LONE WOLF STUDIO ร้านสักที่หลาย ๆ คนต้องจับตามอง

จุดเด่นของศิลปะอย่างการสักก็คือ การใช้ร่างกายของมนุษย์เป็นพื้นที่ในการแสดงผลงานต่าง ๆ ให้คนอื่นได้เห็น อีกทั้งศิลปะชนิดนี้ยังเป็นศิลปะที่มีความคงทนมากกว่าศิลปะแบบอื่น ๆ อยู่พอสมควร เนื่องจากการสักนั้นไม่สามารถที่จะลบออกจากร่างกายได้ง่าย และเมื่อมันเป็นสิ่งที่ลบเลือนได้ยากแล้ว สิ่งที่หลาย ๆ คนต้องคำนึงถึงอยู่เสมอเมื่อคิดจะมีศิลปะชนิดนี้อยู่บนร่างกายนั่นก็คือผู้สร้างสรรค์ผลงาน

ซึ่งในปัจจุบันนั้นผู้สร้างสรรค์ผลงาน หรือ ช่างสัก นั้นมีมากมายหลากหลาย และเพราะความหลากหลายนี้เองที่ทำให้มีทั้งช่างสักที่มีจรรยาบรรณทางวิชาชีพ และ ช่างสักที่ไม่มีจรรยาบรรณ ดังนั้นการหากช่างสัก หรือ สตูดิโอ สักที่ทำให้เรามั่นใจ จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก และนั่นเองจึงทำให้ในครั้งนี้เราจะขอพาทุก ๆ คนมาทำความรู้จักกับ LONE WOLF STUDI0 ร้านสักที่หลาย ๆ คนต้องจับตามอง กัน ซึ่งเพราะอะไร ทำไมร้านนี้ถึงเป็นอีกหนึ่งร้านที่เราอยากแนะนำ เอาเป็นว่าเรามาเริ่มต้นเรื่องราวในครั้งนี้กันเลยดีกว่า

ช่างต้นกับความพยายามจนมาถึงจุดนี้

โดย LONE WOLF STUDIO จะเกิดมาไม่ได้เลยถ้าหากไม่มีตัวช่างต้นเป็นตัวผลักดันให้มันเกิดขึ้น ซึ่งกว่าที่จะมาถึงตรงนี้ได้ ช่างต้นก็ได้ผ่านอะไรมากมาย โดยสำหรับตัวของช่างต้นเองสิ่งที่เขามองว่ามันยากที่สุดกว่าที่มันจะมาถึงตรงนี้ได้นั่นก็คือ การสื่อสารกับลูกค้า 

โดยตัวของช่างต้นได้บอกว่า สิ่งที่ทำให้มันยากในขั้นตอนนี้นั่นก็คือ การตีโจทย์ โดยบางครั้งตัวของเขาก็ตีโจทย์ที่ลูกค้าให้มาไม่แตก แถมในบางครั้งเวลาที่คุยตกลงกันไว้อีกอย่าง แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ผลงานที่ลูกค้าอยากจะได้กลับเป็นอีกอย่าง แต่ถึงแบบนั้นแล้วเขาก็มักจะเจอแต่ลูกค้าดี ๆ ที่มักจะให้เกียรติเขาเสมอ 

ส่วนทักษะด้านฝีมือนั้นช่างต้นมองว่ามันไม่ใช่งานยากเท่าไหร่ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้มีโอกาสทำงานบ่อย ๆ 

สิ่งเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเอง และนั่นจึงทำให้หากถามว่างานไหนคือที่สุดของช่างต้น ตัวของเขาเองก็ไม่สามารถตอบได้เพราะทุกงานที่มันมาจากเขาคือ งานระดับ Masterpiece ทั้งหมด

ลูกค้าหลักของ LONE WOLF STUDIO

เรียกว่าลูกค้าหลักของร้านนั้นมีหมดทุกประเภท โดยทางร้านจะไม่รับสักให้กับเด็กที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี ส่วนผู้ใหญ่มากที่สุดที่ทางร้านเคยเจอก็คือ ฝรั่งที่มีอายุมากถึง 70 ปี แถมการสักที่ร้าน LONE WOLF STUDIO ยังเป็นการสักครั้งแรก รวมถึงยังเป็นลายที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่ากระดาษ A4 เลยทีเดียว ซึ่งตอนแรกที่จะสักให้ช่างต้นเองก็กลัวพอสมควร เนื่องจากเขากังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกาย แถมผิวของฝรั่งยังแตกต่างจากคนเอเชียเนื่องจากมีผิวขาวจึงทำให้เขาจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนเทคนิคในการสักของตัวเองเล็กน้อย

และเพราะโลกที่เปลี่ยนไปนี่แหละที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่มายังร้าน LONE WOLF STUDIO ได้เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง เพราะว่าในปัจจุบันเทรดของการสักนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องสักลวดลายใหญ่ ๆ อีกแล้ว เพราะในปัจจุบันมีหลาย ๆ คนเลยที่นิยมรอยสักแบบ มินิมอล เพื่อที่จะซ่อนมันเอาไว้ในใต้ร่มผ้า และ นั่นเองจึงทำให้ตัวของช่างต้นได้เห็นคนอีกมากมายที่เขาไม่เคยคิดว่าคนพวกนี้จะเดินเข้าร้านสัก

ช่างป๊อปคู่หูที่ช่วยกับพัฒนาร้าน LONE WOLF STUDIO

แต่ LONE WOLF STUDIO ไม่ใช่ร้านสักที่เกิดมาด้วยคนเพียงคนเดียว โดยอีกคนหนึ่งที่อยู่คู่กับช่างต้นมาตั้งแต่ร้านเก่าก็คือ ช่างป๊อบ โดยเขาคนนี้ได้อยู่ทำงานกับช่างต้นมาตั้งแต่ที่ยังเป็นร้านเก่าที่มีชื่อว่า สักกะหมา และหลังจากนั้นเขาก็ได้แยกตัวไปเปิดร้านเป็นของตัวเอง ก่อนที่สุดท้ายแล้วเขาจะตัดสินใจกลับมาแจมที่ร้านนี้อีกครั้งหนึ่ง

และการมาของช่างป๊อปนี้เองที่มันได้สร้างความแตกต่างให้กับร้าน LONE WOLF STUDIO เพราะว่างานสไตล์ที่ช่างป๊อบชอบนั้นจะแตกต่างกับช่างต้นอยู่พอสมควร โดยตัวของเขาจะชอบงานในสไตล์ Woodcut, Sketching เนื่องจากมันให้อารมณ์ดิบ ๆ และ ดุดัน แต่ถ้าถามว่าเขาสามารถทำงานประเภทอื่นได้ไหม เขาก็ตอบว่าทำได้เช่นกัน

เพียงแต่ว่าเขาอาจจะทำได้ไม่ดีเท่าคนที่ถนัด ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาจะบอกลูกค้าของเขาอยู่เสมอ

ส่วนผลงานของช่างป๊อปที่เขาชอบมากที่สุดนั่นก็คือ งานที่เขาทำส่งประกวด เนื่องจากงานนั้นเป็นงานที่ตัวของเขาทั้งวาด และ ออกแบบเองทั้งหมด

นิยามในการสักของช่างป๊อป

มุมมองของช่างป๊อบที่มีต่อเรื่องราวของรอยสักในปัจจุบันนี้ เขามองว่าสังคมรอยสักค่อนข้างที่จะเปิดกว้างมากกว่าแต่ก่อนเยอะมาก ๆ เพราะว่าในสมัยก่อนที่สังคมยังไม่ได้เกิดกว้าง ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาในร้านก็ไม่ได้เยอะเหมือนเช่นทุกวันนี้ แถมตัวของเขาที่เป็นช่างสักเองยังได้เห็นอีกด้วยว่า ปัญหาของการสักในสมัยก่อนนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวของช่าง แต่อยู่ที่ตัวของลูกค้าเสียมากกว่า

แต่ทว่าเรื่องราวของ LONE WOLF STUDIO ร้านสักที่หลาย ๆ คนต้องจับตามอง ยังไม่ได้หมดเพียง เพราะส่วนประกอบของร้านนี้ยังมีช่างสักอีกหลายคนที่ช่วยให้มันสมบูรณ์ ซึ่งเรื่องราวของร้านสักแห่งนี้จะมีอะไรให้คุณได้ทำความรู้จักกันอีกนั้น เอาเป็นว่าเอาไว้เดี๋ยวเรามาฟังกันต่อในครั้งหน้า