ในปัจจุบันนั้นเรื่องราวของศิลปะบนเรือนร่างหรือสิ่งที่เรียกว่ารอยสัก นั้นค่อนข้างกลายเป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่วัยรุ่นอย่างกว้างขว้าง โดยมันไม่ได้นิยมเพียงแค่ในประเทศไทยของเราเองเท่านั้น แต่มันยังได้รับความนิยมมากมายไปทั่วโลก เนื่องจากในปัจจุบันนั้นรอยสักต่าง ๆ นั้นถูกมมองกลายเป็นศิลปะมากกว่าการตีตราสำหรับนักโทษไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าเมื่อมันมีความนิยมและเป็นเอกลักษณ์นี้เองจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคนนิยมชมชื่นการสักเป็นพิเศษ แต่ความชอบของคนเราเองก็มีหลายแบบ เพราะว่าบางคนเอง ก็ชื่นชอบที่จะมีลวดลาย หรือ รอยสัก เหล่านี้บทร่างกายเพียงเท่านั้น แต่บางคนกลับหลงใหลที่อยากจะเป็นผู้สร้างผลงานเหล่านี้เสียเอง ซึ่งผู้ที่สร้างผลงานไว้บนร่างกายของคนอื่น ๆ ด้วยน้ำหมึกแบบนี้เราจะเรียกพวกเขาว่า ช่างสัก
แต่ถ้าถามว่าการจะเป็นช่างสักนั้นมันเป็นกันได้หรือไม่ เราก็ต้องตอบทันทีแบบไม่ต้องคิดเลยว่าไม่ เพราะแน่นอนว่าการจะเข้ามาสู่วงการนี้เอง ก็จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ในหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง ไม่ใช่แค่มีฝีมือด้านการวาดรูปที่เก่งเพียงอย่างเดียว เพราะว่าบรรดาเหล่าช่างสักนั้นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการสักแบบต่าง ๆ รวมถึงไปถึงสาธารณะสุขต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คุณไม่สามารถที่จะเดินเข้าไปในร้านขายยาเพื่อที่จะจ่ายเงิน และ หยิบมันกลับออกมาได้นั่นเอง จึงทำให้ในครั้งนี้เราจะขอพาทุก ๆ คน ไปรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่ช่างสักควรรู้ก่อนที่จะเริ่มต้นเดินทางในเส้นทางวงการนี้กันก่อนดีกว่า
โดยองค์ความรู้หลัก ๆ ที่ช่างสักควรจะมีนั้นมีองค์ประกอบอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 3 สิ่งนั่นก็คือ
ความรู้ความชำนาญ รวมถึงรสนิยมที่ดีทางด้านศิลปะ , ความเข้าใจในเชิงช่าง ด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ รวมถึงงานไฟฟ้า และอย่างสุดท้ายนั่นก็คือ ควารู้เกี่ยวกับความปลอดภัย และ การป้องกันการแพร่รระบาดของเชื้อโรค
ซึ่งข้อที่ 1 นั้นมันเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราสามารถที่จะเสพงานศิลป์ต่าง ๆ เพื่อให้มันกลายเป็นภาพจดจำของเรา หรือเป็นแรงบันดาลใจในการนำเสอนผลงานอันโดดเด่นเป็นเอลักษณ์ของช่างสักแต่ละคนได้ ส่วนอย่างที่ 2 นั้นบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ไกลเกินตัวของคนที่เสพงานศิลปะไปสักหน่อยแต่มนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ช่างสักหลาย ๆ คนต้องเรียนรู้ เพราะว่าการที่จะสร้างสรรค
ผลงานออกมาได้ตามที่ใจเราต้องการนั้น อุปกรณ์ ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนช่วยสำคัญเช่นกัน ซึ่งแม้ว่ามันจะค่อนข้างยากสักหน่อย แต่ทว่าถ้าคุณตั้งใจแล้วละก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปอย่างแน่นอน
แต่ทว่าสำหรับข้อที่ 3 นั้นเราเชื่อว่ามันเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับบรรดาเหล่าช่างสักแล้ว เนื่องจากเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่คนทั่ว ๆ ไปก่อนที่จะเข้ามาสู่วงการนั้นแทบจะมีความเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นศูนย์ หรือ บางคนที่ชื่นชอบในการสร้างสรรคศิลปะเองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เพราะภาพลักษณ์ส่วนใหญ่ที่เรามักจะเห็นกันจนชินตาของบรรดาเหล่าศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะนั้นล้วนแล้วแต่มีเนื้อตัวที่เปื้อนสีด้วยกันทั้งนั้น
ซึ่งจริง ๆ เรื่องความสะอาด และ การควบคุมไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายของช่างสักนั้น เป็นอีกหนึ่งองค์ความรู้ที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อใช้โดยกระทรววงควบคุมโรคของต่างประเทศ ซึ่งจริง ๆ แล้วเรื่องนี้บรรดาเหล่าช่างสักที่ทำงานอยู่ต่างประเทศนั้นจะปฏิบัติเรื่องนี้กันโดยอัตโนมัติจนทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ติดเป็นนิสัยแล้วนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้เราจะมาอธิบายแบบคร่าว ๆ ให้ทุกคนได้ฟังกัน
โดยจริง ๆ หลักการนี้มันจะเริ่มต้นขั้นตอนแรกโดยการป้องตัวช่างสักไม่ให้ตัวเองรับเชื้อโรคมาจากคนที่ใช้บริการ
รวมถึงยังเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ที่มาใช้บริการจากช่างสักติดโรคกลับไป หรือให้พูดง่าย ๆ คือ การทำให้ตัวของช่างสักไม่กลายเป็นตัวแพร่เชื้อโรคเสียเองนั่นแหละ ซึ่งหลาย ๆ คนเองที่มีความรักในอาชีพช่างสักก็น่าจะรู้ดีว่าการทำงานในแต่ละครั้งนั้นคุณจะต้องนั่งใกล้ชิดกับลูกค้าที่มาใช้บริการจนแทบจะหายใจรดต้นคอกันอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนแหละว่าเราคงไม่ได้เจอกับลูกค้าที่ป่วยจนแทบจะปางตายอยู่แล้วหรอก แต่อย่างน้อยเราก็ต้องเจอกับลูกค้าที่บางครั้งเขาก็มีอาการป่วยเบา ๆ เช่น ไอ หรือ จาม ซึ่งสำหรับสตูดิโอของช่างสักคนไหนที่เป็นแบบพื้นที่แคบ และ เป็นห้องแอร์ ไอ้เจ้าเชื้อโรคเหล่านี้มันก็พร้อมที่จะฝุ้งกระจายอยู่ในอากาศ และทำให้สถานที่บริเวณนั้นกลายเป็นสถานที่กักเก็บเชื้อไว้ได้อย่างดี
และไม่เพียงแค่ห้อง หรือ สถานที่ทำงานของช่างสักเท่านั้น แต่ว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบอาชีพนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะอุปกรณ์ต่างนั้นจะเป็นสิ่งที่สัมผัสโดยตรงกับตัวของผู้ที่ใช้มาบริการ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะไม่สามารถหนีพ้นคราบเลือด , น้ำเหลือง รวมไปถึงเหงื่อ ที่อยู่บริเวณผิวหนังอย่างแน่นอน และคุณลองคิดดูสิว่าตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการสักนั้น ช่างสักจะต้องทั้งจับ และ เช็ดอะไรบ้าง ซึ่งถ้าใครยังนึกภาพไม่ออก งั้นเดี๋ยวเราจะอธิบายให้ชัดกว่าเดิมขึ้นไปอีก โดยภาพที่หลาย ๆ คนมักจะเห็นตามรูปอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ การที่ช่างสักถือกระดาษซับหมึก ที่มันปนเปื้อนสารคัดหลั่งต่าง ๆ จากลูกค้า ซึ่งไอ้มือที่เราต้องคอยไปซับนี้แหละมันจะต้องไปสัมผัสทั้ง เครื่องมือสัก , สายเกี่ยว , กระบอกน้ำ หรือบางครั้งก็มีการที่ขยับเก้าอี้ หรือการเดินออกไปจากห้องสักเพื่อหยิบขวดน้ำหมึกมาเพิ่ม
ซึ่งถ้าทั้งหมดนี้บรรดาเหล่าช่างสักทำโดยไม่มีการถอดถุงมือเลย มันก็เท่ากับว่าเราเอามือที่เลอะสารคัดหลั่งของผู้ใช้บริการไปสัมผัสตามส่วนต่าง ๆ ของสตูดิโอสักของเรา และถ้าเริ่มทำบ่อย ๆ จนเคยชินเป็นนิสัยมันก็ทำให้สิ่งเหล่านั้นหมักหมมขึ้นไปเรื่อย ๆ เท่ากับชั่วโมงบินของช่างสักคนนั้น ๆ และคุณลองคิดดูสิว่าสิ่งเหล่านั้นที่เต็มไปด้วยทั้งเชื้อไวรัส และ แบคทีเรีย เหล่านั้นหากมีใครไปสัมผัสเข้า มันจะมีความเสี่ยงมากขนาดไหน
พอฟังแบบนี้ก็ทำเอาช่างสักหลาย ๆ คนถึงกับสยองกันเลยใช่ไหมละ ดังนั้นการป้องกัน และ เตรียมสถานที่ นั้นเลยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างสำคัญ โดยวิธีการเตรียมเหล่านี้นั้นมักจะมีขึ้นเป็นประจำอยู่แล้วในสถานที่อย่างสถาพยาบาล หรือ คลินิก
ซึ่งแน่นอนว่าร้านสักเองก็ใช้วีธีการเดียวกันนั่นแหละ โดยวิธีการทำความสะอาดนั้นจะต้องเลือกใช้การฆ่าเชื้อ
ในลักษณะต่าง ๆ ด้วยน้ำยาที่เหมาะสมต่ออุปกรณ์นั้น ๆ และประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อได้มากที่สุด แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยสิ่งที่ช่างสักทุกคนจะต้องมีนั่นก็คือ ตู้ฆ่าเชื้อประเภท auto clave ที่เหมาะสมกับเครื่องมือของตัวเองเช่น ปากกระบอก , ด้านจับ รวมไปถึงเข็มสัก
แต่ทว่าในปัจจุบันส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์เหล่านั้นที่เรากล่าวเอาไว้จะเป็นประเภทที่ใช้แล้วทิ้งซะส่วนใหญ่ จึงทำให้ในปัจจุบันนั้นตัวของช่างสักจะมีอุปกรณ์ที่ต้องหยิบเอามาทำความสะอาดจริง ๆ ก็เพียงแค่เครื่องสักเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็คือการทำความสะอาดพวกเ เก้าอี้ลูกค้า , เตียงนอน หรือที่เท้าแขนของลูกค้าที่ช่างสักจะต้องสัมผัสในช่วเวลาทำงานนั่นเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วยังมีวิธีการให้เซฟตี้ความสะอาดในช่วงเวลาการทำงานให้มากขึ้นไปอีกนั่นก็คือ การรองด้วยผ้า หรือ ห่อคลุมด้วยพลาสติก แต่ถึงจะรองด้วยสิ่งเหล่านี้แล้ว หลังจากที่ทำงานเสร็จก็ควรเช็ดทำความสะอาดซ้ำก่อน และ หลังให้ติดเป็นนิสัย
ซึ่งในปัจจุบันนั้นก็มีแผ่นชุบน้ำยาคุณภาพสูงที่ออกมาสำหรับการทำความสะอาดที่สะดวกมากยิ่งขึ้น และยังได้ผลดีและกำจัดเชื้อต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุมเกือบจะครบทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นเชื้อในกลุ่มไวรัส หรือ แบคทีเรียก็ตามที แถมผ้าทำความสะอาดเหล่านั้นยังสามารถที่จะนำมาทำความสะอาดอุปกรณ์ที่เป็นโลหะของช่างสักได้อีกด้วย
และนี่ก็คือ 3 สิ่งอย่างที่บรรดาเหล่าคนที่มีฝันอยากจะเป็นช่างสักเองควรจะรู้เอาไว้ ซึ่งนอกฝีมือของเหล่าช่างสักที่จะทำให้เหล่าลูกค้าที่มาใช้บริการประทับใจแล้ว ความสะอาดที่อยู่ในระดับมาตราฐานสากลก็ยังถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งหนึ่งที่สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน