อีกหนึ่งศิลปะของรอยสักที่ได้ชื่อว่ามีความงดงาม และ มีความเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดจนทำให้หลาย ๆ คนต้องการที่จะมีรอยสักเหล่านี้อยู่บนร่างกายก็คงจะหนีไม่พ้นรอยสักญี่ปุ่น โดยรอยสักชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรอยสักที่มี่เรื่องราว รวมถึงประวัติความเป็นมาที่ค่อนข้างยาวนาน จึงทำให้ภายในเว็บไซต์ของเราได้มีการเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับรอยสักญี่ปุ่นอยู่บ่อย ๆ ซึ่งใครที่เพิ่งค้นหามาเจอเรื่องราวของรอยสักญี่ปุ่นอันนี้เป็นครั้งแรก เราขอแนะนำให้คุณได้ลองย้อนกลับไปหาอ่านบทความเก่า ๆ ในเว็บเสียก่อนเพื่อที่จะทำความเข้าใจเนื้อหาต่าง ๆ ให้รับรู้มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนสำหรับใครที่เคยอ่านบทความเกี่ยวกับรอยสักญี่ปุ่นกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วละ ที่เราจะมาพบเรื่องราวของ วิธีการสักแบบต่าง ๆ ลวดถึงการใช้สีสัน และ รอยสักญี่ปุ่น เชิงสัญลักษณ์กันต่อ ซึ่งจะมีเนื้อหาเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปรับชมกันต่อเลยดีกว่า
อีกหนึ่งวิธีการสร้างสรรค์รอยสักญี่ปุ่นนั่นก็คือการสักที่เรียกว่า
การสักแบบเทโบริ โดยวิธีการสักนี้จะเป็นการสักแบบแนวนอน โดยใข้แขนและข้อมือในการควบคุมทิศทางของเข็ม โดยจะใช้วิธีการจุ่มหมึกแล้วแทงเข้าไปในบนผิวหนังก่อนที่จะงัดขึ้นเป็นจังหวะ โดยวิธีการทำแบบนี้มันจะเป็นการซ้อนสีลงไปในชั้นผิวหนังให้ดูชัดเจนขึ้น ซึ่งวิธีนี้ก็ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีของรอยสักญี่ปุ่นที่ถูกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ แถมวิธีการนี้ยังเป็นการสักที่ทำได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเป็นจำนวน และ ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยก็ชื่นชอบการสักแบบนี้เช่นกัน เพราะมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความขลัง และ มนต์เสน่หของรอยสักญี่ปุ่น
นอกจากวิธีการสักของรอยสักญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นไม่แพ้กับวิธีการสักนั่นก็คือ สี เพราะว่าใครที่พบเห็นรอยสักญี่ปุ่นมักจะรู้ว่ารอยสักเหล่านี้มักจะมีการใช้สีที่โดดเด่น ถึงขนาดที่ว่ามันสามารถทำให้สีสันอันแสนสดใสสามารถผสมเข้ากับรอยสักสีดำ และ สีเทา ได้อย่างลงตัว และ ยังทำให้รอยสักญี่ปุ่นนั้นดูคลาสสิกขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว แต่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วว่าสีในรอยสักญี่ปุ่นแบบต่าง ๆ นั้นต่างก็มีความหมายแฝงอยู่ในนั้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเราจะมาดูความหมายแฝงของแต่ละสีในรอยสักญี่ปุ่นกัน
โดยเริ่มกันที่สีแรกอย่างสีแดง โดยสีแดงนั้นถือได้ว่าเป็นสีที่สำคัญมาก ๆ
ของประเทศญี่ปุ่น โดยมันแสดงให้เห็นถึงสัญลักษณ์ของความสุข โดยเรามักจะเห็นสีแดงนั้นไปปรากฏตามงานรื่นเริงของญี่ปุ่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิด งานวันส่งท้ายปีเก่า และนั่นเองจึงทำให้มันมีอีกหนึ่งความหมายนั่นก็คือชีวิตชีวา ส่วนในความหมายของรอยสักญี่ปุ่นแบบดั่งเดิมนั้น สีแดงนั้นจะเปรียบเสมือนกับการปกป้องผู้ที่สักจากสิ่งชั่วร้ายนั่นเอง
สีต่อมาที่เกี่ยวกับข้องกับวัฒนธรรมรอยสักญี่ปุ่นนั่นก็คือ สีน้ำเงิน โดยสีนี้ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่ามันเป็นสีนำโชค จึงทำให้ต่อมาได้มีการนำสีน้ำเงินนี้มาตัดแต่งเป็นชุดสำหรับคนที่ต้องการจะไปสัมภาษณ์งานในสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนั้นแล้วสีน้ำเงินยังหมายถึงความซื่อสัตย์ และ ความทุ่มเท จนทำให้มีหลาย ๆ บริษัทนั้นเลือกที่จะให้พนักงานใส่เครื่องแบบเป็นสีน้ำเงิน เพื่อที่จะสื่อความหมายดังกล่าวของบริษัทออกมานั่นเอง
สีต่อมาที่เกี่ยวกับข้องกับวัฒนธรรมรอยสักญี่ปุ่นนั่นก็คือ สีเขียว โดยประเทศญี่ปุ่นนั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความหลากหลายของธรรมชาติ มันจึงทำให้สีเขียวของประเทศญี่ปุ่นนั้นมีความหมายเกี่ยวกับชีวิต รวมถึงเยาวชน และ พลังต่าง ๆ และยังมีความหมายในเชิงสากลว่า การเคารพต่อโลกนั่นเอง
สีต่อมาที่เกี่ยวกับข้องกับวัฒนธรรมรอยสักญี่ปุ่นนั่นก็คือ สีม่วง โดยสีนี้ทางญี่ปุ่นจะถือว่าเป็นสีที่มีเกียรติ เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นกรรมวิธีการผลิตสีม่วงนั้นจะค่อนข้างยากกว่าสีอื่น ๆ จึงทำให้สีนี้มีราคาแพง และด้วยราคาที่แผงนี้เองจึงทำให้สีม่วงนั้นจะถูกเก็บเอาไว้ใช่สำหรับขุนนางชั้นปกครองเท่านั้น โดยเราจะเห็นได้จากวัฒนธรรมสมัยก่อนที่บรรดาเหล่าชาวบ้านนั้นจะแต่งกายด้วยการคลุมเสื้อสีน้ำตาลเพื่อแสดงสถานะ
สีต่อมาที่เกี่ยวกับข้องกับวัฒนธรรมรอยสักญี่ปุ่นนั่นก็คือ สีชมพู โดยสีนี้นั้นจะแสดงออกให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิงเหมือนกับที่ใครหลาย ๆ คนน่าจะชินกัน แต่ถึงแบบนั้นแล้วมันยังมีความหมายแฝงอื่น ๆ อยู่ด้วย นั่นก็คือ ความละเอียด่อนของชีวิต , ฤดูใบไม้ผิล รวมถึงสุขภาพที่ดี และยังนับได้ว่าเป็นอีกสีหนึ่งที่สามารถช่วยเพิ่งเสน่ห์ทางเพศให้กับสาว ๆ ที่มีรอยสักสีนี้อยู่บนร่างกายได้อีกด้วย
สีต่อมาที่เกี่ยวกับข้องกับวัฒนธรรมรอยสักญี่ปุ่นนั่นก็คือ สีเหลือง โดยสีเหลืองนี้จะเป็นอีกสีหนึ่งที่บ่งบอกถึงความสุข และ เป็นการมองโลกในแง่ดี รวมถึงมันยังหมายความถึงความมั่งคั่ง แต่ทว่าในบางพื้นที่ของญี่ปุ่น สีเหลือง จะหมายถึงการหลอกลวง อีกทั้งสีเหลืองก็ยังนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสีที่มีความซับซ้อนและดูสวยงามและมันขึ้นไปอยู่ในรอยสักญี่ปุ่น
ซึ่งสีของรอยสักญี่ปุ่นต่าง ๆ ที่เราได้เล่ามานั้น จะเห็นได้ส่วนใหญ่แล้วความของสีนั้นจะถูกตีความออกไปในเชิงของแง่บวกซะส่วนใหญ่ และเมื่อความหมายของสีเหล่านั้นถูกนำเข้ามารวมกับรูปภาพนั้นมันจึงยิ่งทำให้เกิดควาหมายในการตีความได้มากขึ้นไปมากกว่าเดิมอีก
และนอกจากสีแล้วอีกซึ่งหนึ่งที่ถือได้ว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมากของรอยสักญี่ปุ่นนั่นก็คือบรรดาเหล่าลวดลายต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความวิจิตรงดงามของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันลวดลายเหล่านั้นก็มีการพัฒนารูปแบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถึงแบบนั้นแล้วรอยสักญี่ปุ่นเหล่านั้นก็ยังคงมีความหมายแฝงอยู่ในนั้นอีกเช่นกัน
โดยรอยสักญี่ปุ่นรายแรกที่เราอยากพูดถึงกันนั่นก็คือ รอยสักญี่ปุ่นลายเกอิชา
ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะพอทราบกันว่าเกอิชานั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับญี่ปุ่นมาอย่างยาวงนาน แถมยังมีรอยสักเกอิชาหลาย ๆ ลายที่ได้ไปปรากฏในเทพนิยายรวมถึงตำนานที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งตัวของเกอิชานั้นจะเปรียบเหมือนกับเป็นสัญลักษณ์ของหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นวาจากริยา และ การดำรงชีวิตเพื่อศิลปะ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมรูปเกอิชาถึงเป็นรอยสักญี่ปุ่นอีกอันที่ฮิตมาก ๆ แถมรอยสักรอยนี้ก็ยังมีหญิงสาวจำนวนมากชื่อชอบในการสักอีกด้วย
อีกหนึ่งรอยสักญี่ปุ่นที่เรามักจะพบกันอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ รอยสักคาบูกิ ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ทราบว่าคาบูกิ คืออะไร เราจะอธิบายให้ฟังแบบคร่าว ๆ โดย คาบูกิ คือ การแสดงละครเวทีของญี่ปุ่น ซึ่งแตกต่างจากของตะวันตกโดยสิ้นเชิง นั่นก็เพราะว่าละคร
คาบูกิจะมีการแต่งการด้วยสีสันที่ฉูดฉาด รวมถึงมีการแต่งหน้าที่หนากว่า แต่แบบนั้นแล้วการแสดงละครคาบูกิก็ถือว่าเป็นการแสดงละครระดับชั้นสูงในช่วงทศวรรษที่ 1600 โดยละครคาบูกินั้นจะใช้ผู้หญิงเป็นนักแสดงหลัก และมักจะเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวของสถานการณ์อันน่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ สังคม , ศาสนา หรือ วัฒนธรรมต่าง ๆ แต่สิ่งหลาย ๆ คนไม่เคยรู้เลยนั่นก็คือ จริง ๆ แล้วนักแสดงส่วนใหญ้ที่แสดงก็มักจะรับงานเสริมอย่างการเป็นโสเภณีด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าเมื่อมันเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่น ที่สามารถบรรเลงสีสันลงไปได้อย่างฉูดฉาก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลาย ๆ ถึงเลือกที่มีรอยสักญี่ปุ่นเป็นรูปคาบูก
แต่เรื่องราวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อรอยสักญี่ปุ่นยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้เอาไว้เดี๋ยวครั้งหน้าเราจะพาทุก ๆ ไปรู้จักกับรอยสักร่วมสมัยเหล่านี้กันเพิ่มเติม ซึ่งจะเมื่อไหร่นั้น คุณต้องคอยติดตามข่าวในเว็บไซต์ของเรากันให้ดี ๆ