รอยสักของวงดนตรีไทยที่มีอิทธิพลต่อแรงบันดาลใจของคนหนุ่มสาว

เรื่องราวของการสักบนร่างกายนั้น เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะพอรู้ดีกันอยู่แล้วว่าการสักแต่ละครั้ง ลวดลายเหล่านั้นมันจะติดแน่น และ คงทนอยู่บนร่างกายของเราไปตลอดกาล มันจึงทำให้ในการสักแต่ละครั้งผู้ที่คิดจะสักจำเป็นที่จะต้องคิดและไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนถึงเรื่องราวที่คุณจะสลักลงไปบนผิวหนังของคุณ ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกของการสักสำหรับหลาย ๆ คนที่ยังไม่ได้มีไอเดียในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์มากนัก ส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่จะเลือกสักในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ และ อยากให้สิ่งเหล่านั้นมันอยู่กับตัวตลอดเวลานั่นเอง จึงทำให้ วงดนตรีวงโปรดของใครหลาย ๆ กลายมาเป็นหนึ่งในรอยสักยอดนิยมที่วัยรุ่นมักจะสักอยู่บนร่างกาย

โดยหากจะเป็นสมัยอดีตนั้นเราก็อาจจะเห็นหลาย ๆ คนสักเป็นโลโก้ หรือบางคนก็สักเป็นชื่อวงจากต่างประเทศที่ แต่ทว่าในปัจจุบันเองความนิยมของรอยสักนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนไป เพราะว่าเราจะพบเห็นบรรดาเหล่าวัยรุ่นมากมายที่ตัดสินใจสักเป็นชื่อวงดนตรีในประเทศไทยของเราเองกันมากขึ้น มันจึงทำให้ในครั้งนี้ เราจะขอพาทุก ๆ คนไปพบกับเรื่องราวของ รอยสักของวงดนตรีไทยที่มีอิทธิพลต่อแรงบันดาลใจของคนหนุ่มสาว กัน 

แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นอ่านเรื่องราวในบทความนี้ คุณสามารถที่จะย้อนกลับไปอ่านเนื้อหาในแบบเดียวกันนี้ก่อนได้ เพื่อดูว่าก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอเรื่องราวของวงไทยวงไหนไปบ้างแล้ว ส่วนสำหรับใครที่กำลังรออ่านบทความนี้ต่ออยู่ เอาเป็นว่าเราไปเริ่มต้นเรื่องราวในครั้งนี้กันเลยดีกว่า

รอยสักใบหน้าของหมู ไววิทย์

อีกหนึ่งวงไทยเพื่อชีวิตรุ่นใหม่ที่บรรดาเหล่าแฟน ๆ หลายคนต่างเทใจไปให้นั่นก็คือ วงที่มีชื่อว่า ไววิทย์ ซึ่งเพราะแนวเพลงของเขานี้เองที่ทำให้บรรดาเหล่าแฟนเพลงหลาย ๆ คนต่างหยิบยกเอารูปภาพของเจ้าตัวมาสักลงบนร่างกาย โดยมีคนหนึ่งที่เอารูปของเขามาสักได้กล่าวถึงว่า ตัวของเธอนั้นชื่นชอบ พี่หมู ไววิทย์ เอามาก ๆ  จึงตัดสินใจสักรูปของเขาเอาไว้บนร่างกาย แถมรอยสักนี้ยังเป็นรอยสักแรกที่เธอเลือกจะสักอีกด้วย โดยความคิดแรกที่อยู่ในหัวตอนนั้นก็คือ การที่เธออยากสักรูปที่เธอชื่นชอบจริง ๆ นั่นเอง

วง ดวงดาวเดียวดาย กลายเป็นรอยสักที่เป็นแรงใจชีวิต

ส่วนอีกหนึ่งวงดนตรีที่ถูกคนเลือกสักไปบนร่างกายนั่นก็คือ วงดวงดาวเดียวดาย โดยผู้ที่เลือกสักวงนี้บนร่างกายของเขาได้เล่าว่า จริง ๆ แล้วตอนของเขานั้น เป็นคนที่ขาดความรัก ความอบอุ่น จากการที่ไม่มีพ่อ แม่ แถมเขายังเป็นลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยง มันจึงทำให้เขาอยากที่จะได้ความรู้สึกเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ที่ได้รับคำบ่น คำด่าจากผู้ปกครองบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้นมา จนกระทั่งเมื่อเขาเติบโตขึ้นคนที่เลี้ยงเขามาก็ได้จากเขาไปแบบไม่มีวันกลับ ซึ่งนั่นมันทำให้ตัวของเขารู้สึกจิตตกมาก ๆ จนเคยคิดจะฆ่าตัวตายเลยทีเดียว กระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้มาเจอกับบทเพลง เพราะ ของวงดาวดวงเดียวดาย ซึ่งเพลงนั้นมันทำให้ตัวของเขานั้นรู้สึกอบอุ่น และ ยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว และหลังจากนั้นตัวของเขาก็เริ่มติดตามวงดนตรีไทยวงนี้มาโดยตลอด

นอกจากนั้นแล้วประโยคเด็ดในเพลง “ทิ้งบางอย่างเอาไว้ให้กลายเป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นก็พอ” ของคุณ กอล์ฟ ดาวดวงเดียวดายนั่น ยังกลายเป็นอีกหนึ่งประโยคเด็ดที่ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งตัดสินใจสักบนร่างกายด้วยประโยคจากเพลงอย่างประโยคว่า “พาตัวเองกลับมา คืนคนอื่นกลับไป” ซึ่งสิ่งที่ทำให้เธอสักเป็นประโยคนี้นั่นก็เพราะว่า เธอรู้สึกว่าประโยคนี้มันเป็นเหมือนกับแรงผลักดันให้เธอมีแรงสู้ และ ยังเป็นการช่วยรักษาจิตใจให้กลับมารักตัวเองนั่นเอง 

วง ดรบม รอยสักที่แม้แต่เจ้าของบทเพลงยังสัก

อีกหนึ่งวงดนตรีที่ถูกนำชื่อของพวกเขามาเป็นรอยสักบนร่างกายนั่นก็คือวงที่มีชื่อว่า ดรบม โดยหญิงสาวที่สักได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่วง ๆ นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวของเธอเอง และยังสะท้อนผ่านทางจินตนาการและ จิตวิญญาณ รวมถึงอิสรเสรีของตัวเองที่ไม่มีขอบเขต 

แต่ถ้าถามว่าจะมีแต่แฟนคลับเท่านั้นไหมที่มักจะสักศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ เราก็บอกว่าจริง ๆ แล้วพ่อหนุ่ม พราหมณ์  

จากวงดรบม เองก็มีรอยสักจากวงดนตรีไทยวงโปรดที่ตัวเองชื่นชอบเช่นกัน และ รูปรอยสักนั้นก็คือ รูปของเขาเองนั่นแหละ โดยสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจสักเป็นรูปของตัวเองก็เพราะว่า เขารู้สึกว่าอย่างน้อยมันจะทำให้เรารู้สึกรักตัวเราเอง และ ร่างกายของเราเองมันก็ควรที่จะมีรูปของตัวเองบ้าง แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนถามว่ารอยสักนั้นเป็นรูปของใคร เขาก็จะมักตอบแบบติดตลกไปเสมอ ๆ ว่า รูปศิลปินที่เขาชอบที่สุดนั่นเอง

วง Greasy Cafe รอยสักที่ทำลายกำแพงคนที่แอนตี้รอยสัก

อีกหนึ่งวงที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะรู้สึกกันดีนั่นก็คือ วง Greasy Cafe โดยเรื่องราวของรอยสักวงนี้ได้ไปปรากฏอยู่บนร่างกายของหญิงสาวคนหนึ่ง และมันก็เป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยจริง ๆ หญิงสาวคนนี้เธอถือได้ว่า เธอเป็นคนที่ค่อนข้างแอนตี้เรื่องรอยสักมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจาก แม่ของเธอเคยสักแล้วสุดท้ายพ่อก็ได้ทิ้งแม่ของเธอไป 

มันเลยทำให้เธอกลัวว่า การสักมันจะเป็นสิ่งที่พาเรื่องแย่ ๆ เข้ามาในชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็ได้ไปฟังเพลงของ Greasy Cafe เข้าทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าคนร้อง และ เมื่อเธอฟังมันซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ เธอก็เริ่มมีความรู้สึกอยากจะฟังการเล่นสดของวงดนตรีนี้สักครั้ง

และภาพเหตุการณ์ในวันที่เธอเข้าไปดูวงนี้เล่นสดที่เซ็นทรัลเวิร์ด เธอก็ได้แต่ยืนร้องไห้คนเดียวเพราะรู้สึกดีใจที่ได้เจอกับพี่เล็ก Greasy Cafe และหลังจากนั้นเธอก็เข้าไปขอถ่ายรูป และบทเพลงของวงก็ยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตของเธอมาตลอด 

จนกระทั่งมันมีช่วงเวลาหนึ่งที่เธอรู้สึกคิดสั้นหลายครั้ง แต่ก็เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่วงได้ออกอัลบั้มใหม่มา และมันก็ทำให้เธอตัดสินใจไปดูวงนี้เล่นสดอีกสักครั้ง ซึ่งการไปดูครั้งนี้มันทำให้เธอได้เห็นกลองชุดอันใหม่ของวง ที่มีข้อความเขียนไว้ว่า “The Destination is alway far if you never start” ซึ่งหาแปลเป็นภาษาไทยก็คือ จุดหมายปลายทางไกลเสมอ ถ้าคุณไม่เคยเริ่มต้นเลย

ซึ่งไอ้ประโยคนี้แหละที่เป็นประโยคที่เรียกสติของเธอกลับมาอีกครั้งว่า ถ้าเธอยังคงนอยด์กับตัวเองซ้ำ ๆ และไม่คิดเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ ตัวของเธอเองก็ยังไม่สามารถที่จะไปไหนได้สักที ทั้ง ๆ ที่ตัวของเธอยังมีครอบครัวที่ต้องดูแลอีกหลายคน และนั่นเองมันจึงทำให้เธอตัดสินใจไปสักคำนี้ เพื่อให้เวลาเธอส่องกระจกมองซ้ำ มันจะเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนเธอว่า เราต้องมีชีวิตเพื่อใคร เพื่ออะไร และหลังจากนั้นตัวของเธอก็เลิกปิดกั้นเรื่องสัก และ เริ่มมีรอยสักต่าง ๆ ที่มีความหมายกับชีวิตของตัวเองเกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ 

เห็นไหมล่ะว่า รอยสักของวงดนตรีไทยที่มีอิทธิพลต่อแรงบันดาลใจของคนหนุ่มสาว กัน นั้นถือได้ว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อตัวของศิลปิน และ ตัวของผู้สักเอง เพราะว่าทั้ง 2 สิ่งนี้มันเป็นการเติมแรงใจ และ แรงสนับสนุนต่าง ๆ ให้แก่กัน โดยแรงสนับสนุนเรานี้มันไม่สามารถอาจวัดออกมาได้เป็นเงินตรา