สังคมในปัจจุบันนั้นถือได้ว่ามีการเปิดกว้างมากขึ้น และไม่ใช่เพียงแค่ประเทศไทยของเราเท่านั้น แต่ว่าสังคมในประเทศอื่น ๆ ก็ด้วยเช่นกัน และเรื่องที่เคยเป็นสิ่งที่คนหลาย ๆ คนมองไม่ดีอย่างรอยสักนั้นก็กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกเองนั้นก็ได้เปิดใจยอมรับ และ เลือกจะมองว่ามันหนึ่งในศิลปะที่คน ๆ หนึ่งชื่นชอบ หรือ ยึดถือ แต่ทว่าเรื่องราวที่เราได้กล่าวไปนั้นมันกลับไม่สามารถที่นำมาใช้ได้กับหนึ่งในประเทศที่มีความยิ่งใหญ่ของพื้นที่ เศรษฐกิจ เป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอย่างประเทศจีน เหตุผลที่เรื่องรอยสักไม่ได้เป็นที่ยอมรับในประเทศจีนนั้น ต้นเหตุมันก็มาจกาที่ประเทศแดนมังกรอย่างจีนนั้น ได้สั่งให้บรรดาเหล่าฟุตบอลระดับอาชีพทุกคนต้องไปรอยสักที่มีอยู่ตามร่างกายทิ้งซะ โดยหากใครที่ยังฝ่าฝืนจะมีรอยสักอยู่บนร่างกายนั้นพวกเขาก็จะถูกแบนออกจากวงการลูกหนังของจีนไปแบบตลอดกาลเลยนั่นเอง
และเมื่อบอกแบบนี้หลาย ๆ คนก็อาจจะตกใจว่าทำไมจู่ ๆ ประเทศมหาอำนาจทางฝั่งเอเชียอย่างจีนถึงจู่ ๆ จะไล่เหล่านักฟุตบอลไปลบรอยสักให้หมด แต่ทว่าเอาจริง ๆ แล้ว การแบนไม่ให้นักฟุตบอลที่มีรอสักลงทำการแข่งขั้น นั้นเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ทว่าทางการของประเทศจีนพยายามที่จะดำเนินการเรื่องนี้มาสักพักแล้วนั่นเอง
โดยในปี 2018 ทางสมาคมฟุตบอลของประเทศจีนนั้นได้ดำเนินนโยบาย
ไม่ให้เหล่าบรรดานักฟุตบอลในลีกนั้นเปิดเผยรอยสักของตัวเองในระหว่างที่ลงทำการแข่งขัน โดยถ้าหากพวกเขามีรอยสักนั้น พวกเขาจำเป็นที่จะต้องหาเทปมาปิดทับรอยสักของพวกเขาเอาไว้ โดยการกระทำแบบนี้ของประเทศจีนเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในนัดเปิดสนาม China Cup ปี 2018 โดยผู้เล่นที่ต้องทำการแปะเทปเพื่ออำพรางรอยสักของตัวเองไว้ก็คือ Zhang Lingpeng
แต่ทว่าดูเหมือนว่าทุก ๆ อย่างมันจะไม่ได้จบลงเพียงแค่รอยสักเท่านั้น เพราะว่านอกจากวงการฟุตบอลที่จะได้รับผลกระทบแล้ว ทางรัฐบาลจีนยังได้สั่งห้ามวัฒนธรรมเพลงที่ฮิตกันไปทั่วโลกอย่าง ฮิบฮอบปด้วย และการแบนเพลงนี้เองที่ทำให้ศิลปินดัง ๆ แนวฮิปฮอบของจีนหลายคนถูกแบน ยกตัวอย่างเช่น ศิลปินชื่อดังอย่า GAI ที่ถูกถอดจากรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ ทันที่มีการแบนเพลงฮิปฮอปออกมา
ซึ่งหลังจากการแบบทั้งรอยสัก และ วัฒนธรรมเพลงฮิปฮอปแบบ งง ๆ ทาง Gao Changli ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของ Administration’s publicity department ก็ได้ออกมาแถลงถึง 4 ข้อห้าม ว่าทางการไม่ต้องการให้นักแสดงที่ทางการจีนเห็นว่าไม่มีอารยะ และ ขัดต่อวัฒนธรรมอันแสนดีงามออกมาสู่สายตาของสาธารณชน และแน่นอนว่าไอ้เพลงฮิปฮอป และ เรื่องของรอยสักนั้นก็อยู่ใน 4 ข้อห้ามดังกล่าด้วย และทันทีที่มีการประกาศนี้ออกมา คลื่นของการวิพากศ์วิจารณ์เกี่ยวกับข้อห้ามดังกล่าวก็ซัดถ่าโถมเข้าสู่รัฐบาลจีนนในทีม ซึ่งประเด็นหลัก ๆ ที่พูดกันก็คงจะหนีไม่พ้นว่า นี่มันคือเรื่องที่เหมาะสมแล้วเหรอที่จะมีการบังคับแนวทางดังกล่าว ในประเทศจีน
ซึ่งในปัจจุบันหน่วยงานการบริหากีฬาของประเทศจีน ที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า General Administration of Sport หรือ GAS ได้ออกมาแถลงถึงนโยบายเพิ่มเติมจากกฏข้ามดังกล่าวของรัฐบาล แต่ทว่านโยบายที่ทางหน่วยงานบริหารของประเทศจีนออกมาเสนอนั้นกลับไม่ได้มีผลดีต่อเหล่านักกีฬาที่มีรอยสักเลยแม้แต่น้อย แถมมันยังแย่ลงเป็นอย่างมากเลยอีกต่างหาก เพราะในตอนแรกหากนักกีฬาคนไหนมีรอยสักพวกเขาก็เพียงแค่หาเทปพันเพื่อปกปิดเอาไว้ในระหว่างเกมการแข่งขันเท่านั้น แต่ทว่า
นโยบายที่ถูกส่งออกมาเพิ่มนั้น กลับให้บรรดาเหล่านักกีฬาจีนที่มีรอยสักต้องไปลบรอยสักทิ้งให้หมด ไม่เหลือไว้เพียงแค่รอยเดียวในทันที
และนอกจากผลนี้จะมีผลในการแข่งขันระดับสโมสรแล้ว กฎนี้ยังส่งผลไปถึงทีมชาติจีนที่ผู้ใดมีรายชื่อเข้าไปติดทีมชาติจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตัวตามกฏรอยสักนี้อย่างเคร่งครัด โดยเหตุผลที่ทางการจีนต้องการให้นักฟุตบอลต้องทำแบบนี้นั่นก็คือทาง GAS อยากให้บรรดาเหล่านักฟุตบอลนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมนั่นเอง
และกฎดังกล่าวกํทำให้นักฟุตบอลทีมชาติ และ รวมไปถึงตัวเยาวชนทีมชาติที่มีรอยสักไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ต้องไปหาทางลบรอยสักออก โดยกรณีนี้จะมีข้อยกเว้นเพียงแค่กรณีพิเศษเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นนั่นก็คือการที่นักเตะได้ตกลงกับสโมสรไว้ก่อนแล้วเท่านั้น แต่ถามว่าต่อให้มีข้อตกลงพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะโชว์รอยสักของตัวเองในการเล่นสนามได้อยู่ดี เพราะพวกเขายังต้องทำการหาอะไรมาปิดบังรอยสักเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครมองเห็น แถมกฏนี้มันยังเป็นกฏที่ไม่ได้ระบุไว้เพียงแค่การแข่งขันแบบทางการในสนามเท่านั้น เนื่องจากกฎนี้มันยังส่งผลต่อพวกเขาไปยังช่วงเวลาที่อยู่ในสนามซ้อมเลยอีกต่างหาก ซึ่งหากนักเตะคนไหนที่หาญกล้าไม่ยอมปฏิบัติตามกฎที่รัฐบาลจีนว่าเอาไว้ พวกเขาก็จะโดนการจัดระเบียบทางวินัยโดยสมาคมฟุตบอลจีน
นอกจากนั้นแล้วทาง General Administration of Sport หรือ GAS ก็ยังได้กล่าวเสริมถึงประเด็ยเรื่องรอยสักกับนักกีฬาทีมชาติไว้อีกด้วยว่า บรรดาเหล่านักกีฬาทีมชาติของจีนนั้นจะต้องดำรง และ ประพฤติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดี เพื่อให้คนเห็นถึงอุดมการณ์ทางด้านการเมือง และ ภาพลักษณ์ของพวกเขาที่เคารพต่อกฎของรัฐบาลจีนนั้นจะเป็นการกระตุ้น และ เสริมความแข็งแกร่งให้คนมีจิตสำนึกในการรักชาติมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ถึงว่าแนวทางดังกล่าวนี้ของรัฐบาลจีนนั้นก็ยังไม่ได้ประกาศออกมาอย่างแน่ชัดว่าจะถูกนำมาปรับใช้อย่างจริง ๆ จัง ๆ เมื่อเรื่องแต่หลาย ๆ คนเองก็เชื่อว่ามันมีโอกาสสูงที่นโยบายการแบนรอยสักนั้นจะถูกรีบเข็นออกมาใช้ให้เร็วที่สุด ซึ่งหลาย ๆ คนคาดการณ์เอาไว้ว่ามันอาจจะถูกใช้อย่างเป็นทางการในนักแรกของเกมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่ประเทศจีน จะต้องเผชิญหน้ากับประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง
ซึ่งแน่นอนแหละว่าถึงมันจะกลายเป็นกฎหมายหลักของรัฐบาลแต่หลาย ๆ คนที่กำลังนั่งอ่านข่าวนี้คงคิดอยู่ในใจถึงความไร้เหตุผลของกฏหมายนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วรอยสักนั้นเป็นสิทธส่วนบุคคลที่เราจะสามารถทำอะไรก็ได้บนร่างกายของเราตราบใดที่มันไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แถมสังคมในหลาย ๆ ประเทศเองก็มองว่าการสักนั้นมันได้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนอีกต่อไปแล้วอีกด้วย
แถมการประกาศกฎนี้มันก็ยังเปรียบเสมือนการย้อนแยงขอประเทศแดนมังกรอย่างจีนเองอีกด้วย เพราะวว่าเมื่อไม่นานที่ผ่านมาทางประเทศจีนเองก็ได้มีการลงทุนในหลาย ๆ ด้านเพื่อที่จะยกระดับ และ พัฒนาฟุตบอลของประเทศตัวเองให้มีศักยภาพเทียบเท่ากับนานาชาติ โดยพวกเขานั้นได้จ้างสตาฟฟ์โค้ชต่างชาติมากมายเพื่อที่นำมาช่วยกันพัฒนาวงการฟุตบอลให้ก้าวหน้า แต่ทว่ากฏหมายเกี่ยวกับรอสักที่พวกเขาประกาศมามันดันกลายเป็นสิ่งที่ขัดแข้ง ขัดขา รวมถึงการพัฒนา เพราะว่านอกจากบรรดาเหล่านักเตะจีนที่เกี่ยวข้องกับสมาคมฟุตบอลจะต้องไปลบรอยสักแล้ว บรรดาเหล่าสตาฟฟ์โค้ชที่ทางรัฐบาลจ้างมาจากต่างชาติเองก็ยังถูกกฏนี้ครอบทับใส่อีกเช่นกัน มันจึงทำให้ทุกคนเริ่มมองแล้วว่า ตกลงจีนอยากจะพัฒนาวงการฟุตบอลของตัวเองจริง ๆ หรือเปล่า แถมมันยังทำให้เหล่าคนที่มีศักยภาพที่พร้อมจะเข้าไปพัฒนาวงการนี้ของจีนต่างหวาดกลัวในการริดรอนสิทธิ์ส่วนบุคคลเช่นนี้อีกด้วย
ซึ่งเราก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าหากกฏเกี่ยวกับรอยสักของรัฐบาลจีนถูกประกาศใช้ออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ โฉมหน้าเหล่าวงการฟุตบอลของจีนจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และจะมีนักเตะคนไหนหรือไม่ที่กล้าจะลุกขึ้นมาต่อต้านกับกฏที่ไร้เหตุผลเช่นนี้