันดีกว่า
โดยจริง ๆ แล้วช่างสักระดับโลกอย่าง Mister Cartoon นั้นมีชื่อจริง ๆ ว่า Mark Machado
โดยตอนนี้เขามีอายุมากถึง 51 ปีแล้ว ซึ่งเขานั้นเกิดและเติบโตในเมือง ลอสแอนเจอลิส ประเทศอเมริกา และอย่างที่หลาย ๆ คนน่าจะพอทราบกันดีกว่า L.A. นั้นถือได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ และ ยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่า Street Culture ซึ่งมีศิลปะแนวกราฟฟิตี้ตจามผนังอยู่เต็มไปหม และ นั่นเองก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ช่างสักอย่าง Mister Cartoon
ซึ่งอิทธิพลเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ตัวของ Mister Cartoon ที่มีวัยเพียงแค่ 4 ขวบเริ่มหัด และ เรียนรู้การวาดภาพ ซึ่งถ้าเรานึกย้อนไปถึงเราในวัยเดียวกันนั้นรูปภาพที่เราวาดออกมาก็คงเป็นเพียงแค่ลายเส้นมั่ว ๆ หรือ การ์ตูนแนวก้างปลาเท่านั้น แต่มันไม่ใช่กับตัวของ Mister Cartoon เลย เพราะว่าในช่วง 4 ขวบ ตัวของเขาก็เริ่มวาดรูปที่โครงสร้าง และ มีความซับซ้อนมาก ๆ ออกมาได้แล้ว
แต่ทว่าจุดเริ่มต้นของการทำให้ Mister Cartoon กลายเป็นศิลปินชื่อก้องโลกได้นั้นมันกลับไม่ได้เริ่มต้นในแวดวงศิลปะตั้งแต่ต้น เพราะว่าเส้นทางของ Mister Cartoon นั้นได้เริ่มจต้นขึ้นจากการที่คุณพ่อของเขาบังคับให้ตัวของเขานั้นต้องเรียนศิลปะป้องกันตัวอย่างคาราเต้ แต่ทว่าสถานที่ซึ่ง Mister Cartoon ได้เข้าไปเรียนคาราเต้นั้นกลับไม่ได้มีเพียงแค่คารเต้เท่านั้น แต่มันยังเป็นแหล่งรวมงานศิลปะชั้นยอด โดยเฉพาะการแต่งสีรถ เนื่องจากเจ้าของโรงเรียนคาราเต้นั้นเป็นช่างแต่งสีรถ
ซึ่งการไปเรียนคาราเต้ของ Mister Cartoon ในครั้งนั้นนี่เองจึงทำให้ตัวของเขารับเอาอิทธิพลและซึมซับเอางานศิลป์ประเภทนี้เข้าสู่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งในที่สุด Mister Cartoon ก็ได้ตัดสินใจเดินในเส้นทางศิลปะอย่างจริงจัง ซึ่งในช่วงแรก ๆ นั้นตัวของ Mister Cartoon จะเริ่มเรียรู้ด้วยการฝึกหัดวาด้วยมือบ่อย ๆ โดยสิ่งที่เขาใช้แต่งเติมจินตนาการนั่นก็คือ ผนัง และ รถยนต์ และนั่นเองก็ทำให้หลาย ๆ คนมักจะเห็นว่าตัวของ Mister Cartoon นั้นมักจะพกปากกา หรือ กระป๋องสีติดตัวอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
นอจากนั้นแล้วตัวของ Mister Cartoon เองยังไม่ได้หลงรักเพียงแค่ศิลปะการวาดภาพเพียงอย่างเดียว แต่ทว่าอีกหนึ่งสิ่งที่เขาค่อนข้างสนใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือ การเต้นเบรกแดนซ์ แต่ถึงแบบนั้นแล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะทำสิ่งนี้ได้ดีพอ จนทำในที่สุดเขาก็ตัดสินใจมุ่งเอาดีด้านการวาดภาพอย่างจริง ๆ และนำไปสู่การตัดสินใจเข้าเรียนที่โรงเรียนเทคนิคเทรดเทคแอลเอเพื่อศึกษาเรื่องกราฟิกและตัวอักษร
และพอตัวของ Mister Cartoon มีอายุครบ 17 ปี เขาก็ได้เริ่มลงทุนเป็นครั้งแล้ว
โดยธุรกิจที่เขาเลือกลงทุนนั่นก็คือ การเพนต์เสื้อยืดด้วยแอร์บรัช นั่นเอง และด้วยฝีมือของเขาที่เป็นสไตล์กราฟฟิตีที่มีความดิบเถื่อน รวมถึงยังมีเอกลักษณ์จึงทำให้ธุรกิจของเขาเริ่มประสบความสำเร็จขึ้นมา
และนอกจากการทำเสื้อยืดแล้ว ตัวของ Mister Cartoon ก็เริ่มรับงานออกแบบอื่น ๆ ตามมาเช่นการออกแบบโลโก้ , การออกแบบปกวงดนตรี และ นิตยสาร ซึ่งทั้งหมดนั้นมันก็ทำให้ตัวของ Mister Cartoon ได้รับประสบการณ์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น
และเมื่อฝีมือของ Mister Cartoon นั้นยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อย ๆ มันจึงทำให้ตัวของเขานั้นได้รับการยอมรับจากเหล่าศิลปินคนอื่น ๆในวงการ และยังได้ถูกเชิญให้ไปร่วมงานกับ Cypress Hill ซึ่งเป็นวงดนตรีอเมริการที่มชื่อเสียงเป็นอย่างมากในขณะนั้น โดยตัวของ Mister Cartoon ได้มีโอกาสออกแบบทั้งเวที และ ปกอัลบั้มให้แก่พวกเขา และนั่นเองก็กลายเป็นตัวจุดประกายให้ชื่อเสียงของ Mister Cartoon นั้นพุ่งทะยานมากขึ้นไปอีกขั้น แต่ ณ ตอนนั้นเองตัวของเขายังไม่คิดเรื่องสักอยู่ในหัวสมองเลยแม้แต่น้อย
จนวันหนึ่งตัวของ Mister Cartoon ได้มีโอกาสที่ไปเยี่ยมชมบรรยากาศภายในร้านสักมืออาชีพแห่งหนึ่ง ซึ่งการเยี่ยมชมในครั้งนี้นี่เองที่มันได้ทำให้เราเริ่มรู้สึกหลงใหลสิ่งที่เรียกว่าการสักเข้าแบบจัง ๆ ในทันที และเมื่อความหลงใหลมักมีมากล้นนี้เองจึงทำให้ตัวของ Mister Cartoon ได้เริ่มทำการทดลองสักกับกลุ่มเพื่อนสนิท และจากนั้นมันก็ค่อย ๆ ลามไปสู่คนในวงการ และเมื่อคนอื่นได้เห็นรอยสักนั้นมันก็เกิดกระแสปากต่อปากว่าใครกันที่เป็นเจ้าของรอยสัก
โดยรูปแบบการสัก และ เทคนิคงานสักของ Mister Cartoon ก็จะคล้ายคลึงกับงานก่อน ๆ ที่ตัวของเขาเคยทำงานด้านกราฟฟิตี และ งานออกแบบ รวมถึงพ่นสีแอร์บรัช นั่นเอง แถมในเวลาที่ตัวของ Mister Cartoon ได้ร่วมออกทัวร์กับวง Cypress Hill บริเวณบูธหลังเวทีก็จะมีคนที่สนมาสักกัน Mister Cartoon เป็นจำนวนมาก และทำให้เขามีฐานแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น แถมยังถึงขนาดที่ว่า แฟนคลับบางคนยอมลงทุนนั่งเครื่องบินเพื่อมาสักกับเขาโดยเฉพาะเลยด้วย
และเพราะแฟนคลับที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ของ Mister Cartoon นี้เองที่ทำให้เขาตัดสินใจสร้างสตูดิโอของตัวเองขึ้นมาโดยตั้งชื่อว่า SA Studios โดยจุดประสงค์ของการสร้างขึ้นมานั่นก็คือ การที่ตัวของ Mister Cartoon จะได้ลุยกับธุรกิจร้านสักของตัวเองได้อย่างเต็มที่ แถมเขายังได้ร่วมมือกับช่างภาพชื่อดังอย่าง Estevan Oriol มาช่วยเติมเต็มอีกด้วย มันจึงทำให้ในสตูของเขานั้นเต็มไปด้วยงานศิลป์แบบต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานภาพถ่าย รถยนต์ที่ถูกตกแต่ง
โดยพื้นที่ในสตูดิโอนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนนั่นก็คือ ข้างบนจะเป็นสตูดิโอของ Estevan Oriol ส่วนข้างล่างก็จะเป็นร้านสักของ Mister Cartoon ซึ่งกระแสตอบรับของการเปิดร้านสักนี้เองที่ทำให้มีบรรดาคนมีชื่อเสียงระดับโกต่างเดินทางเข้ามาใช้บริการกันอย่างหนาแน่น ซึ่งมาถึงตอนนี้แล้วหลาย ๆ คนน่าจะเริ่มตั้งคำถามกันแล้วว่า แล้วความพิเศษของ Mister Cartoon นั้นคืออะไร
โดยควมพิเศษอย่างแรกของ Mister Cartoon เลยนั่นก็คือ ความยาก และ การเป็นอกลักษณ์ เนื่องจากตัวของเขานั้นใช้เทคนิคที่เรียกว่า Fine Line Style ซึ่งมันจะเป็นการลงเข็มที่บางมาก ๆ เพื่อที่จะทำให้ภาพมีรายละเอียดสูง และงานของเขาก็จะมีความยากมากขึ้นเพราะตัวของ Mister Cartoon นั้นจะใช้ Freestyle Tattoo ซึ่งจะไม่มีกระดาษลอกลายลงบนแขน
อีกอย่างที่เป็นความพิเศษของ Mister Cartoon นั่นก็คือ ความ Exclusive เพราะว่าการที่จะได้มาสักกับเขานั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะนอกจากราคาที่ค่อนข้างสูงแล้ว คนที่จะมาสักได้จะมีคนที่รักกับตัวของ Mister Cartoon เป็นคนแนะนำมาเท่านั้น ดะงนั้นมันจึงทำให้ถ้าเราไม่มีใครที่รู้จักกับ Mister Cartoon นั้นแทบจะหมดสิทธิ์สักไปโดยปริยาย โดยคนไทยที่เคยได้สักกับตัวของ
Mister Cartoon นั้นมียังไม่ถึง 10 คนเลย โดยคนไทยที่สักกับเขานั้นก็จะมีอย่าง UrboyTJ, โต้ง TWOPEE และป๊อก Mindset
แลเพราะความ Exclusive นี้เองมันจึงส่งผลให้คนที่ได้สักกับ Mister Cartoon กลายเป็น Community ขึ้นมา