หลาย ๆ คนที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม และ อ่านบทความต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์นี้ เราเชื่อว่าหนึ่งในสิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันนั่นก็คือ ความรู้สึกอยากสักนั่นเอง โดยหลาย ๆ คนก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าในการสักครั้งหนึ่งนั้น รอยสักที่ถูกจารึกไว้บนผิวนั้นมันจะผิดตัวของเราไปจนตายเลยนั่นเอง ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก่อนที่จะทำการสักอะไรสักลายลงบนผิวหนังของเขานั่นก็คือ การศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ นั่นเอง และในครั้งนี้เราจะพาทุก ๆ ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของขั้นตอนต่าง ๆ ที่คุณควรรู้ก่อนที่จะเริ่มมีรอยสักกันนั่นเอง ซึ่งสิ่งที่คุณควรรู้เอาไว้ จะมีเรื่องอะไรบ้าง เอาเป็นว่า เราไปเริ่มทำความเข้าใจกันเลยดีกว่า
โดยสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเป็นอันดับแรกเลยนั่นก็คือ การคิดราคา ของการสักนั่นเอง
ซึ่งแน่นอนแหละว่าการสักลายขนาดเล็ก และ ขนาดใหญ่ รวมถึงความซับซ้อนของรอยสักต่าง ๆ นั้นย่อมส่งผลต่อราคาซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนรู้ดีกันมาก่อนแล้วแต่อีกสิ่งหนึ่งซึ่งหลาย ๆ คนไม่รู้นั่นก็คือ จริง ๆ แล้วการสักยังมีการคิดราคาในแบบของรายชั่วโมงอีกด้วย โดยบริเวณเครื่องสักนั้นจะมีการติดตั้งตัวจับเวลาเอาไว้ และมันจะเริ่มเดิมในจังหวะที่เข็มเริ่มขยับ ซึ่งวิธีการคิดเงินด้วยวิธีนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เที่ยงตรงเป็นอย่างมาก เพราะการที่ตัวจับเวลาสัมพันธ์กับเข็มสักนี้เอง มันจึงทำให้ช่างสักไม่สามารถอู้ หรือ แกล้งทำช้ากินเวลานานเพื่อที่จะเอาเงินมากขึ้นได้ ซึ่งถ้างานที่ไม่ได้ใหญ่มากนักส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่เกิน 2- 3 ชั่วโมง และจะเป็นการสร้างรอยสักแบบรวดเดียวจบในการนัดครั้งนั้นเลย
ส่วนสำหรับงานรอยสักที่ใหญ่ขึ้นมาก็จะมีการแบ่งทำ ยกตัวอย่างเช่นงานสักแบบเต็ม ๆ หลัง แค่เพียงการเดกินเส้นอย่างเดียวก็กินเวลาไปมากกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว จึงทำให้ถ้าจะทำการลงสีต่อนั้นจำเป็นที่ต้องให้ผู้ที่มาสักได้พักก่อน แล้วให้ร่างกายพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาทำการลงสีต่อ แถมการลงสีในแต่ละครั้งก็ยังถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ซึ่งกว่าจะเสร็จก็กินเวลาเอาหลายเดือนเลยทีเดียว
แต่การสร้างสรรค์รอยสักแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ครั้งนั้นก็ถือว่ามีข้อดีเช่นกัน เพราะว่าผู้ที่สักนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายเป็นเงินก้อนใหญ่ โดยเขาขั้นสามารถที่จะแบ่งจ่ายตามงวดที่ช่างสักนัดเอาไว้ได้ นอกจากนั้นแล้วใครที่มีงบจำกัด และ ไม่อยากที่จะทำทีละหลาย ๆ ชั่วโมงก็สามารถแจ้งกับทางร้านได้ เพื่อให้ทางช่างสักนั้นสามารถบริหารจัดการเวลาในการสักออกมาให้เหมาะกับเรานั่นเอง
ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก่อนที่จะเริ่มทำการสักนั้น ทางช่างสักจะเริ่มให้ลูกค้าทำการวางมัดจำ
เพื่อจองวันสักเสียก่อน ยกตัวอย่างเช่นหากคนไหนต้องการที่จะสักเป็นเรทรายชั่วโมง ช่างสักก็มักที่จะให้ลูกค้ามัดจำด้วยราคาครึ่งชั่วโมง และถ้ามีการสร้างรอยสักที่นานกว่านั้นก็ค่อยจ่ายเพิ่ม แต่ถ้าสักอยู่ในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็ไม่จำเป็นที่ต้องจะจ่ายเพิ่มอีก นอกจากนั้นแล้วยังมีในกรณที่ช่าสักที่มีชั่วโมงบินในการสักมาก ๆ พวกเขาอาจจะขอให้มัดจำในราคา 500 – 1000 บาท แล้วค่อยไปจ่ายเพิ่มหน้างานเอาก็มี
ส่วนสำหรับใครที่ต้องการจะมีรอยสักเป็นคำ Quote ต่าง ๆ สิ่งที่ต้องทำเลยนั่นก็คือ การตรวจสอบตัวสะกดของคำให้ถูกต้อง โดยแนะนำว่าให้ตัวสอบด้วยตัวเอง และ ให้คนอื่นช่วยตรวจสอบด้วยเพื่อกันความชินของสายตัวเอง แถมถ้าใครจะสักเป็นภาษาต่างประเทศด้วยแล้ว แนะนำว่าควรที่จะเช็คความละเอียดให้มากกว่าเดิม รวมถึงถ้าเป็นไปได้ควรจะหาเจ้าของภาษาตัวจริงมาให้ความรู้ว่ามันมีความหมายตรงตาที่เราต้องการหรือไม่ นอกจากนั้นแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำนั่นก็คือตรวจสอบแกรมม่า
ซึ่งสาเหตุที่ต้องทำแบบนี้นั่นก็เพราะว่า มันมีอยู่หลายกรณที่คนซึ่งไม่รู้ภาษานั้นจริง ๆ เลือกที่จะไปสักรอยสักเป็นคำนั้น ๆ ออกมา แล้วพอมารู้ทีหลับกลับพบว่าจริง ๆ แล้วคำ ๆ นั้นเป็นคำที่ดูไม่ค่อยดีนัก รวมถึงบางประโยคก็ยังส่อความหมายในเชิงลบให้กับตัวเราอีกด้วย นอกจากนั้นก่อนที่จะเริ่มทำการสัก เราควรจะพกคำกระดาษที่เขียนคำศัพท์ที่ผ่านการตรวจทั้งหมดมาแล้ว เพื่อนำไปเช็คซ้ำ ๆ ในช่วงเวลาที่ช่างสักวางกระดาษลอกลายลงบนผิวหนังของเราแล้ว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการสัก Quote
นั่นก็คือการตรวจทานให้เยอะที่สุด เพราะถ้ามันมีคำผิดขึ้นมา มันจะดูเหมือนเป็นการประจานความไม่รู้ของตัวเอง
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรลีกเหลี่ยงก่อนที่จะเริ่มสร้างรอยสักนั่นก็คือ การทำผิวแทน ซึ่งข้อนี้อาจจะไม่ค่อยนพบเจอเท่าไหร่ในประเทศไทย แต่สำหรับชาวต่างชาติแล้วส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำ โดยผู้ที่ต้องการสักนั้นจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการทำผิวแทนเป็นเวลาอย่างน้อย 1 อาทิตย์ อย่างเช่นการอาบแดบ หรือ ใช้เตียงแบบ UV เพราะว่าการสักในช่วงเวลาของผิวเราถูกเผาไหม้นั้นมันจะทำให้รอยสักที่เราต้องการออกมาดูไม่สวยเท่าไหร่นั่นเอง และนอกจาการทำผิวแทนแล้วผู้ที่สักก็ไม่ควรที่จะไปเข้าคอร์เลเซอร์กำจัดขนตามร่ากาย หรือ แว๊กซ์ขนด้วยเช่นกัน
ส่วสำหรับสาว ๆ ที่คิดจะมีรอยสักนั้น เราขอแนะนำให้คุณคำณวนรอบเดือนให้ดี ๆ ก่อนที่จะไปสัก เพราะว่าการมีประจำเดือนนั้นจะทำให้ประสาทสัมผัสของผู้หญิงนั้นไวยิ่งกว่าเดิม และ มันจะทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดได้ง่ายขึ้นในขณะที่ทำการสักนั่นเอง
ส่วนสำหรับหนุ่ม ๆ ที่คิดจะมีรอยสักครั้งแรกนั้น เราขอแนะนำให้ลองไปทำสครับผิวกันเสียก่อน ซึ่งเราเชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนอาจจะมองว่าเรื่องของการดูแลผิวพรรณนั้นเป็นเรื่องไกลตัว จนทำให้ไม่เคยแม้แต่จะขัดตัวเลยต่ออาบน้ำ มันจึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอกนะหากระหว่างสักไปแล้วเวลาช่างสักใช้มือถูกแล้วมีแต่ขี้ไคลของเราออกมา
นอกจากนั้นแล้วหากสาว ๆ คนไหนคิดจะมีรอยสักบริเวณใกล้ ๆ กับรักแร้ เราขอแนะนำว่าให้คุณกำจัดขนบริเวณนั้นออกไปเสียก่อน เพราะแม้ว่าคุณจะไม่อายช่าง แต่ทว่าเวลาที่ช่างจะถ่ายรูปผลงานของเขาเก็บเอาไว้ หรือ เพื่อเอาไปลงในสื่อโซเชี่ยลต่าง ๆ คุณลองคิดดูสิว่าภาพเหล่านั้นมันจะมีสภาพออกมาเป็นอย่างไร แถมถ้าเกิดช่างสักคนไหนติดแท็กชื่อคุณด้วยแล้วละก็ เราเชื่อว่าคนมีหลาย ๆ คนต่างมาแห่คอมเม้นอย่างแน่นอน
ส่วนอีกหนึ่งอย่างในการเตรียมตัวก่อนจะมีรอยสักสวย ๆ นั่นก็คือ
คุณควรที่จะนึกถึงการดูแลรอยสักของคุณเอาไว้ก่อนเลย เพื่อที่จะไม่เป็นการเสียเวลาในการดูแลหลังจากสักเสร็จ อีกทั้งคุณควรจะทำความสะอาดสถานที่อยู่ของคุณให้เรียบร้อย เพราะอย่างลืมว่าการสร้างรอยสักนั้นก็คือการสร้างบาดแผลเปิดบนร่างกาย ดังนั้นคงไม่ดีแน่ถ้าในระหว่างนั้นแผลจากรอยสักของคุณเกิดการติดเชื้อขึ้นมา
และหลังจากที่คุณเตรียมพื้นฐานต่าง ๆ ก็ที่จะสักเสร็จแล้วขั้นก่อนการสร้างสรรค์รอยสักต่อมานั่นก็คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเราแนะนำว่าคุณควรที่จะพักให้เต็มที่อย่างน้อย 2 คืนก่อนที่จะเริ่มสัก และ ควรที่จะกินข้าวให้อิ่มท้องอย่างปล่อยให้ท้องว่างเพราะว่าหากคุณท้องว่างในระหว่าสักนัก ความเจ็บปวดที่เข้ามาหาคุณเรื่อย ๆ อาจทำให้คุณเป็นลมได้
และถึงแม้ว่าหลาย ๆ คนรู้ว่าการสร้างรอยสักนั้นมันจะทำให้เราเจ็บปวดก็ตามที แต่คุณก็ไม่ควรดื่มจนเมา หรือ ใช้สารเสพติดต่าง ๆ เพื่อระงับความเจ็บปวด เพราะแอลกอฮอล์นั้นจะทำให้เลือดนั้นสูบฉีดแรงขึ้น และ ทำให้เลือดออกมาขึ้นมันจึงไม่เป็นข้อดีเท่าไหร่นัก ทางที่เราแนะนำนั่นก็คือ อย่างน้อยคุณควรที่พจะพกน้ำเปล่าไปดื่มในระหว่างการสัก หรือ พกลูกอมหวาน ๆ ไปกินในระหว่างนั้น เพราะว่าน้ำตาลจะเป็นส่วนผสมในการช่วยลดความเครียด และ อาการมันงงที่เกิดขึ้น
ส่วนใครที่คิดจะพาเพื่อนไปให้กำลังใจในการสร้างสรรค์รอยสักนั้น เราขอแนะนำว่าพาไปแค่คนเดียวก็พอ และ ก็เลือกเพื่อนที่คิดว่าจะไม่กวนสมาธิของช่างสักมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเลยนั่นก็คือ ไม่ควรที่จะพาเด็กเล็กไปร้านสัก เพราะว่านอกจากจะทำให้ช่างสักเสียสมาธิแล้ว ร้านสักที่เต็มไปด้วยเลือด และ หนองที่เกิดจากการสักนั้นยังไม่ค่อยเหมาะสำหรับเด็กที่ยังมีภูมิต้านท้านไม่เท่าผู้ใหญ่
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการสักนั่นก็คือ หากช่างสักติดกระดาษลอกลายแล้ว มันยังได้ตำแหน่งที่ไม่ตรงใจ เราสามารถที่จะบอกให้ช่างสักแก้กี่รอบก็ได้ จนกว่าที่เราจะถูกใจที่สุด เพราะว่านี่คือรอยสักที่จะติดตัวเราไปอีกนานเลยนั่นเอง