เมื่อศิลปะอย่างรอยสักกลายเป็นสิ่งที่ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เพราะอะไรทำไมตามท้องถนนหนทางต่าง ๆ เวลาเราเดินผ่านอย่างน้อยคุณก็จะต้องเห็นคนที่มีรอยสักอยู่บนร่างกายไม่มากก็น้อย ซึ่งเพราะความนิยมของรอยสักที่ค่อย ๆ กลายเป็นกระแสมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในแฟชั่นของคนในยุคปัจจุบันนี้เอง จึงทำให้เริ่มมีหลาย ๆ คนที่อยากจะมีรอยสักอยู่บนร่างกายมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่แน่นอนว่าการจะทำอะไรครั้งแรกในทุก ๆ ครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือข้อมูล เพราะเราเชื่อว่ายังมีหลาย ๆ คนที่คิดเพียงแค่ว่า การสักก็คือการเอาเข็มจิ้มหมึกและแทงไปบนผิวหนังของเราเท่านั้น ดังนั้นวันนี้เราจึงจะขอพาทุก ๆ คนไปพบกับเรื่องราวตั้งแต่กระบวนการการสักทั้งหมดตั้งแต่เริ่มยันจบ กัน เพื่อที่จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกให้คนที่กำลังตัดสินใจจะสักอยู่ ซึ่งกระบวนการเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง เอาเป็นว่าเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า
กระบวนการสักในขั้นตอนแรกนั่นก็คือ การเลือกการออกแบบ ซึ่งคุณต้องเข้าใจก่อนว่าจริง ๆ แล้วร้านสักใหญ่ ๆ หลาย ๆ ร้านนั้น จะมีลวดลายที่ออกแบบเอาไว้ล่วงหน้าส่วนหนึ่งแล้ว ซึ่งคุณสามารถเข้าไปในร้านเพื่อเลือกแค็ตตาล็อกลายเหล่านั้นมาสักได้ทันทีหากคุณรู้สึกว่า คุณไม่ซีเรียสเท่าไหร่ที่คุณจะมีรอยสักเหมือนกับคนอื่น ๆ นอกจากนั้นแล้วลวดลายนั้นยังเป็นลวดลายที่คุณสามารถหาได้ตามอินเทอร์เน็ต หนังสือ และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมากมาย ซึ่งลวดลายเหล่านั้นก็จะมีมากมายไม่ว่าจะเป็น หัวกะโหลก ดอกไม้ ตัวอักษรคันจิ รวมถึงลวดลายแบบชนเผ่า โดยทั้งหมด ทั้งมวลเหล่านี้จะถูกเรียกว่า แฟลช ซึ่งคุณสามารถใช้คำนี้ไปค้นหาเพิ่มเติมได้ใน อินเทอร์เน็ตของคุณ เพราะว่ามันจะมีทั้งฟรี และ เสียงเงินเพื่อโหลดมา
แต่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนเองก็ต้องการที่จะรอยสักซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ โดยคุณจะต้องเริ่มคุยกับศิลปินที่จะสักให้คุณล่วงหน้า เพื่อเล่าเรื่องราวของสิ่งที่กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสักให้กับเขาฟัง รวมถึงคุณยังต้องอธิบายด้วยว่าคุณต้องการภาพ หรือ แนวของรอยสักที่คุณกำลังมองหาอย่างไร และการพูดคุยครั้งนี้มันจะเป็นการดีกว่า ถ้าหากคุณสามารถหาตัวอย่างงาน หรือ สไตล์ที่คุณชอบมาให้กับศิลปินช่างสักได้ดูเพื่อที่จะเข้าใจตรงกัน แต่คุณต้องเข้าใจก่อนนะว่า ไม่ใช่ศิลปินช่างสักทุกคนจะสามารถทำตามไอเดียที่คุณต้องการได้ทั้งหมด เพราะว่า ศิลปินแต่ละคนเองก็มีสไตล์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มกระบวนการสักขั้นตอนแรกนั้น เราขอให้คุณไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือ ผลงานของศิลปิน และ ร้านสักนั้นก่อน เพื่อที่จะไม่ได้เสียเวลาในการคุย
กระบวนการสักขั้นตอนต่อไปหลังจากที่คุณได้ไอเดียแล้วนั่นก็คือ ตำแหน่งของรอยสัก ซึ่งจริง ๆ แล้วขั้นตอนนี้อาจจะเกิดขึ้นก่อน หรือ หลังจากที่คุณคิดหาไอเดียรอยสักของคุณก็ได้ ซึ่งการคิดหาตำแหน่งรอยสักนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญไม่แพ้กับไอเดียรอยสัก เพราะว่าการพิจารณาตำแหน่งว่าคุณจะสักในตำแหน่งไหน มันจะมีผลต่อเนื่องมาสู่รายละเอียดรอยสักของคุณ ยกตัวอย่างเช่น การที่คุณจะสักลายขนาดใหญ่ และ มีรายละเอียดที่ค่อนข้างซับซ้อนนั้น มันจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่ในการสักค่อนข้างเยอะ ดังนั้นถ้าคุณจะเอาลายเหล่านั้นมาสักไว้บริเวณข้อมือ หรือ ข้อเท้า ของคุณมันก็อาจไม่เหมาะ หรือ ไม่อาจโชว์ศักยภาพของรอยสักนั้นได้อย่างเต็มที่ หรืออย่างการสักรอยสักที่มีรายละเอียดน้อย และ มีขนาดเล็ก แต่คุณกลับเลือกสักไว้กลางหน้าอก มันก็คงเป็นภาพที่ออกจะดูจืดชืดไม่ใช่น้อยเลย หลังจากที่คุณสักเสร็จแล้ว
นอกจากนั้นแล้วในกระบวนการสักขั้นตอนนี้เรายังต้องคิดถึงเกี่ยวกับเส้นของรอยสัก เพื่อที่จะช่วยเติมเต็มพื้นที่ รวมถึงคุณยังต้องพิจารณาเกี่ยวกับการจัดวางว่า ในส่วนนั้นผิวหนังของคุณจะมีการยืดหดตัวหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่นคุณอาจจะสักเป็นรูปปืนพกเอาไว้บริเวณท้องส่วนล่างของคุณ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น หรือ คุณมีการลดน้ำหนัก ลวดลายเหล่านั้นก็อาจจะมีสัดส่วนที่บิดเบี้ยวไปตามผิวหนังของคุณได้ ซึ่งถ้าคุณรู้สึกกังวลถึงเรื่องนั้น คุณสามารถเอารอยสักไปไว้ที่ตำแหน่งอย่าง น่อง หัวไหล่ ฐานของกระดูกสันหลัง และปลายแขน ได้เพราะส่วนเหล่านี้จะไม่มีหย่อนคล้ายตามน้ำหนักตัวของคุณ
กระบวนการสักขั้นตอนต่อไปหลังจากที่คุณผ่านเรื่องของการดีไซน์ และ ตำแหน่งจัดวางมาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่คุณจะต้องทำต่อไปเลยนั่นก็คือ การตรวจสอบร้านสัก ซึ่งแน่นอนแหละว่าการสักนั้นคือการเอาสิ่งแปลกปลอมอย่างน้ำหมึกเข้าสู่ผิวหนังของคุณด้วยเข็ม ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงก็คือความสะอาดและปลอดภัย โดยร้านสักที่ดีควรจะมีอุปกรณ์ฆ่าเชื้อ รวมถึงหมอนึ่งแบบความดัน นอกจากนั้นแล้วศิลปินช่างสักที่จะมาให้บริการคุณก็ควรที่ใช้เข็ม และ หมึกใหม่สำหรับลูกค้า นอกจากนั้นบรรดาเหล่าช่างสักทุกคนควรที่จะสวมมือทุกครั้งในการทำงาน รวมถึงควรจะเปลี่ยนถุงมือทุกครั้ง
และมันจะดีกว่าถ้าร้านที่คุณสักด้วยนั้นมีใบรับรองอย่าง American Red Cross ซึ่งนั่นหมายถึงว่าร้านที่คุณกำลังจะไปสักนั้นสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของ OSHA ซึ่งเป็นข้อกำหนดระดับสากลได้ แต่ถ้าหากทั้งหมดที่เราว่ามานั้น
ร้านที่คุณกำลังจะไปสักนั้นไม่มีเลยแม้แต่ข้อเดียว เราขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนร้านไปหาร้านที่ปลอดภัยขึ้นโดยด่วน เพราะมันไม่คุ้มเลยกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณได้รับการสัก
กระบวนการสักขั้นตอนต่อมานั่นก็คือ ขั้นตอนที่ใครหลาย ๆ คนรอคอย นั่นก็คือ ขั้นตอนของการสัก นั่นเอง โดยหลังจากที่คุณได้พูดคุยกับศิลปินที่จะสักให้คุณแล้ว ส่วนใหญ่ทุก ๆ ร้านมักจะทำเหมือนกันนั่นก็คือ การขึ้นเส้นโครงร่างเอาไว้เพื่อที่จะสักให้คุณ โดยศิลปินจะเตรียมหมึก และ อุปกรณ์สำหรับการออกแบบเอาไว้ และเมื่อทุกอย่างพร้อม และ ถึงเวลานัด ช่างสักก็จะพาคุณไปยังเก้าอี้ หรือ จุดประจำแต่งของช่างแต่ละคน จากนั้นพวกเขาจะเริ่มทำความสะอาดผิว และ ฆ่าเชื้อบริเวณนั้นให้คุณ ซึ่งถ้าคุณมีขนบริเวณนั้นมากจนเกินไป ช่างสักอาจจะต้องโกนขนออก และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ช่างสักจะเริ่มวางโครงรูปลงไปบนผิวหนังของคุณ ซึ่งโครงนั้นจะใช้หมึกพิเศษและมันจะทำให้หมึกนั้นติดอยู่บนร่างกายคุณเสมือนกับเป็นการสักชั่วคราว ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะมันคือขั้นตอนสุดท้ายที่คุณจะตัดสินใจรับการสัก โดยคุณต้องตรวจสอบรายละเอียดของลวดลายเหล่านั้น รวมถึง ตำแหน่งการวางของมันให้ครบถ้วน
กระบวนการสักต่อมาหลังจากที่คุณได้พอใจกับรายละเอียด และ ตำแหน่งของการวางรอยสักแบบโครงร่างแล้ว ขั้นตอนนี้ก็จะเป็นขั้นตอนที่ช่างสักจะเริ่มทำการลงหมึกบนผิวหนังของคุณ ซึ่งเข็มเหล่านั้นจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เหมือนกับจักรเย็บผ้าเพื่อเป็นการเอาน้ำหมึกที่ติดอยู่ปลายเข็มเข้าสู่ผิวหนังของคุณ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วศิลปินช่างสักจะเริ่มต้นด้วยการร่างภาพรอยสักของคุณด้วยหมึกดำ และจากนั้นพวกเขาจะค่อย ๆ เติมสี และ แรเงาลงไปในโครงร่างต่าง ๆ ซึ่งในระหว่างที่สักอยู่นั้น ศิลปินช่างสักของคุณอาจจะมีการเปลี่ยนเข็ม โดยการเปลี่ยนเข็มแต่ละครั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการลงรายละเอียดของเส้น หรือ การเติมแสงเงา
ซึ่งกระบวนการสักนั้นอาจจะกินเวลาไปตั้งแต่ 2 ชั่วโมงจนไปถึงหลายวัน ซึ่งเวลาดังกล่าวนั้นขึ้นอยู่กับรายละเอียดของรอยสัก โดยถ้าจะพูดให้เห็นภาพนั่นก็คือ การออกแบบเล่นลวดลายชนเผ่า หรือ ดอกไม้สีดำขนาดเล็ก อาจจะใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาที แต่งานที่ใหญ่กว่าและมีรายละเอียดของสีมากขึ้น กว่าจะทำให้รายละเอียดต่าง ๆ ครบถ้วนอาจจะต้องใช้เวลานานถึง
1 ชั่วโมง และทั้งหมดนี้มันก็ขึ้นอยู่กับความซับซ้อน นอกจากนั้นแล้วรอยสักเหล่านี้อาจจะต้องมีการซ้ำเพิ่มเติมหลังจากที่คุณผ่านการรักษาตัวในระยะแรกไปแล้ว
กระบวนการสักอันต่อมาที่คุณต้องเผชิญและเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยนั่นก็คือ กระบวนการของการยอมรับความเจ็บปวด นั่นก็เพราะว่าผิวหนังของคุณจะถูกเข็มทิ่มลงไปเป็นหลายร้อยครั้ง ซึ่งบางคนอาจจะรู้สึกว่าการอยู่กับที่และต้องเจอความเจ็บปวดเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่น่าอึดอัด ซึ่งระดับความเจ็บนั้นเราไม่อาจจะวัดได้เพราะความอดทนต่อความเจ็บปวดแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน รวมถึงตำแหน่งของรอยสัก และ สไตล์การสักนั้นก็ส่งผลถึงเรื่องความเจ็บด้วย ซึ่งบางคนก็บอกว่าช่วงเวลาในการเดินเส้นนั้นเจ็บที่สุด หรือ บางคนอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลย จนเวลาผ่านไปสักพัก ดังนั้นระหว่างที่สักอยู่หากคุณจะขอพักนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร แต่เราอยากแนะนำให้คุณควรจะพักผ่อนให้เต็มที่มาก่อนที่จะเข้ารับการสัก เพราะบางทีความเจ็บปวด และ การพักผ่อนไม่เพียงพออาจจะทำให้คุณหมดสติระหว่างการสักได้
และขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการสักนั่นก็คือ การดูแลรักษา โดยปกติแล้วไม่แปลกที่เราจะเห็นรอยเลือดบ้าง แต่ทว่าเลือดนั้นควรที่หยุดเร็ว ซึ่งหลังจากหลังสักเสร็จช่างสักจะทำความสะอาดรอยสักของคุณ และ พันแรปพลาสติกเอาไว้
พร้อมกับแนะนำวิธีการดูแลรอยสักเหล่านั้น รวมถึงบางคนอาจจะแนะนำครีมสำหรับบำรุงรอยสัก และ คุณเองก็ควรที่จะเอารอยสักของคุณให้พ้นจากแสงแดด และอาจจะต้องมีการเตรียมตัวสำหรับอาการอักเสบ หรือ ติดเชื้อเพื่อเอาไว้บ้างนั่นเอง
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวตั้งแต่กระบวนการการสักทั้งหมดตั้งแต่เริ่มยันจบที่เรานำมาฝากให้ทุกคนได้ทราบกัน