สารบัญ ลายสัก รอยสัก

เรื่องน่ารู้กับการตีความหมายรอยสักของ 2 หนุ่มแห่งวง BTS อย่าง จองกุก และ จีมิน 


รัวมือ!! “จอง กุก” BTS สร้างสถิติใหม่ใน Spotify - NineEntertain  ข่าวบันเทิงอันดับ 1 ของไทย

เรื่องราวของรอยสักในปัจจุบันนั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่แพร่ขยายไปเป็นไปทั่วโลก รวมถึงทัศนคติต่าง ๆ ในสังคมที่มองการสักเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนค่อนข้างมาก โดยหลักฐานที่สามารถยืนยันทัศนคติที่เปลี่ยนไปนี้ได้ดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการที่บรรดาเหล่าดารา ศิลปิน หลาย ๆ คนตัดสินใจมีรอยสัก แถมรอยสักเหล่านั้นเองก็ยังบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของศิลปินนั้น ๆ กันมากขึ้นอีกด้วย 

และหนึ่งในประเทศที่มีอิทธิทางวัฒนธรรมแพร่กระจายไปทั่วโลกนั่นก็คือ ประเทศอย่างเกาหลี ซึ่งแม้ว่าประเทศนี้เรื่องของรอยสักจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายจนทำให้บรรดาเหล่าศิลปินหลาย ๆ คนต้องปกปิดรอยสักของตัวเองเอาไว้เวลาที่พวกเขาออกทีวีก็ตามที แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีศิลปินอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่ชื่นชอบศิลปะอย่างรอยสัก และ 2 หนุ่มจากวง BTS อย่าง จองกุก และ จีมิน เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน จึงทำให้วันนี้เราจะขอพาทุก ๆ คนไปพบกับ เรื่องน่ารู้กับการตีความหมายรอยสักของ 2 หนุ่มแห่งวง BTS อย่าง จองกุก และ จีมิน กัน

แต่ก่อนที่จะเริ่มมาอ่านบทความนี้ ใครที่ชื่นชอบในตัวของศิลปินทั้ง2คนนี้คุณสามารถย้อนกลับไปอ่านบทความเกี่ยวกับทั้งคู่ได้ที่บทความเก่า ๆ เพื่อรับทราบถึงความหมายรอยสักบางส่วนที่เราเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้  แต่ถ้าสำหรับใครที่เคยอ่านมาแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วละที่เราจะพาทุก ๆ ไปพบเรื่องราวและความหมายของรอยสักของ จองกุก กันต่อ ซึ่งแต่ละรอยสักของเขาจะมีความหมายอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่า เราไปดูกันเลย

ดอกลิลลี่ไทเกอร์ของจองกุก

ARMYs Discover Meaning Behind BTS's Jungkook's Flower Tattoo - Koreaboo

อีกหนึ่งลวดลายที่อยู่บนร่างกายของพ่อหนุ่ม จองกุก นั้นก็คือ รอยสักรูปดอกไม้ โดยรอยสักนี้เป็นอีกหนึ่งรอยสักที่บรรดาเหล่าแฟน ๆ ได้พูดคุยกันถึงความหมายเบื้องหลังหลังจากที่พวกเขาได้เห็นกันแบบชัด ๆ ผ่านมิวสิควิดีโอเพลง ON ที่ถูกปล่อยออกมา โดยรอยสักนั้นจะเป็นรูปดอกไม้ และ มีตัวอักษรอยู่ข้าง ๆ  ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนมาก ๆ 

โดยดอกไม้ที่อยู่บนรอยสักของหนุ่มจองกุกนั้นคือดอกไม้ที่มีชื่อว่า ดอกลิลลี่ไทเกอร์ ซึ่งแฟน ๆ ต่างก็คิดว่ามันคือตัวแทนของวันเกิดพ่อหนุ่มคนนี้นั่นก็คือ วันที่ 1 กันยายน เพราะว่าดอกไม้นี้เป็นดอกไม้ประจำเดือนกันยายน นอกจากนั้นแล้วเหล่าบรรดาแฟนคลับยังได้เห็นว่าใกล้ ๆ ดอกไม้นั้นยังมีตัวอักษรที่เขียนเอาไว้ว่า “Please love me” ไว้ใกล้ ๆ ซึ่งคำคำนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคำที่เกี่ยวข้องกับดอกลิลลี่ไทเกอร์อีกด้วย

นอกจากนั้นแล้วตัวของจองกุกยังแสดงให้เห็นถึงว่าตัวของเขานั้นมีความผูกพันกับดอกลิลลี่ไทเกอร์เป็นอย่างมาก โดยเขานั้นได้เคยวาดดอกไม้ชนิดนี้ไว้ที่หน้ากากในการจัดแสดงงานนิทรรศการ 24/7=Serendipity ของ BTS ในปี 2019 อีกด้วย

รอยสักเสือของจองกุก

Jungkook's Tiger Tattoo! [Meaning Behind It] 🐯 - YouTube

แต่เรื่องราวของรอยสักของพ่อหนุ่มจองกุกแห่งวง BTS ยังไม่ได้หมดแค่นี้หรอกนะ เพราะว่าจริง ๆ แล้วยังมีข่าวลือว่าตัวของเขานั้นมีรอยสักอยู่บนร่างกายมาถึง 15 รอยสักเลยทีเดียว แถมบรรดาเหล่าอาร์มี่เองก็จะค่อย ๆ ได้เห็นรอยสักของเขาเรื่อย ๆ และยิ่งวงนี้ประสบกความสำเร็จมากเท่าไหร่ รอยสักที่อยู่บนตัวของ จองกุก ก็ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ 

โดยเอาจริง ๆ แล้ว จองกุกนั้นมีรอยสักนับตั้งแต่ช่วงไหล่ขวามาจนถึงนิ้วในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา และ ล่าสุดเองแฟน ๆ ก็ได้มีการรวบรวมภาพถ่ายของลายสักเหล่านั้น และพวกเขาก็ได้พบว่าตัวของจองกุกเองก็ได้มีรอยสักเพิ่มขึ้นมาอีก 5 ลาย โดยรอยสักแรกนั้นก็คือ รอยสักเสือ

โดยรอยสักนี้จะอยู่บริเวณปลายแขนใต้ข้อพับข้อศอกของเขา ซึ่งถ้านับจริง ๆ แล้วเสือโคร่งนั้นถือได้ว่าเป็นสัตว์ที่มีความผูกพันกับวัฒนธรรมเกาหลี และรอยสักของจองกุกเองก็เป็นการจำลองมาจากเสือที่มีรูปร่างเหมือนกับเสือจากคาบสมุทรเกาหลี 

โดยแต่เดิมนั้นประเทศเกาหลีนั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีประชากรของเสือโคร่งจำนวนมาก แถมในสมัยก่อนประเทศเกาหลียังเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ ดินแดนแห่งเสือ เลยอีกด้วย มันจึงทำให้เสือโคร่งนั้นกลายเป็นสัตว์ที่ถูกเคารพนับถือ และ มีบทบาทสำคัญในตำนาน และ ศิลปะแขนงต่าง ๆ ของประเทศเกาหลี

รอยสักกุญแจซอลของจองกุก

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

รอยสักที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาไม่นานบนร่างกายของ จองกุก นั่นก็คือ รอยสักรูป กุญแจซอล โดยตัวของพ่อหนุ่มแห่งวง BTS คนนี้ได้เพิ่มโน้ตกุญแจซอลเข้ามาบนร่างกายเมื่อไม่นานมานี้ โดยเขาได้สักมันเอาไว้ถัดจากรอยสักที่เขียนเป็นข้อความว่า

“rather be dead than cool” และ “may hay while the sun shines”  ซึ่งรอยสักนี้มันถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ทางดนตรีแบบสากลที่เรามักจะเห็นกันแบบทั่ว ๆ ไปตามงานศิลปะต่าง ๆ เช่น บนเปียโน นอกจากนั้นแล้วตัวของสัญลักษณ์กุญแจซอลยังเป็นเครื่องหมายที่ใช้สำหรับการบันทึกระดับเสียงของเครื่องดนตรี หรือ เสียงร้องที่มีระดับกลางถึงสูง ซึ่งแม้ว่าตัวของจองกุกเองระดับเสียงร้องของเขาที่ค่อนข้างยืดหยุ่น แต่ทว่าส่วนใหญ่แล้วเขามักจะเลือกร้องในลักษณะที่มีโน้ตสูงให้กับของวง BTS

แถมยังไม่หมดเท่านั้นเพราะว่ารอยสักกุญแจซอลของจองกุกที่มีขึ้น มันยังตรงข้ามกับรอยสักใหม่ของเขา นั่นก็คือรูปไมโครโฟน ซึ่งพอมันมารวมกันแล้วมันเลยกลายเป็นตัวเลือกอันสมบูรณ์แบบสำหรับศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั่นเอง

รอยสักรูปเมฆพายุของจองกุก

still with you — Does jungkook have a new storm cloud tattoo? :)

อีกหนึ่งรอยสักของพ่อหนุ่มจองกุกที่เพิ่งเกิดใหม่ได้สักพักหนึ่งนั่นก็คือ รอยสักรูปเมฆพายุ โดยรอยสักนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง

รอยสักที่ค่อนข้างแปลกกว่ารอยสักอื่น ๆ นั่นก็เพราะ รอยสักนี้ตัวของศิลปินหนุ่มเลือกที่จะถมหมึกดำ โดยรอยสักรูปเมฆพายุที่มีสายฟ้าฟาดลงมานั้นมันสามารถแสดงสิ่งต่าง ๆ ได้หลายอย่าง รวมถึงความทุกข์ยาก และ การเปลี่ยนแปลงไม่คาดคิด 

รวมถึงความแข็งแกร่ง นอกจากนั้นแล้วรอยสักเมฆนี้ ตัวของจองกุกยังวาดภาพนี้เอาไว้ในงานศิลปะของเขาหลาย ๆ อย่างของเขาอีกด้วย

รอยสักรูปนาฬิกาของจองกุก

Taekook forever on Twitter: "Jungkook sang a song on vlive BEAST - 12:30  Clock near #Taekook shows 12:30 Jungkook tattoo on roman VIII and roman V  The hands on Taehyung's watch are

อีกหนึ่งรอยสักของจองกุกที่เพิ่งสักใหม่ ๆ แล้วบรรดาเหล่าแฟนคลับได้เห็นนั่นก็คือ รอยสักนาฬิกานั่นเอง โดยบรรดาเหล่าอาร์มี่นั้นเชื่อกันว่าเขาได้เพิ่มรอยสักนาฬิกามาที่ปลายแขนของเขาหลังจากที่เพลงโซโล่ของเขาอย่าง My Time ได้ถูกปล่อยออกมาในปี 2020 โดยหลาย ๆ คนเชื่อว่านาฬิกาที่ตัวของเขาสักนั้น มันอาจจะเป็นตัวของเขา และ เพลงในธีมของเขา 

รอยสัก XCVII ของจองกุก

รอยสักต่อมาของ จองกุกอีกหนึ่งรอยสักที่แฟน ๆ เพิ่งได้สังเกตเห็นนั่นก็คือรอยสัก XCVII โดยรอยสักนี้แฟน ๆ ได้เห็นเป็นครั้งแรกในช่วงปี 2021 ในงาน Muster Sowoozoo โดยรอยสักนี้นั้นนอกจากคำว่า XCVII แล้วมันยังมีรูปวัวอยู่เหนือคำคำนี้อีกด้วย ส่วนความหมายของรอยสักนี้นั่นก็คือ วัว นั้นเป็นตัวแทนปีเกิดของจองกุก ส่วนคำว่า XCVII นั้นก็มาจากปีเกิดของเขานั่นก็คือ 1997 ซึ่งถูกเขียนออกมาในรูปแบบของตัวเลขโรมันนั่นเอง

และนี่ก็คือ เรื่องน่ารู้กับการตีความหมายรอยสักของ 2 หนุ่มแห่งวง BTS อย่าง จองกุก และ จีมิน ที่เราได้นำมาฝากให้ทุกคน ๆ ได้รู้กัน ซึ่งบทความนี้มันก็ทำให้ทุกคนได้รู้ว่า แม้ว่าประเทศเกาหลีจะพยายามปิดกั้นเรื่องราวของศิลปะอย่างรอยสักขนาดไหนก็ตาม แต่ยังไงก็ตามศิลปะอย่างรอยสักก็ไม่มีวันตาย

ลายสัก HOT

บทความลายสักล่าสุด

หมวดหมู่ลายสัก

สารบัญ ลายสัก รอยสัก