ทุก ๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรานั้นล้วนแล้วแต่หล่อหลอมให้กลายเป็นเราได้มาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งแน่นอแหละในทุก ๆ ประสบการณ์ที่เราเคยเจอมันล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่น่าจดจำ และ ไม่น่าจดจำ แฝงอยู่ในนั้นทั้งนั้น ซึ่งบางทีแล้วตัวเราเองก็มีความต้องการที่จะแสดงออกถึงความทรงจำเหล่านั้นให้คนอื่นรู้ รวมถึงเป็นการแสดงตัวตนในแบบฉบับของเราอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่สามารถแสดงถึงเรื่องราวเหล่านี้ออกมาได้ดีมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น ศิลปะที่เรียกว่า รอยสัก
ซึ่งแม้ว่าหลาย ๆ คนจะคิดว่ารอยสักนั้นเป็นศิลปะที่แสดงถึงแฟชั่น และ สีสันอันสวยงามบนผิวหนังของมนุษย์ แต่มันก็ยังมีคอีกหลาย ๆ คนต้องการจะแสดงศิลปะเหล่านั้นผ่านการเชื่อมโยงบางอย่างและจากรึกมันเอาไว้บนร่างกายอย่างถาวร เพราะมันเปรียบเสมือนกับวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บสิ่งที่มีความหมายที่สุดในชีวิตของพวกเขาเอาไว้เพื่อจะจำ แม้ว่าชื่อ หรือ รูปภาพของคนที่อยู่บนรอยสักพวกเขาจะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตาม
ดังนั้นในครั้งนี้เราจะขอพาทุก ๆ คนไปพบกับเรื่องราวของเหล่าบุคคลต่าง ๆ
ที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เพราะคน ๆ หนึ่ง และนั่นก็ทำให้พวกเขาไม่เคยลืมบุคคลเหล่านั้นพร้อมกับเก็บเอาความประทับใจเหล่านั้นมาสร้างสรรค์เป็นรอยสัก ซึ่งแต่ละรอยสัก แต่ละเรื่องราวนั้น จะมีที่มาที่ไปอย่างไงบ้างนั้น เอาเป็นว่า เราไปเริ่มต้นกันเลยดีกว่า
เอาละเรามาเริ่มกับที่เรื่องราวของรอยสักแรกกันเลยดีกว่า โดยเรื่องแรกนั้นเกิดขึ้นจากเรื่องราวของสิ่งที่เรียกว่าถ้วยชา โดยหญิงสาวคนหนึ่งได้เล่าเอาไว้ว่า ที่บ้านของคุณยายของเธอนั้น ทุก ๆ คนในครอบครัวของเธอนั้นจะมีถ้วยชาซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะของตัวเอง โดยถ้วยชาของนั้นจะเป็นสไตล์แบบ Brigadoon’ Scottish Thistle และตัวของเธอเองก็ค่อนข้างที่จะชอบดื่มชาจากถ้วยใบนั้นอยู่ตลอดเวลาที่เธอได้ไปเยี่ยมคุณยาย จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายของเธอก็จากไปแบบไม่มีวันกลับ มันจึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะเอาลวดลายของถ้วยชาประจำตัวของเธอในบ้านคุณยายมาสักไว้รอบ ๆ แขน เพื่อเป็นการรำลึกถึงยายนั่นเอง
เรื่องราวของรอยสักที่เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความทรงจำอันต่อมานั่นเป็นเรื่องราวของคนกับสุนัข โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของยูสเซอร์ที่มีชื่อว่า JordanRasko ซึ่งโพสต์ผ่าน twitter โดยเขาได้ตัดสันใจเลือกสักที่ผิวนั้นเป็นอุ้งเท้าของสนัขตัวโปรดของเขา โดยแม้ว่าภาพจริงจะดูแล้วแปลก ๆ ก็ตามที แต่เขานั้นได้บอกว่ามันเป็นรอยสักที่ค่อนข้างน่ารักเอามาก ๆ สำหรับตัวเขา โดยสาเหตที่เขาตัดสินใจเลือกรอยสักเป็นอุ้งเท่าสุนัขตัวโปรด นั่นก็เพราะเป็นการระลึกถึงสุนัขที่จากไป และ เขายังหวังว่าลึก ๆ เจ้าสุนัขตัวนั้นของเขาจะกระโดดโลดเต้นอยู่เสมอ ๆ แม้ว่าจะไม่มีทางได้เห็นมันอีกแล้วก็ตามที
รอยสักแห่งความทรงจำอันต่อมาที่เราจะพาทุก ๆ คนไปดูกันนั้นเป็นรอยสักของยูสเซอร์ที่ใช้ชื่อว่า stephiiejean18 โดยสื่อโซเชี่ยลที่ได้โพสต์เอาไว้นั่นก็คือ Reddit ซึ่งรอยสักนี้เป็นรอยสักที่แสดงถึงความทรงจำเกี่ยวกับเขาและพ่อนั่นเอง โดยรอยสักนี้มันถูกสักขึ้นหลังจากที่พ่อของเขาจากไปแบบไม่มีวันกลับเมื่อ 2 เดือนก่อน และเมื่อครบรอบวันเกิดของพ่อ เขาจึงตัดสินใจจะรำลึกถึงพ่อของเขาด้วยการไปสร้างสรรค์รอยสักบนร่างกายตัวเอง ซึ่งรอยสักที่เขาเลือกนั่นก็คือ รอยสักรูปดอกกุหลาบแบบเดียวกับพ่อของเขานั่นเอง ซึ่งที่เขาตัดสินใจสักแบบนี้นั่นก็เพราะว่า ตัวของเขานั้นได้สานต่อสิ่งที่พ่อบอกนั่นก็คือ พ่อของเขานั้นอยากให้ตัวเขานั้นมีรอยสักที่เข้ากับพ่อมาโดยตลอดเลยนั่นเอง และการมีรอยสักรูปเดียวกับพ่อนั้นยังแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมถึงกันอีกด้วย
รอยสักแห่งความทรงจำอันต่อมานั่นก็คือรอยสักที่โพสต์โดยยูสเซอร์ everyday__grey ทางสื่อโซเชี่ยลอย่าง Reddit ซึ่งรอยสักนี้เขาสักขึ้นเพื่อนระลึกถึงเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา แต่ทว่ามันกลับไม่ใช่คน เพราะเป็นเจ้าตูบ 4 ขานั่นเอง ซึ่งในสมัยเด็ก ๆ นั้นเขาเล่นกับเข้าสุนัขตัวนี้มาโดนตลอดตั้งแต่ที่มันยังเป็นเพียงลูกสุนัขเท่านั้น แถมพอโตขึ้นมาตัวของเจ้าตูบ 4 ขาที่ตอนนี้มีลูกน้อย ๆ ไปแล้วก็ยังสามารถทำตัวเป็นเหมือนกับพ่อที่ดีให้กับลูก ๆ ได้ จึงทำให้เมื่อหลังจากวันที่มันจากไป เขาก็ตัดสินใจสักรอยสักเป็นหน้าเจ้าสุนัขแสนรักเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำ และ เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขายังคงระลึกนึกถึงมันในทุก ๆ วัน
รอยสักแห่งความทรงจำอันต่อมานั่นก็คือรอยสักที่โพสต์โดยยูสเซอร์ asveca ทางสื่อโซเชี่ยลอย่าง Reddit ซึ่งรอยสักนี้เขาสักขึ้นเพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงความทรงจำของเขากับน้องสาวนั่นเอง โดยรอยสักนี้จะเป็นรูปของเขาที่จับมือน้องสาวเอาไว้ แล้วพร้อมที่จะก้าวเดินไปสู่เรื่องราวของจักรวาลแห่งความฝัน ที่พวกเขาทั้งคู่ต่างวาดเอาไว้นั่นเอง
รอยสักต่อมาเป็นรอยสักของยูสเซอร์ที่ชื่อว่า nicolaims ซึ่งโพสต์ผ่านสื่อโซเชี่ยลมีเดียอย่าง Reddit อีกเช่นกัน โดยสักนี้จะเป็นรอยสักของลักษณะลำโพงที่ปิดเสียงเอาไว้ซึ่งเราน่าจะเคยเห็นสัญลักษณ์นี้กันอยู่บ่อย ๆ ในเวลาปิดเสียง แต่สิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจในเลือกรอยสักแบบนี้นั่นก็เพราะว่า หลาย ๆ คนที่รู้จักตัวเธอนั้นแทบไม่รู้เลยด้วยว่าเธอคนนี้นั้นมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน ดังนั้นมันจึงทำให้การที่เธอสักเป็นสัญลักษณ์เพื่อเป็นการบอกไปแบบอ้อม ๆ นั่นเอง
รอยสักแห่งความทรงจำอันต่อมาเป็นของยูสเซอร์ dunham-doodles จาก Reddit โดยรอยสักนี้จะเป็นรูปนกนางแอ่น 4 ตัว ซึ่งแม้ว่าภายนอกนั้นจะดูสวยงาม แต่ทว่าจริง ๆ แล้วความหมายแฝงของรอยสักนี้ของเธอค่อนข้างที่จะดูเศร้าอยู่สักนิด เพราะว่านก 4 ตัวนั้นแสดงถึงจำนวนลูกน้อยของเธอทั้ 4 คนของเธอ ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน แต่ทว่าอีกคหนึ่งกลับจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับแล้วนั่นเอง
รอยสักต่อมาเป็นรอยสักของยูสเซอร์ที่ชื่อว่า KenPie2 ซึ่งโพสต์ผ่านสื่อโซเชี่ยลมีเดียอย่าง Reddit อีกเช่นกัน โดยสักนี้จะถ้าดูแบบผ่าน ๆ แล้วมันก็คงเป็นเพียงแค่รอยสักของคนธรรมดา ๆ ยืนเอามือไขว้หลังอยู่เท่านั้นเอง แต่ทว่าแท้จริงแล้วรอยสักนั้นมันกลับมีแรงบันดาลใจมาจากคุณปู่ของเธอที่มักจะชอบยื่นท่านี้เป็นประจำ เธอจึงได้นำท่ายืนของคุณปู่นี้มาสักเป็นรอยเงา หลังจากที่คุณปู่ของเธอนั้นจากไปในเดือนกรกฏาคม
รอยสักต่อมาเป็นอีกหนึ่งรอยสักที่เกี่ยวกับความทรงจำเช่นกัน แต่ทว่าในครั้งนี้มันไม่ใช่ความทรงจำแสนเศร้า เพราะว่ารอยสักนี้เป็นรอยสักที่โพสต์โดยยูสเซอร์ iluvvoatmeal จากสื่อโซเชี่ยลมีเดียอย่าง Reddit ซึ่งมันเป็นการบันทึกเอาเรื่องราวการเดินทางสนุก ๆ ของเขาและแฟนของเขาเอาไว้ในแผ่นดินอเมริกานั่นเอง โดยทั้งคู่นั้นตัดสินใจสักรอยเดียวกัน เพื่อเป็นความทรงจำระหว่างกันนั้นเอง
รอยสักต่อมาเป็นรอยสักของยูสเซอร์ที่ชื่อว่า thought_I_knew_excel ซึ่งโพสต์ผ่านสื่อโซเชี่ยลมีเดียอย่าง Reddit โดยรอยสักนี้เธอนั้นตัดสินใจเพื่อเป็นการบันทึกถึงเรื่องราวของครอบครัวเอาไว้ โดยอ้างอิงมาจากรูปของเธอที่ถ่ายกับครอบครัวของเธอนั่นเอง ซึ่งมันถึงได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรอยสักที่สามารถดีไซน์ออกมาได้ดี และ สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
รอยสักต่อมาเป็นรอยสักของยูสเซอร์ที่ชื่อว่า phoebedorn ซึ่งโพสต์ผ่านสื่อโซเชี่ยลมีเดียอย่าง Reddit ซึ่งรอยสักนี้นั้นเขาสักเพื่อเป็นการแสดงความรักต่อสุนัขของเขาที่มันกำลังจะจากโลกนี้ไปนั่นเอง โดยเขาต้องการที่จะเก็บความประใจเหล่านี้เอาไว้บนร่างกายของเขา และเขาก็ได้ให้ช่างสักดีไซน์ออกมาเป็นรอยสักนี้ แถมยังมีการเพิ่มจุดสีแดงเข้าไป มันจึงทำให้รอยสักนี้ดูสวยงามและ โดดเด่นขึ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
และนี่ก็คือเรื่องราวของความทรงจำของใครหลาย ๆ คนที่มีต่อรอยสัก และเป็นการ
แสดงให้ห็นถึงอีกหนึ่งตัวตนของพวกเขาที่ตั้งใจอยากจะสื่อสารออกมานั่นเอง