อีกหนึ่งความเชื่อนอกจากเรื่องของภูตผี และ วิญญาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนไทยมาอย่างช้านานนั่นก็คือ เรื่องราวของของขลัง และของขลังชนิดหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องสร้างจากวัตถุมงคลอะไรมากมายนั่นก็คือ การสักยันต์ โดยในสมัยก่อนนั้นเหล่าชายไทยมักจะสักยันต์เพื่อความเชื่อทางมนต์คาถาสำหรับการไปออกรบกับศัตรู ซึ่งการสักยันต์ในแต่ละครั้งผู้ที่สักก็จะต้องเป็นผู้ที่มีความแกร่งกล้าในวิชา เราจึงมักจะเห็นการสักยันต์ในสมัยก่อนเป็นการสักด้วยพระซะส่วนใหญ่
แต่ทว่าในปัจจุบันนั้นเรื่องราวของการสักยันต์นั่นได้มีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก เพราะบางคนก็อาจจะสักเพื่อความสวยงามเท่านั้น หรือผู้สักก็อาจจะไม่ใช่พระเหมือนในอดีต แต่เป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในด้านต่าง ๆ และหนึ่งในเกจิอาจารย์ที่เราแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทยที่ทั้งคนในประเทศ และ นอกประเทศต่างก็รู้จักนั่นก็คือ
อาจารย์หนู กันภัย นั่นเอง
แต่เพราะความดังของอาจารย์หนูเองนี่แหละที่ทำให้การที่จะมาสักด้วยต้องมีข้อกำหนดหลาย ๆ อย่างมากมาย จึงทำให้ในวันนี้เราจะขอพาทุก ๆ คนไปข้อมูลว่า หากคุณคิดจะสักยันต์กับอาจารย์หนูต้องทำอย่างไร ซึ่งจะมีกฎอะไรบ้างนั้น เอาเป็นว่าเราไปเริ่มต้นเรื่องราวในครั้งนี้กันเลยดีกว่า
อายุไม่ถึง 20 ห้ามสัก
โดยเหตุผลที่ทำให้อาจารย์หนูไม่ยอมสักให้กับคนที่ยังไม่อายุถึง 20 นั่นก็เพราะ หากเป็นวัยรุ่นที่มีอารมณ์ร้อนมาสักแล้วเกิดอยากจะลองของว่ารอยสักของตัวเองนั้นแน่แค่ไหน มันอาจจะนำพาไปสู่เรื่องการของการทะเลาะวิวาท และ สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม
โดยก่อนที่จะเริ่มต้นการสักกับอาจารย์หนูทุกครั้ง ทางทีมงานจะมีการสกรีนคนด้วยการขอดูบัตรประชาชนก่อนเพื่อให้มั่นใจ และหลังจากการสักเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะมีการอบรมสั่งสอนนิด ๆ หน่อยเกี่ยวกับการไม่ให้นำเอารอยสักนี้ไปเป็นนักเลง และก่อความเดือดร้อนให้คนอื่น และ ควรที่จะตั้งใจทำมาหากินนั่นเอง
ไม่สามารถเลือกลายเองได้ตามใจชอบ
อย่างที่ในหลาย ๆ บทความในเว็บไซต์ของเราได้บอกเอาไว้ว่าการสักนั้นมีทั้งแบบหมึกธรรมดา และ สักน้ำมัน ซึ่งแม้ว่าลวดลายที่ปรากฏขึ้นบนผิวหนังจะแตกต่างกัน แต่ทว่าพระพุทธคุณที่มาจากรอยสักนั้นเหมือนกัน ดังนั้นมันจึงจำเป็นมาก ๆ ที่ผู้สักจะต้องทำการปรึกษากับอาจารย์หนูให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน เนื่องจากแต่ละลายสักนั้นแตกต่างกัน
โดยตัวอาจารย์นั้นจะถามว่าคนที่ต้องการสักนั้นจะ สักไปเพื่ออะไร และ ทำอาชีพการงานอะไร ซึ่งส่วนใหญ่ที่มาสักก็มักจะเน้นไปที่เรื่องของโชคลาภ ความเมตตา หน้าที่การงาน โดยอาจารย์หนูนั้นจะไม่เน้นสักไปที่เรื่องของคงกระพันให้กับคนที่อาจารย์พอเดาได้ว่าเขาจะรอยสักนั้นไปใช้ทำอะไร
รอยสักยอดนิยมของอาจารย์หนู
โดยลายสักยันต์ที่ส่วนใหญ่นิยมมาสักกับอาจารย์หนูนั้นจะถูกแยกออกเป็นหน้าที่การงานเช่น การสักยันต์หนุนดวง ซึ่งเป็นอักขระขอมโบราณ 5 แถว ความยาว 7 นิ้ว กว้าง 2 นิ้วครึ่ง โดยแถวแรกจะเป็นเรื่องคาถาเมตตามหานิยม แถวที่ 2 จะเป็นคาถาหนุนดวงชะตา แถวที่ 3 คือ คาถาที่ทำให้ทำอะไรก็สำเร็จ แถวที่ 4 เป็นราศีประจำตัว และแถวสุดท้ายคือแถวที่ 5 นั่นก็คือ คาถามหาเสน่ห์ โดยสาเหตุที่ทำให้ยันต์นี้ได้รับความนิยมก็เพราะว่า ยันต์นี้สามารถที่จะเกื้อหนุนดวงที่ตกต่ำให้เด่นขึ้นมาได้
นอกจากนั้นยันต์ที่นิยมอื่น ๆ ก็ยังมีอีกเช่น ลายหนุมานตัวเก้า ซึ่งเหมาะกับอาชีพพวกรับราชการ หรือ ตำรวจที่พระพุทธคุณของลวดลายนี้จะส่งเสริมให้มีความเจริญก้าวหน้า ส่วนสำหรับพ่อค้าแม่ขาย ส่วนใหญ่แล้วอาจารย์หนูจะเลือกสักลายที่ชื่อว่า จิ้งจกคาบถุงเงิน ถุงทอง ให้เนื่องจากพระพุทธคุณของลายนี้จะส่งเสริมให้ทำมาค้าขายได้ดีขึ้น
แต่ถ้าเป็นพวกดารานักแสดงที่อยู่ในวงการบันเทิง อาจารย์หนูจะเลือกสักลาย พระพิฆเนศ ให้
โดยลวดลายที่อาจารย์สักให้นั้นจะเป็นการยึดตามแบบลายในอดีต แต่อาจารย์หนูจะมีการนำมาดัดแปลงให้ดูสวย และ ทันสมัยขึ้น โดยลายที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างชัดเจนเลยนั่นก็คือ ลายสิงห์ ที่ตัวของอาจารย์ได้เอารูปของสิงห์ที่เห็นในปัจจุบันมาสักแทน แต่มีการลงอาคมแบบเดียวกัน
ควรมีสติ และ แง่คิดก่อนที่จะสัก
ซึ่งแม้ว่าในบทความนี้จะพูดถึงกฎและข้อห้ามต่าง ๆ ของสำนักอาจารย์หนู แต่คุณอย่าลืมว่าในปัจจุบันนี้สำนักสักนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ของอาจารย์หนูที่เดียว ดังนั้นเราจึงอยากจะให้คุณตั้งสติว่า คุณนั้นศรัทธาในการสักยันต์จริง ๆ หรือ อยากลองของ หรือทำเพื่อแฟชั่นเท่านั้น
แต่นอกจากคนสักแล้วสำนักต่าง ๆ เองก็จรรยาบรรณเช่นเดียวกัน เพราะว่ายังมีเด็กอีกหลาย ๆ ที่ยังไม่มีรายได้ และ ยังไม่สามารถคิดได้ดีพอ ซึ่งถ้าหาสำนักสักเหล่านั้นไม่ให้คำปรึกษาหรือแนะนำในทางที่ถูกที่ควรแล้วละก็ มันก็อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเด็กพวกนั้นได้อีกด้วย
ส่วนสำหรับหลาย ๆ คนที่คิดว่าการสักยันต์นั้นจะไปข้องเกี่ยวกับเรื่องคุณไสย หรือไม่ เราขอบอกในตรงนี้เลยว่าไม่ เพราะการสักนี้จะเป็นการสักที่ให้ผลทางพระพุทธคุณเท่านั้น
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ หากคุณคิดจะสักยันต์กับอาจารย์หนูต้องทำอย่างไร ที่เราได้นำมาฝากให้ทุก ๆ คนได้ทราบกันนั่นเอง ซึ่งเราหวังว่าบทความนี้จะกลายเป็นหนึ่งในแรงบันดาล และ ข้อคิดให้คุณได้ตระหนักถึงก่อนที่จะเริ่มไปสักยันต์กัน