Kajsa Franzén ช่างสักหญิงกับนิยามการสร้างสีสันอันสดใส
หากพูดถึงสมัยก่อนแล้วรอยสักที่มักจะปรากฏอยู่ตามหน้าประวัติศาสตร์ต่าง ๆ นั้นแม้ว่าจะมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ และ ความเฉพาะแตกต่างกันไปตามแต่พื้นที่ของแต่ละประเทศ แต่ทว่าลวดลายเหล่านั้นที่ปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์กลับมีสิ่งสิ่ง หนึ่งที่เป็นจุดเชื่อมโยงเหมือนกัน โดยสิ่งนั้นก็ สี นั่นเอง เพราะว่าในสมัยก่อนนั้นยังไม่ได้สีสังเคราะห์ต่าง ๆ ทำให้รอยสักที่เรามักจะพบเห็นนั้นจะเป็นสีดำนั่นเอง แต่ทว่าเมื่อวิทยาการมนุษย์นั้นก้าวหน้าขึ้นรอยสักต่าง ๆ จึงได้เริ่มมีสีสันมากขึ้น จนทำให้เกิดการเล่นลวดลายต่าง ๆ ซึ่งในครั้งนี้เราจะขอพาทุก ๆ คนไปกับ Kajsa Franzén ช่างสักหญิงกับนิยามการสร้างสีสันอันสดใส ของเธอ ซึ่งเรื่องราวของเธอนั้นจะเป็นมาเป็นไปอย่างเรา เอาเป็นว่าเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า จุดเริ่มต้นของ Kajsa Franzén Kajsa Franzén เธอเกิดและเติบโตอยู่ในเมืองที่มีชื่อ อูบุด ประเทศสวีเดน ซึ่งในตอนนั้นตัวของเธอได้มีสตูดิโอสำหรับการสักที่มีชื่อว่าRed Rose Tattoo ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2560 แต่หลังจากที่เธอทำงานอยู่ได้สักระยะหนึ่งเธอก็ได้ตัดสินใจย้ายออกจากประเทศสวีเดิน ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังบาหลีเพื่อไปเริ่มต้นการเป็นช่างสักที่นั่น โดยตัวของเธอนั้นมีประสบในวงการสักมาอย่างยาวนานถึง 12 ปี และถ้าหากรวมในช่วงเวลาที่เธอยังเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานด้วย เธอก็มีประสบการณ์ในวงการนี้มาอย่างยาวนานถึง 14 ปีแล้วด้วยกัน สิ่งที่ทำให้ตัวของ Kajsa Franzén อยากเริ่มเป็นช่างสักนั่นก็เพราะว่า ในตอนนั้นตัวของเธอต้องการที่จะหาเลี้ยงชีพด้วยงานสร้างสรรค์ แต่ในช่วงเวลา […]
เรื่องราวการสักที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อต่าง ๆ ของคนไทย
เรื่องราวของรอยสักนั้นเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ซึ่งในหลาย ๆ ประเทศเองก็มีความเชื่อ และ วัฒนธรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับรอยสักอย่างมากมาย และ ในประเทศไทยเราเองก็เช่นกัน แต่ทว่ารอยสักของไทยเราในสมัยนั้นมันไม่ได้มีลวดลายที่สวยงามเหมือนกับในปัจจุบันที่เราได้เห็นกันอยู่ เพราะว่าวัตถุประสงค์สมัยก่อนชายไทยนั้นมักจะนิยมการสักยันต์เพื่อเหตุผลทางเวทมนตร์คาถา และ มันยังกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้พวกเขาเหล่านั้นรู้สึกแข็งแกร่ง และ คงกระพัน นั่นเอง และเพราะเรื่องราวขอการสักยันต์ที่มันอยู่กับคนไทยเรามาตั้งแต่โบราณนี้เอง มันจึงทำให้ประเทศไทยของเราเองก็มีความเชื่อหลาย ๆ อย่างที่ผูกพันอยู่กับการสักเช่นกัน และนั่นเองจึงกลายมาเป็นหัวข้อของเราในครั้งนี้นั่นก็คือ เรื่องราวการสักที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อต่าง ๆ ของคนไทย ซึ่งความเชื่อต่าง ๆ นั้นจะมีอย่างไรบ้าง และ ประเพณีวัฒนธรรมการสักของไทยที่ถูกสืบต่อมาจะเป็นอย่างไร เอาเป็นว่า เรามาเริ่มต้นบทความในครั้งนี้กันเลยดีกว่า จุดเริ่มต้นของรอยสักยันต์ และ ความเชื่อ ส่วนใหญ่แล้วในสมัยก่อนนั้นการสักของไทยมักจะนิยมสักกันมาในหมู่ชายฉกรรจ์ แต่ก็ใช่ว่าใครที่อยากจะสักก็สักได้เลยเหมือนกับสมัยนี้ เพราะว่าก่อนที่จะเริ่มการสักนั้นมันจำเป็นที่จะต้องมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อหลาย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำพิธีไหว้ครู รวมถึงในขณะที่สักนั้นตัวคนที่สักให้จะมีการสวดคาถาบางอย่างลงไปด้วย และหลังจากสักเสร็จแล้วลวดลายของอาจารย์แต่ละคนนั้นก็จะมีความแตกต่างกัน มันจึงทำให้ผู้ที่ต้องการจะสักนั้นสามารถที่จะเลือกลายจากอาจารย์แต่ละคนได้ตามความต้องการ โดยรอยสักส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นบนร่างกายนั้นมักจะมาสัตว์ในเทพนิยาย และ อักษรขอม รวมถึงเลขยันต์ ซึ่งทั้งหมดนี้มันสามารถที่จะนำมาผสมกันภายในลายสักเดียวกันได้ และนั่นเองคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การสักของอาจารย์แต่ละท่านให้รอยสักไม่เหมือนกันนั่นเอง ส่วนจุดเริ่มต้นของตำนานรอยสักไทยนั้น ไม่อาจจะระบุได้ว่ามันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่หลาย ๆ คนนั้นเชื่อว่าการสักยันต์เพื่อให้ร่างกายอยู่คงกระพันนั้นมีมานานแล้ว […]
ต้นกำเนิดรอยสักแบบสีน้ำ
กว่าที่จะกลายมาเป็นรอยสักในปัจจุบันที่เราได้เห็นกันนั้นมันมีการพัฒนาหลากหลายรูปแบบเป็นอย่างมาก จนทำให้ในที่สุดรอยสักดังกล่าวก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนใช้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง และกาลเวลาดังกล่าวก็นำพาอีกหนึ่งรอยสักที่สร้างความมั่นใจให้กับสาว ๆ หนุ่ม ๆ หลายคนมา โดยรอยสักแบบนั้นก็คือ รอยสักแบบสีน้ำ หรือชื่อย่างเป็นทางการนั่นก็คือ Water Color Tattoo นั่นเอง และในวันนี้เราจะมาหาถึงเรื่องราวต้นกำเนิดรอยสักแบบสีน้ำกัน ก่อนอื่นเราจะมาพูดให้ทุกคนได้ทราบถึงกันก่อนว่าทำไมรอยสักแบบสีน้ำถึงได้กลายเป็นที่นิยมสำหรับสาว ๆ นั่นก็เพราะว่ารอยสักชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นรอยสักที่สามารถทำออกมาแล้วดูน่ารัก และ ดูไม่ดุดัน ไม่เหมือนกับรอยสักชนิดอื่น ๆ ที่เพียงแค่ลงสีเข้มขึ้นมาหน่อยมันก็กลายเป็นดูฮาร์ดคอร์ขึ้นมาเสียแล้ว ดังนั้นมันจึงทำให้ลายสักสีน้ำกลายเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากมันมีสีสันที่สดใส แถมยิ่งเราทำให้มันมีความฟุ้ง รวมถึงสีสันละมุนเท่าไหร่มันก็จะยิ่งดูมีสไตล์มากขึ้นเท่านั้น มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมรอยสักแบบนี้ถึงกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจขึ้นมา ทำไมรอยสักสีน้ำถึงฮิตในยุคปัจจุบัน อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ในปัจจุบันรอยสักสีน้ำนั้นกลายเป็นสิ่งหลาย ๆ คนชื่นชอบเนื่องจากสีน้ำนั้นมันเปรียบเสมือนกับความสดใส สวยงาม อีกทั้งลักษณะเฉพาะตัวของสีน้ำเหล่านี้มันยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์แบบสุด ๆ โดยเราจะเห็นได้จากการที่มีหลาย ๆ คนยอมควักเงินออกจากกระเป๋าหลายแสน หลายล้านบาท เพื่อประมูลภาพวาดสีน้ำของเหล่าศิลปินชื่อดังมาประดับไว้ที่บ้านของตัวเอง หรือบางคนเองก็ยังยอมที่จะลงทุน ลงแรงเพื่อไปเรียนวิชาวาดภาพระบายสีน้ำในแบบทีตัวเองต้องการกันอีกด้วย และเพราะความเฉพาะตัวเหล่านี้มันจึงไม่แปลกที่เมื่อไหร่ก็ตามสิ่งเหล่านี้สามารถเอาลงบนสู่ผิวกายของเราได้ มีเหรอที่หลาย ๆ คนจะไม่ทำกัน เพราะว่าวิธีการเหล่านี้มันทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินหลายแสนหลายล้านเพื่อไปประมูลภาพเหล่านั้นแข่งกับคนอื่น หรือ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาซื้อสีน้ำมาเพื่อเพ้นท์ร่างกายตัวเองแล้วไม่กี่วันก็จางหายไป นอกจากนั้นแล้วคุณยังไม่ต้องจำเป็นต้องไปลงทุนเรียนศิลปะเพิ่มอีกด้วย จุดเริ่มต้นของรอยสักสีน้ำ โดยสิ่งที่ทำให้รอยสักแบบสีน้ำนั้นเกิดมานั่นก็เพราะว่าการจินตนาการว่าร่างกายของมนุษย์นั้นเปรียบเสมือนกับกระดาษวาดภาพจริง ๆ […]
เมื่อสักเสร็จใหม่ ๆ เราควรดูแลแผลอย่างไรให้ปลอดภัยและไม่ติดเชื้อ
เรื่องราวของรอยสักนั้นถือได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ สื่อ หลาย ๆ เว็บไซต์มันเลือกที่จะนำเสนอถึงวิธีการ และ ขั้นตอนเตรียมตัวในการสัก รวมถึงการเตือนสติผู้สักทุก ๆ ครั้งก่อนที่จะเริ่มให้ช่างจรดเข็มลงไปบนร่างกายของตัวเอง ซึ่งแน่นอนแหละว่าวิธีเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องไม่แปลก เนื่องจากในปัจจุบันนี้เรื่องราวของ รอยสัก นั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนบนท้องถนน อย่างน้อยคุณก็ต้องได้เห็นคนที่มีรอยสักอยู่ไม่มากก็น้อย ซึ่งแม้ว่ารอยสักที่คุณเห็นบนร่างกายของคนอื่นนั้นจะมีความสวยงามขนาดไหนก็ตาม แต่ทว่ากว่าที่จะได้มาซึ่งรอยสักเหล่านี้ไม่ใช่เพียงเพราะช่างสักอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึง การดูแลรอยสัก ของตัวผู้สักเองด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลาย ๆ เว็บไซต์ และ หลาย ๆ เรื่องราวที่ถูกนำเสนอเกี่ยวกับรอยสักมักจะลืมพูดถึงประเด็นอย่าง การดูแลรอยสัก ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ค่อนข้างสำคัญมาก ๆ และมันยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่คิดจะมีรอยสักอันสวยงามอีกด้วย เพราะถ้าหากคุณดูแลรอยสักแล้วละก็บางทีมันอาจจะไม่ได้มาเพียงแค่ความไม่สวยงาม แต่มันยังนำพามาซึ่งอาการติดเชื้ออีกด้วย ดังนั้นในครั้งนี้เราจึงจะขอมาพูดถึงเรื่องราวของวิธีการดูแลรอยสักตั้งแต่สักเสร็จใหม่ ๆ จนถึงไปถึงตอนที่บาดแผลหายสนิทกัน ซึ่งวิธีเหล่านั้นจะทำอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่าเราไปเริ่มต้นกันเลยดีกว่า ซึ่งการดูแลรอยสักหลังจากที่สักเสร็จใหม่ ๆ นั้น บาดแผลบริเวณรอยสักนั้นจะเป็นบาดแผลแบบเปิด ซึ่งแน่นอนว่าการดูแลอย่างถูกวิธีนั้นมันจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ และ ยังสามารถช่วยป้องกันให้เกิดรอยแผลเป็นจากสภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นเพราะว่าการดูแลรอยสักที่เพิ่งสักเสร็จใหม่ ๆ อย่างดีนั้นมันจะช่วยให้รอยสักของคุณนั้นสวยงามคงทนไปในระยะยาว โดยวิธีการดูแลรอยสักในขั้นตอนแรกนั้นคุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนเลยว่าหลังจากสักเสร็จแล้ว ช่างสักได้ทำการแรปพลาสติกในบริเวณที่สักให้คุณหรือไม่ เพราะว่าการปิดแผลด้วยการแรปพลาสติกนั้น จะเป็นการป้องกันฝุ่นละออง […]
เรื่องราวของการสัก และ จิตวิทยา
สำหรับนสังคมไทยของเราในปัจจุบันนี้เราน่าจะพอเห็นกันแล้วว่า ในปัจจุบันศิลปะบนเรือนร่างอย่างเช่นการสัก หรือ การเจาะนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ดูน่าเกลียด หรือต้องหลบ ๆ ซ่อนกันอีกต่อไปแล้ว เพราะในตอนนี้ทัศนคติหลาย ๆ คนต่อรอยสักนั้นได้เริ่มเปลี่ยนเนื่องจากมีการมองว่าศิลปะบนร่างกายอย่างรอยสักนั้นเป็นสิ่งสวยงาม โดยสิ่งที่สามารถพิสูจน์ถึงความเชื่อนี้ได้ดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นบรรดาเหล่านางแบบ หรือ อินฟูเลนเซอร์หลาย ๆ คนที่กล้าโพสต์โชว์รอยสัก หรือ การเจาะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลงบนโลกโซเชี่ยลให้บรรดาเหล่าคนที่ติดตามเธอได้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ นั่นเอง แถมในปัจจุบันบางคนเองก็ยังไม่ได้มีเพียงแค่รอยสักใต้ร่มผ้าอย่างเดียวแล้วอีกด้วย แต่ถ้าถามว่ายังมีคนอีกหลายคนอยู่ไหมที่ยังรู้มองว่าคนที่มีรอยสักนั้นเป็นคนไม่ดี เราก็ต้องตอบแบบตรง ๆ ว่าก็ยังมีอยู่เช่นกัน ซึ่งในครั้งนี้เราจะขอมาพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับทางด้านจิตวิทยากันซะหน่อยว่า การสัก หรือ การเจาะส่วนใด ส่วหนึ่งของร่างกายนั้น ทำไมมันถึงไปมีผลกระทบต่อความเชื่อเกี่ยวกับ พฤติกรรมความรุนแรง หรือ คดีอาชญากรรมมากมายขนาดนั้น โดยตามการวิเคราะห์ตามหลักจิตวิทยาแล้วยังมีหลาย ๆ คนที่มีความเชื่อว่าการที่คน ๆ นั้นมีรอยสักเท่ากับว่า คน ๆ นั้นเป็นคนที่กล้าทำร้ายตัวเองเนื่องจากในการสร้างรอยสักนั้นพวกเขาจะต้องโดนเข็มทิ่มลงไปบนเนื้อหนังของเขานั่นเอง ซึ่งในเชิงจิตเวชที่มีการศึกษากันมานั้นถือว่าความคิดของคนที่มองว่าคนมีรอยสักเป็นแบบนั้นไม่ผิด เพราะว่าการสัก และ การเจาะนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการทำร้านตัวเองในเชิงจิตเวชเช่นกัน แต่ทว่ามันจะถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่การทำร้ายตัวเองที่ไม่ได้อันตรายจนเกินไป และก็ยังไม่ได้นับว่าเป็นการทำร้ายตัวเองโดยตรง ซึ่งการใช้รอยสักในลักษณะนี้ทางจิตวิทยาจะมองว่าเป็นการการะทำเพื่อทำการลงโทษตัวเองจากความรู้สึกผิดต่าง ๆ หรือ บางทีก็ในฐานะที่เป็นตัวแทนในการบำบัดการกระทำรุนแรงไปโดยไม่รู้ตัว นอกจากนั้นแล้วทางจิตวิทยายังมองว่าการสัก หรือ […]
ศีรษะและรอยสักของชนเผ่าเมารีที่นำมาสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
อย่างที่หลาย ๆ คนได้เคยอ่านข่าวคราว หรือ บทความต่าง ๆ เกี่ยวกับรอยสักในเว็บไซต์ของเรา ซึ่งเราก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะพอรู้จักกันไปพอสมควรแล้วว่ารอยสักนั้นมีทั้งหมดกี่ประเภท และ แต่ละประเภทแป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งถ้าใครที่เพิ่งค้นหา หรือ มาเจอกับบทความนี้เป็นครั้งแรก และ ยังไม่รู้จักเกี่ยวกับประเภทของรอยสักเลยละก็ คุณสามารที่จะย้อนกลับไปเพื่อหาอ่านบทความเก่า ๆ ภายในเว็บไซต์ของเราได้เลย แต่ถ้าใครเคยอ่านมาแล้ว คุณเองก็น่าจะพอทราบกันมาแล้วว่าหนึ่งในรอยสักที่มีความเก่าแก่ทีสุดในโลกก็คงจะหนีไม่พ้นรอยสักประเภท Tribal หรือให้พูดเข้าใจง่าย ๆ นั่นก็คือ รอยสักประเภทชนเผ่าต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งรอยสักประเภทนี้นั้นจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่พื้นที่ ซึ่งชนเผ่าเหล่านั้นอาศัยอยู่ และในวันนี้เราจะมาพูดถึงอีกหนึ่งชนเผ่าที่มีรอยสัก และ ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์อย่างชนเผ่าที่เรียกตัวเองว่า ชนเผ่าเมารี ก่อนที่เราจะไปเริ่มต้นเรื่องราวของรอยสักของชนเผ่าเมารีกันนั้น อันดับแรกที่เราจะต้องทำความเข้าใจกันก่อนก็คือพวกเขาคือใคร โดยชนเผ่าเมารีเป็นชนเผ่าที่มีเชื้อสายโพลินีเซีย ซึ่งเป็นชนเผ่าดั่งเดิมที่ตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่บนหมู่เกาะนิซีแลนด์ โดยคาดว่าบรรพบุรษของพวกเขาได้เดินทางถึงเกาะเหนือ และ เกาะใต้ ของประเทศนิวซีแลนด์เมื่อราว ๆ ค.ศ. 800 ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้นี่เองที่เป็นการเดินทางค้นหาดินแดนครั้งสุดท้ายที่ชาวโพลิเนียค้นพบและเข้าครอบครอง แถมการค้นพบในครั้งนี้ยังเป็นการค้นพบดินแดนที่กว้างใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยครอบครองเลยอีกด้วย โดยชนเผ่าเมารีที่มาอาศัยอยู่บนเกาะนิวซีแลนด์ในตอนนั้นดำรงชีพด้วยการเก็บของป่า และ ล่าสัตว์ เพื่อบรรเทาความหิวโหยกันในช่วงแรก ๆ ซึ่งสัตว์ป่าที่เป็นอาหารหลักของพวกเขาในตอนนั้นก็คือ นกที่มีชื่อว่า […]
จุดเริ่มต้น และ วัฒนธรรมการสักของเกาหลี
เรื่องราวของประวัติศาสตร์ต่าง ๆ นั้นสิ่งแรกเลยที่ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ไหนก็มีเหมือนกันหมดนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของสิ่งนั้น ๆ ซึ่งรอยสักเองก็เช่นกัน เพราะว่ารอยสักแต่ละแบบ และ แต่ละประเทศนั้นก็มีเรื่องราวสำหรับการเริ่มต้น และ ประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างยาวนานแตกต่างกันกไป ซึ่งในเว็บไซจ์ของเรานั้นเราได้เคยพาหลาย ๆ คนไปพบกับเรื่องราวของรอยสักจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นกลุ่มโซนเอเชียเหมือนเรากันมาแล้ว แต่ในครั้งนี้เราขอพาทุก ๆ ไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งประเทศที่มีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของรอยสักที่น่าสนใจไม่แพ้กับรอยสักประเทศไหน ๆ เลย โดยประวัติศาสตร์ที่เราจะพูดกันถึงในครั้งนี้ก็คือ ประวัติรอยสักเกาหลี นั่นเอง โดยต้นกำเนิดของรอยสักเกาหลีถูกพบในครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษ์ที่ 2 หรือ ช่วง 4 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งตรงกับในยุคของสามฮั่นเกาหลี โดยเรื่องนั้นถูกบันทึกเอาไว้ผ่านนิทานพื้นบ้านที่มีความเกี่ยข้องกับรอยสัก แต่ถึงแบบนั้นเพราะกาลเวลามันจะทำให้บันทึกนั้นมีการเสื่อมสภาพและการฉีกขาดไป แต่หลังจากนั้นคำว่ารอยสักที่เขียนว่า 문신 ก็มีปรากฏขึ้นในวรรณกรรมต่าง ๆ ของเกาหลีอีกหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงมันยังปรากฏในพงศาวดารโครยอ ซึ่งในครั้งนี้มันไม่ได้เป็นเพียงนิทานพื้นบ้านแล้ว แต่มันยังไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของกฏหมาย แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวนั้นก็หายไปเนื่องจากอิทธิพลวัฒนธรรมจากภาคกลางของประเทศ และนั่นเองก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหนึ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เกาหลีถึงการสิ้นสุดของวัฒนธรรมการสักในยุคสามก๊กของประเทศเกาหลี หลังจากนั้นในยุคโกโจซอน ซึ่งเป็นยุค 108 ปีก่อนคริสตกาลนั้น เรื่องราวของรอยสักเกาหลีก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันปรากฏขึ้นมาในกฏข้อห้าม 8 ประการ โดยมันถูกบัญญัติไว้เป็น 1 ใน 8 แต่ถึงมันจะมีกฎในการห้ามสักก็ตามที แต่ทว่าในสมัยนั้นภาคใต้ของประเทศเกาหลีก็ยังมีประเพณีการสักตามธรรมเนียมอยู่ดี […]
ลายสักของ 3 ชนเผ่า ไทย และ ไต้หวัน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม
ในสังคมของยุคปัจจุบัน เรื่องราวของ รอยสัก หรือเรียกว่าเป็นทางการในภาษาอังกฤษว่า Tattoo นั้น ได้ถูกเปลี่ยนมุมมองจากอดีตไปมาก เพราะในปัจจุบันเรื่องราวของรอยสักได้เริ่มถูกพูดถึงไปในเชิงของสิ่งที่เป็นศิลปะ และ ความสวยงามในแบบเฉพาะตัวบุคคลกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว แต่ทว่าถ้าจะให้มาพูดถึงเรื่องในอดีตของ รอยสัก นั้น นอกจากที่เรื่องราวของมันจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวกับอาชญาหรือการกระทำผิดต่าง ๆ แล้ว จริง ๆ แล้วสิ่งทีเรียกว่ารอยสักยังมีความเกี่ยวข้องกับบรรดาเหล่าวัฒนธรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสังคมของหมู่บ้าน หรือ ชนเผ่า เพราะในสมัยร่างกายของมนุษย์เองก็ไม่ต่างอะไรกับฝาพนังที่มีเอาไว้สำหรับในการบันทึกเรื่องราว เพื่อเป็นการวสืบทอดต่อวัฒนธรรม และ ประวัติศษาสตร์ของกลุ่มและชนเผ่านั้น ๆ และเพราะวิธีนั้นนี่เองที่ทำให้ในปัจจุบันเรื่องหลายของหลาย ๆ ชนผ่าในโลกกับยังคงสืบทอดกันมาผ่านทางรอยสักที่อยู่บนร่างกายเหมือนดั่งเช่นคนรุ่นก่อนที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ซึ่งรอยสักในบางครั้งที่เราได้เห็นของชนเผ่าโบราณต่าง ๆ เรามักจะเห็นว่าพวกเขามักที่จะสักอยู่บริเวณแขน ขาด แถมลวดลายที่ถูกสักเหล่านั้น เราก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าลวดลายเหล่านั้นไม่ใช่การสักเพื่อความงดงามทางศิลปะ แต่ทว่าการที่จะเข้าใจรอยสักที่มีความเป็นมาและประวัติศาสตร์อันยาวนานแบบนี้บางทีก็ต้องอาศัยเวลา และ ประสบการณ์จากผู้บอกเล่าหลาย ๆ ถึงเรื่องราวของรอยสักนั้น และเพราะประวัตศาสตร์ซึ่งค่อนข้างยาวนานนี่เองจึงทำให้ทางมิวเซียมสยาม ได้ร่วมกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไต้หวัน และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ได้จักแสดงงานที่เป็นนิทรรศการขึ้นมา ซึ่งมันเป็นครั้แงรกของประเทศไทยเลยที่มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับเรื่องราวของรอยสัก โดยนิทรรศการในครั้งได้มีการเล่าถึงเรื่องราวของมรดกทางวัฒนธรรมผ่านศิลปะรอยสักบน่างกายของ 3 กลุ่ม ชาติพันธุ์ของ 2 ประเทศอย่าง ไทย […]
เรื่องราว และ ความทรงจำที่อยู่เบื้องหลัง และ ถูกส่งผ่านออกมาทางรอยสัก
ทุก ๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรานั้นล้วนแล้วแต่หล่อหลอมให้กลายเป็นเราได้มาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งแน่นอแหละในทุก ๆ ประสบการณ์ที่เราเคยเจอมันล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่น่าจดจำ และ ไม่น่าจดจำ แฝงอยู่ในนั้นทั้งนั้น ซึ่งบางทีแล้วตัวเราเองก็มีความต้องการที่จะแสดงออกถึงความทรงจำเหล่านั้นให้คนอื่นรู้ รวมถึงเป็นการแสดงตัวตนในแบบฉบับของเราอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่สามารถแสดงถึงเรื่องราวเหล่านี้ออกมาได้ดีมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น ศิลปะที่เรียกว่า รอยสัก ซึ่งแม้ว่าหลาย ๆ คนจะคิดว่ารอยสักนั้นเป็นศิลปะที่แสดงถึงแฟชั่น และ สีสันอันสวยงามบนผิวหนังของมนุษย์ แต่มันก็ยังมีคอีกหลาย ๆ คนต้องการจะแสดงศิลปะเหล่านั้นผ่านการเชื่อมโยงบางอย่างและจากรึกมันเอาไว้บนร่างกายอย่างถาวร เพราะมันเปรียบเสมือนกับวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บสิ่งที่มีความหมายที่สุดในชีวิตของพวกเขาเอาไว้เพื่อจะจำ แม้ว่าชื่อ หรือ รูปภาพของคนที่อยู่บนรอยสักพวกเขาจะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตาม ดังนั้นในครั้งนี้เราจะขอพาทุก ๆ คนไปพบกับเรื่องราวของเหล่าบุคคลต่าง ๆ ที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เพราะคน ๆ หนึ่ง และนั่นก็ทำให้พวกเขาไม่เคยลืมบุคคลเหล่านั้นพร้อมกับเก็บเอาความประทับใจเหล่านั้นมาสร้างสรรค์เป็นรอยสัก ซึ่งแต่ละรอยสัก แต่ละเรื่องราวนั้น จะมีที่มาที่ไปอย่างไงบ้างนั้น เอาเป็นว่า เราไปเริ่มต้นกันเลยดีกว่า เอาละเรามาเริ่มกับที่เรื่องราวของรอยสักแรกกันเลยดีกว่า โดยเรื่องแรกนั้นเกิดขึ้นจากเรื่องราวของสิ่งที่เรียกว่าถ้วยชา โดยหญิงสาวคนหนึ่งได้เล่าเอาไว้ว่า ที่บ้านของคุณยายของเธอนั้น ทุก ๆ คนในครอบครัวของเธอนั้นจะมีถ้วยชาซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะของตัวเอง โดยถ้วยชาของนั้นจะเป็นสไตล์แบบ Brigadoon’ Scottish Thistle และตัวของเธอเองก็ค่อนข้างที่จะชอบดื่มชาจากถ้วยใบนั้นอยู่ตลอดเวลาที่เธอได้ไปเยี่ยมคุณยาย จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายของเธอก็จากไปแบบไม่มีวันกลับ มันจึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะเอาลวดลายของถ้วยชาประจำตัวของเธอในบ้านคุณยายมาสักไว้รอบ ๆ แขน […]
รอยสักประวัติศาสตร์ของชนเผาเมารีกับการประจักษ์สู่เวทีระดับโลก
หากพูดถึงสิ่งที่เรียกว่ารอยสักแล้วละก็ เราเชื่อว่าในยุคสมัยใหม่นี้หลาย ๆ คนน่าจะพอที่จะเปิดเรื่องราวของคนมีรอยสัก และ มองรอยสักบนร่างกายมนุษย์นั้นเปลี่ยนไปมากกว่าแต่ก่อน แต่ถึงแบบไรก็ตามสิ่งที่เราเชื่อว่ามันค่อนข้างที่จะขัดเรื่องราวของรอยสักมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น เรื่องราวของรอยสัก กับ ราชาการในปัจจุบันนี้เอง เพราะอย่างที่เราน่าจะพอทราบกฏกันมาอยู่บ้างว่า สำหรับคนที่จะเข้ารับราชการได้นั้น คน ๆ จำเป็นที่จะต้องไม่มีรอยสักที่แสดงออกมาให้เห็นนั่นเอง แต่สำหรับสิ่งที่เราบอกนั้นมันเป็นเพียงแค่สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเท่านั้น เพราะในเวทีการเมืองโลกยังมี หญิงสาวคนหนึ่งที่มีรอยสักอันเด่นชัด และ เธอคนนี้นี่แหละ คือคนที่ทำดำรงอยู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของนิวซีแลนด์เลยทีเดียว โดยเธอคนนั้นก็คือ นาไนอา มาฮูตา (Nanaia Mahuta) แต่ถ้าว่ากันตามตรงแล้วหลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยได้คุ้นชื่ออย่าง นาไนอา มาฮูตา (Nanaia Mahuta) กันสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าเธอคนนี้เพิ่งได้ถูกแต่งตั้งมาเป็นสมาชิกผู้แทนราษฏรหญิงของซีแลนด์ในตำแหน่งที่เรากล่าวเอาไว้ข้างต้นแบบหมาด ๆ ซึ่งทันทีที่ภาพของ นาไนอา มาฮูตา (Nanaia Mahuta) ปรากฏสู่สายตาของสื่อ สำนักข่าวต่าง ๆ ทั่วโลกแทบทุกเจ้าก็ล้วนโฟกัสมาที่เธอ เพราะว่าเธอคนนี้นั้นถือได้ว่าเป็น ชนเผ่าพื้นเมืองอย่าง ชนเผ่าเมารี คนแรกในประวัติศาสจตร์ของประเทศนิวซีแลนด์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี แถมตัวของ นาไนอา มาฮูตา (Nanaia Mahuta) ก็ยังมาพร้อมกับรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าอย่าง […]