การสักนั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปะที่ค่อนข้างสวยงามและชวนหลงใหลเป็นอย่างมากเพราะมันคือศิลปะที่สามารถแสดงตัวตนและจารึกลงไปอยู่ในร่างกายของเราได้ตราบนานเท่านาน แต่แน่นอนว่าเพราะลายสักนั้นเป็นสิ่งที่ติดอยู่กับร่างกายของเราดังนั้นมันจึงไม่แปลกใจว่าใครหลาย ๆ อาจจะมีการป่วยหลังจากที่พวกเขาประทับพวกมันลงที่ร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาการส่วนใหญ่ที่เรามักจะพบจากการสักนั่นก็คือ รอยสีแดง และ มีอาการอักเสบในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งมันขึ้นอยู่ขนาดของรอยสัก โดยถ้าเป็นขนาดเล็ก ๆ คุณอาจจะมีอาการอักเสบเพียงแค่หนึ่งหรือสองวันเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมีขนาดใหญ่อาการอักเสบของของคุณอาจจะมีระยะเวลายาวนานถึงหนึ่งสัปดาห์เลยทีเดียว
แต่เพราะว่าอาการบวมแดง และ อักเสบได้ถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาหลังจากที่เราได้เริ่มทำการสัก แล้วเหตุผลที่ทำให้รอยสักแดง และ อักเสบ และวิธีรักษา แบบไหนกันละที่มันคือสิ่งที่เราต้องสังเกต โดยอาการที่แสดงให้ได้ชัดที่สุดนั่นก็คือ
การติดเชื้อ โดยการติดเชื้อนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดสำหรับรอยสักที่เพิ่งสักใหม่ ๆ โดยคุณสามารถสังเกตได้ว่าบริเวณรอบ ๆ แผลของคุณนั้นจะมีอาการอักเสบ และ สีแดงมากกว่าที่มันควรจะเป็น นอกจากนั้นแล้วมันยังไม่ได้อันตรายเพียงแค่สำหรับบริเวณผิวหนังส่วนนั้นของคุณ แต่มันยังอันตรายไปถึงสุขภาพโดยรวมของคุณด้วยหากไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ
โดยสาเหตุหลักที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อนั่นก็คือ การไม่ทำความสะอาดให้ปลอดเชื้อ จึงทำให้แบคทีเรียรอบ ๆ เข้าสู่บาดแผลที่เกิดจากการสักได้นั่นเอง
ซึ่งวิธีสังเกตว่ารอยสักของคุณนั้นมีการติดเชื้อหรือไม่ ก่อนอื่นให้คุณลองสังเกตที่รอยแดงรอบ ๆ ว่ามันเริ่มเข้มขึ้นและมองเห็นได้ชัดแทนที่จะค่อย ๆ จางหายไปหรือไป ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวเราขอแนะนำให้คุณรีบสังเกตอาการขั้นต่อไปนั่นก็คือ รอยแดงที่อยู่รอบ ๆ นั้นมีระยะเวลานานกว่าสองสัปดาห์ และหลังจากนั้นมันจะพัฒนาขึ้นเป็นผื่นแดงที่ไม่ยอมหายไปอีกหรือไม่
หลังจากนั้นเมื่อรอยสักของคุณเริ่มเป็นผื่นแดงแล้วมันจะค่อย ๆ ขยายตัวออกไปด้านนอก และ เริ่มมีวงกว้างและไกลจากตำแหน่งเดิมแทนที่มันควรจะหดตัวและจางลง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะตามมาด้วยความเจ็บปวดที่ไม่ได้มีอาการทุเลาลงเลยหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ และรอยแดงเหล่านั้นจะส่งผลให้คุณเริ่มมีอาการไข้สูง จากนั้นรอยแดงเหล่านั้นก็ยังคงเป็นสีแดงเข้มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ และถ้าคุณลองเอามือไปสัมผัสคุณจะพบว่าบริเวณวงแดงเหล่านั้นมีความอุ่นมาก
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เราอยากเตือนคุณเอาไว้เพื่อไม่อยากให้คุณตื่นตูมกับอาการเหล่านี้มากเกินไปนั่นก็คือ โปรดจำไว้ว่า
ทุก ๆ คนมีระยะเวลาในการรักษาตัวเองจากแผลแตกต่างกันไปออกไป โดยแผลของบางคนอาจจะหายเร็วมาก ๆ แต่แผลของคุณอาจจะใช้เวลานานกว่านั้นเล็กน้อย ดังหากคุณเอาอาการเหล่านี้ไปพูดคุยกับเพื่อน หรือ คนรู้จักที่มีรอยสักเช่นเดียวกับคุณ คุณอาจจะไม่สามารถอ้างอิงความเร็วในการฟื้นตัวตรงนี้ได้มากนัก แต่ถ้าคุณมีความรู้สึกสงสัยว่าแผลที่เกิดจากการสักของคุณอาจจะมีอาการติดเชื้อจริง ๆ เราขอแนะนำให้คุณไปปรึกษาแพทย์โดยตรงจะดีที่สุด เพราะยิ่งคุณปรึกษาเร็วก็ได้รับการรักษาเร็ว และ ผลลัพธ์ในการรักษาที่ทันเวลาก็จะส่งผลดีต่อคุณมากขึ้นเท่านั้น
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รอยสักของคุณบวมแดงได้นอกจากการติดเชื้อนั่นก็คือ อาการแพ้
โดยอาการนี้อาจจะไม่ได้ร้ายแรงเท่าการอาการติดเชื้อ แต่วิธีที่ดีที่สุดซึ่งสามารถป้องกันอาการนี้ได้ดีที่สุดนั่นก็คือการให้ช่างสัก หรือ แพทย์ ตรวจสอบผิวของคุณเพื่อเป็นการตรวจสอบว่าผิวของคุณนั้นมีอาการแพ้อะไรบ้าง ซึ่งแม้ว่าการแพ้หมึกสักนั้นจะค่อนข้างพบคนที่แพ้ยาก แต่ทว่าสารโลหะที่ผสมอยู่ในนั้นอาจจะส่งต่อผิวของคุณได้ โดยเฉพาะหมึกสีแดง และ หมึกสีดำ
สาเหตุต่อมาที่ทำให้รอยสักของคุณมีอาการบวมแดงได้นั่นก็คือ การระคายเคืองต่อผิวหนัง โดยอาการนี้จะส่งผลให้ผิวรอบ ๆ รอยสักใหม่นั้นเกิดอาการคันจนทำให้เกิดรอยแดงได้ ซึ่งปกติแล้วหลังจากที่การสักเสร็จสิ้นบรรดาเหล่าศิลปินช่างสักจะใช้เทปทางการแพทย์แปะไปยังรอยสักของคุณเพื่อป้องกันน้ำและฝุ่นละอองที่จะมาทำอันตรายต่อรอยสักของคุณ แต่ทว่าบางคนเองก็มีอาการแพ้กับเทปเหล่านี้ได้เช่นกัน และการระคายเคืองเหล่านี้ก็จะเป็นอาการระคายเคืองโดยตรงต่อผิวหนังโดยรอบรอยสัก และ มันก็จะทำให้เกิดรอยแดงคล้ายกับผื่น และอาการระคายเคืองเหล่านี้บางคนก็อาจจะเกิดในเทป หรือ บางคนก็อาจจะเกิดนอกเทปกาว
นอกจากนั้นแล้วอาการระคายเคืองที่นำพาไปสู่การเกิดอาการบวมแดงนั้นยังเกิดจากอีกหลาย ๆ สาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น สบู่ หรือ โลชั่นบางชนิด ซึ่งมันอาจทำให้คุณเกิดอาการระคายเคือง และ ทำให้ผิวของคุณแดงได้มากกว่าปกติ โดยสาเหตุที่เรามักจะพบกันบ่อย ๆ นั่นก็คือ สีเทียม และ สารแต่งเติมกลิ่นที่อยู่ในสบู่ และ โลชั่นหลาย ๆ ชนิด มันจึงได้กลายเป็นที่มาในคำเตือนของบทความเราหลาย ๆ ครั้งว่าให้คุณหลีกเลี่ยงสบู่ หรือ โลชั่น ที่มีสี มีกลิ่น
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้รอยสักของคุณเกิดอาการบวมแดงได้มากกว่าเดิมนั่นก็คือ แสงแดด โดยเราได้บอกคุณไปในหลาย ๆ บทความแล้วว่าผิวหนังที่เพิ่งสักเสร็จใหม่ ๆ นั้นมีความไวต่อแสงแดดค่อนข้างมาก และ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผิวหนังตรงนั้นของเราสัมผัสกับแสงโดยตรงมันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อหมึกสักที่อยู่บนร่างกายของคุณได้ โดยเจ้ารังสีร้ายอย่างรังสี UV นั้นจะเป็นสิ่งที่ทำให้แผลของคุณเปิด และ เกิดอาการอักเสบจนนำมาสู่รอยแดงได้หากสัมผัสกับแสงแดดที่นานเกินไป ซึ่งเจ้าวิธีป้องกันเจ้ารังสี UV เหล่านี้ก็คือการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป รวมถึงสวมเสื้อผ้าที่สามารถปกป้องรอยสักของคุณได้
อีกหนึ่งอย่างที่มันสามารถทำให้รอยสักของคุณเกิดอาการบวมแดงขึ้นมาได้นั่นก็คือ การสักหนักมือเกินไป โดยหากจุดไหนที่ถูกช่างสักกดหนักลงไปเล็กน้อย บริเวณนั้นจะเป็นบริเวณที่เกิดการระคายเคืองมากกว่าจุดอื่น ๆ และมันยังส่งผลไปถึงอาการอื่น ๆ เช่นอาการฟกช้ำ และ รอยสักระเบิด รวมถึงมีอาการบวมขึ้นอีกด้วย
แต่จริง ๆ แล้วหลาย ๆ คนมักจะเข้าใจผิดว่าอาการบวมแดงเหล่านี้มักจะเกิดกับรอยสักใหม่ ๆ เท่านั้น แต่เปล่าเลยเพราะว่าอาการบวมแดงเหล่านี้ยังสามารถที่จะเกิดกับลายสักเก่า ๆ ที่ผ่านการรักษาเบื้องต้นไปสักพักหนึ่งแล้วได้เช่นกัน ซึ่งโดยปกติแล้วอาการบวมแดงรอบ ๆ รอยสักเก่าที่ผ่านการรักษาไปแล้วจะไม่ได้ส่งผลอะไรมากมายเท่าไหร่ ซึ่งสาเหตุที่มันทำให้เกิดอาการบวมแดงก็อาจจะมีการผดผื่น เนื่องจากผิวตรงนั้นค่อนข้างไวต่อแสงแดดมากกว่าผิวหนังแบบปกติทั่วไปแม้ว่าเวลามันจะผ่านไปนานหลายปีแล้วก็ตามที แต่ถึงแม้ว่าลวดลายบนผิวหนังเก่านั้นจะขึ้นเป็นผื่นแดงขนาดไหนก็ตามมันก็จะไม่ได้ส่งผลหรืออันตรายต่อร่างกายของเราได้ในระยะยาว
นอกจากนั้นแล้วอาการผื่นแดงบริเวณรอบ ๆ รอยสักยังเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่กำลังบ่งบอกว่าร่างกายของคุณกำลังแพ้บางอย่างอยู่อีกด้วย เพราะบางทีแล้วรอยแดงที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังแพ้หมึกสัก
ซึ่งมันอาจจะใช้เวลายาวนานหลายปีกว่าจะปรากฏขึ้นเนื่องจากระยะเวลากว่าที่หมึกสักจะถูกแทรกลงไปในผิวหนัง
และนั่นเองคือข้อสรุปของเหตุผลที่ทำให้รอยสักแดง และ อักเสบ และวิธีรักษา ซึ่งเราจะบอกว่าอาการบวมแดงบริเวณนั้นเป็นอีกหนึ่งอาการที่จะเกิดได้ทุกเมื่อหากคุณมีลวดลายศิลปะเหล่านี้อยู่บนร่างกาย แต่ถึงแบบนั้นอาการดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหากคุณสามารถสังเกตอาการได้ทัน และ ใช้ครีม หรือ ยา เพื่อบรรเทาอาการได้ทันนั่นเอง