เรื่องราวการสักที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อต่าง ๆ ของคนไทย
เรื่องราวของรอยสักนั้นเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ซึ่งในหลาย ๆ ประเทศเองก็มีความเชื่อ และ วัฒนธรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับรอยสักอย่างมากมาย และ ในประเทศไทยเราเองก็เช่นกัน แต่ทว่ารอยสักของไทยเราในสมัยนั้นมันไม่ได้มีลวดลายที่สวยงามเหมือนกับในปัจจุบันที่เราได้เห็นกันอยู่ เพราะว่าวัตถุประสงค์สมัยก่อนชายไทยนั้นมักจะนิยมการสักยันต์เพื่อเหตุผลทางเวทมนตร์คาถา และ มันยังกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้พวกเขาเหล่านั้นรู้สึกแข็งแกร่ง และ คงกระพัน นั่นเอง และเพราะเรื่องราวขอการสักยันต์ที่มันอยู่กับคนไทยเรามาตั้งแต่โบราณนี้เอง มันจึงทำให้ประเทศไทยของเราเองก็มีความเชื่อหลาย ๆ อย่างที่ผูกพันอยู่กับการสักเช่นกัน และนั่นเองจึงกลายมาเป็นหัวข้อของเราในครั้งนี้นั่นก็คือ เรื่องราวการสักที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อต่าง ๆ ของคนไทย ซึ่งความเชื่อต่าง ๆ นั้นจะมีอย่างไรบ้าง และ ประเพณีวัฒนธรรมการสักของไทยที่ถูกสืบต่อมาจะเป็นอย่างไร เอาเป็นว่า เรามาเริ่มต้นบทความในครั้งนี้กันเลยดีกว่า จุดเริ่มต้นของรอยสักยันต์ และ ความเชื่อ ส่วนใหญ่แล้วในสมัยก่อนนั้นการสักของไทยมักจะนิยมสักกันมาในหมู่ชายฉกรรจ์ แต่ก็ใช่ว่าใครที่อยากจะสักก็สักได้เลยเหมือนกับสมัยนี้ เพราะว่าก่อนที่จะเริ่มการสักนั้นมันจำเป็นที่จะต้องมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อหลาย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำพิธีไหว้ครู รวมถึงในขณะที่สักนั้นตัวคนที่สักให้จะมีการสวดคาถาบางอย่างลงไปด้วย และหลังจากสักเสร็จแล้วลวดลายของอาจารย์แต่ละคนนั้นก็จะมีความแตกต่างกัน มันจึงทำให้ผู้ที่ต้องการจะสักนั้นสามารถที่จะเลือกลายจากอาจารย์แต่ละคนได้ตามความต้องการ โดยรอยสักส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นบนร่างกายนั้นมักจะมาสัตว์ในเทพนิยาย และ อักษรขอม รวมถึงเลขยันต์ ซึ่งทั้งหมดนี้มันสามารถที่จะนำมาผสมกันภายในลายสักเดียวกันได้ และนั่นเองคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การสักของอาจารย์แต่ละท่านให้รอยสักไม่เหมือนกันนั่นเอง ส่วนจุดเริ่มต้นของตำนานรอยสักไทยนั้น ไม่อาจจะระบุได้ว่ามันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่หลาย ๆ คนนั้นเชื่อว่าการสักยันต์เพื่อให้ร่างกายอยู่คงกระพันนั้นมีมานานแล้ว […]
ต้นกำเนิดรอยสักแบบสีน้ำ
กว่าที่จะกลายมาเป็นรอยสักในปัจจุบันที่เราได้เห็นกันนั้นมันมีการพัฒนาหลากหลายรูปแบบเป็นอย่างมาก จนทำให้ในที่สุดรอยสักดังกล่าวก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนใช้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง และกาลเวลาดังกล่าวก็นำพาอีกหนึ่งรอยสักที่สร้างความมั่นใจให้กับสาว ๆ หนุ่ม ๆ หลายคนมา โดยรอยสักแบบนั้นก็คือ รอยสักแบบสีน้ำ หรือชื่อย่างเป็นทางการนั่นก็คือ Water Color Tattoo นั่นเอง และในวันนี้เราจะมาหาถึงเรื่องราวต้นกำเนิดรอยสักแบบสีน้ำกัน ก่อนอื่นเราจะมาพูดให้ทุกคนได้ทราบถึงกันก่อนว่าทำไมรอยสักแบบสีน้ำถึงได้กลายเป็นที่นิยมสำหรับสาว ๆ นั่นก็เพราะว่ารอยสักชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นรอยสักที่สามารถทำออกมาแล้วดูน่ารัก และ ดูไม่ดุดัน ไม่เหมือนกับรอยสักชนิดอื่น ๆ ที่เพียงแค่ลงสีเข้มขึ้นมาหน่อยมันก็กลายเป็นดูฮาร์ดคอร์ขึ้นมาเสียแล้ว ดังนั้นมันจึงทำให้ลายสักสีน้ำกลายเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากมันมีสีสันที่สดใส แถมยิ่งเราทำให้มันมีความฟุ้ง รวมถึงสีสันละมุนเท่าไหร่มันก็จะยิ่งดูมีสไตล์มากขึ้นเท่านั้น มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมรอยสักแบบนี้ถึงกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจขึ้นมา ทำไมรอยสักสีน้ำถึงฮิตในยุคปัจจุบัน อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ในปัจจุบันรอยสักสีน้ำนั้นกลายเป็นสิ่งหลาย ๆ คนชื่นชอบเนื่องจากสีน้ำนั้นมันเปรียบเสมือนกับความสดใส สวยงาม อีกทั้งลักษณะเฉพาะตัวของสีน้ำเหล่านี้มันยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์แบบสุด ๆ โดยเราจะเห็นได้จากการที่มีหลาย ๆ คนยอมควักเงินออกจากกระเป๋าหลายแสน หลายล้านบาท เพื่อประมูลภาพวาดสีน้ำของเหล่าศิลปินชื่อดังมาประดับไว้ที่บ้านของตัวเอง หรือบางคนเองก็ยังยอมที่จะลงทุน ลงแรงเพื่อไปเรียนวิชาวาดภาพระบายสีน้ำในแบบทีตัวเองต้องการกันอีกด้วย และเพราะความเฉพาะตัวเหล่านี้มันจึงไม่แปลกที่เมื่อไหร่ก็ตามสิ่งเหล่านี้สามารถเอาลงบนสู่ผิวกายของเราได้ มีเหรอที่หลาย ๆ คนจะไม่ทำกัน เพราะว่าวิธีการเหล่านี้มันทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินหลายแสนหลายล้านเพื่อไปประมูลภาพเหล่านั้นแข่งกับคนอื่น หรือ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาซื้อสีน้ำมาเพื่อเพ้นท์ร่างกายตัวเองแล้วไม่กี่วันก็จางหายไป นอกจากนั้นแล้วคุณยังไม่ต้องจำเป็นต้องไปลงทุนเรียนศิลปะเพิ่มอีกด้วย จุดเริ่มต้นของรอยสักสีน้ำ โดยสิ่งที่ทำให้รอยสักแบบสีน้ำนั้นเกิดมานั่นก็เพราะว่าการจินตนาการว่าร่างกายของมนุษย์นั้นเปรียบเสมือนกับกระดาษวาดภาพจริง ๆ […]
เมื่อสักเสร็จใหม่ ๆ เราควรดูแลแผลอย่างไรให้ปลอดภัยและไม่ติดเชื้อ
เรื่องราวของรอยสักนั้นถือได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ สื่อ หลาย ๆ เว็บไซต์มันเลือกที่จะนำเสนอถึงวิธีการ และ ขั้นตอนเตรียมตัวในการสัก รวมถึงการเตือนสติผู้สักทุก ๆ ครั้งก่อนที่จะเริ่มให้ช่างจรดเข็มลงไปบนร่างกายของตัวเอง ซึ่งแน่นอนแหละว่าวิธีเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องไม่แปลก เนื่องจากในปัจจุบันนี้เรื่องราวของ รอยสัก นั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนบนท้องถนน อย่างน้อยคุณก็ต้องได้เห็นคนที่มีรอยสักอยู่ไม่มากก็น้อย ซึ่งแม้ว่ารอยสักที่คุณเห็นบนร่างกายของคนอื่นนั้นจะมีความสวยงามขนาดไหนก็ตาม แต่ทว่ากว่าที่จะได้มาซึ่งรอยสักเหล่านี้ไม่ใช่เพียงเพราะช่างสักอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึง การดูแลรอยสัก ของตัวผู้สักเองด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลาย ๆ เว็บไซต์ และ หลาย ๆ เรื่องราวที่ถูกนำเสนอเกี่ยวกับรอยสักมักจะลืมพูดถึงประเด็นอย่าง การดูแลรอยสัก ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ค่อนข้างสำคัญมาก ๆ และมันยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่คิดจะมีรอยสักอันสวยงามอีกด้วย เพราะถ้าหากคุณดูแลรอยสักแล้วละก็บางทีมันอาจจะไม่ได้มาเพียงแค่ความไม่สวยงาม แต่มันยังนำพามาซึ่งอาการติดเชื้ออีกด้วย ดังนั้นในครั้งนี้เราจึงจะขอมาพูดถึงเรื่องราวของวิธีการดูแลรอยสักตั้งแต่สักเสร็จใหม่ ๆ จนถึงไปถึงตอนที่บาดแผลหายสนิทกัน ซึ่งวิธีเหล่านั้นจะทำอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่าเราไปเริ่มต้นกันเลยดีกว่า ซึ่งการดูแลรอยสักหลังจากที่สักเสร็จใหม่ ๆ นั้น บาดแผลบริเวณรอยสักนั้นจะเป็นบาดแผลแบบเปิด ซึ่งแน่นอนว่าการดูแลอย่างถูกวิธีนั้นมันจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ และ ยังสามารถช่วยป้องกันให้เกิดรอยแผลเป็นจากสภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นเพราะว่าการดูแลรอยสักที่เพิ่งสักเสร็จใหม่ ๆ อย่างดีนั้นมันจะช่วยให้รอยสักของคุณนั้นสวยงามคงทนไปในระยะยาว โดยวิธีการดูแลรอยสักในขั้นตอนแรกนั้นคุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนเลยว่าหลังจากสักเสร็จแล้ว ช่างสักได้ทำการแรปพลาสติกในบริเวณที่สักให้คุณหรือไม่ เพราะว่าการปิดแผลด้วยการแรปพลาสติกนั้น จะเป็นการป้องกันฝุ่นละออง […]
รอยสักบนร่างกายส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวหรือไม่ Part 1
ในปัจจุบันนี้มนุษย์เรานั้นก้าวหน้าขึ้นจากอดีตค่อนข้างมากเนื่องจากเทคโนโลยีต่าง ๆ ในปัจจุบันที่มีการพัฒนามากขึ้นจนทำให้มนุษย์ได้รับความสะดวกสบาย แต่ทว่าสิ่งที่มันพัฒนาตามเทคโนโลยีมาติด ๆ เลยนั่นก็คือ สิ่งที่เรียกว่า โรคภัยไข้เจ็บ นั่นเอง เพราะว่าในปัจจุบันนี้เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันจะมีโรคแปลก ๆ โรคประหลาด รวมถึงโรคที่มีความรุนแรงและแพร่กระจายได้ง่ายเกินขึ้นอยู่บ่อยครั้ง อย่างครั้งล่าสุดที่หลาย ๆ ประเทศได้เผชิญกันนั่นก็คือโรคอย่าง covid19 และเพราะเจ้าโรคนี้เองที่ทำให้ในปัจจุบันนั้นหลาย ๆ คนต้องปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตใหม่ โดยการจะหยิบอะไรเข้าสู่ร่างกายนั้น มันก็จำเป็นที่จะต้องระวังมากยิ่งขึ้น และแน่นอนการสร้างรอยสักเองก็เป็นหนึ่งในหนทางของการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย และเพราะเป็นการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายนี้เองจึงทำให้หลาย ๆ คนเริ่มตระหนักว่าการมีรอยสักนั้นจะมีปัญหาส่งผลตามมาต่อสุขภาพของตนเองหรือไม่ เพราะว่าหลาย ๆ คนอาจจะพอได้ยินมาอยู่ว่าน้ำหมึกที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นมีสารที่ก่อเกิดความเป็นพิษต่อร่างกาย และ มันยังเป็นหนึ่งในสารเคมีที่ห้ามเข้าสู้ร่างกายอีกด้วย ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะขอพาทุก ๆ คนไปพบกับเรื่องราวความเป็นจริงของเรื่องราวเหล่านี้กันเพื่อให้ทุก ๆ ได้ทราบ และ ตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ ซึ่งถ้าใครพร้อมที่จะรับทราบข้อมูลเหล่านี้แล้ว เอาเป็นว่า เราไปเริ่มกันเลยดีกว่า สำหรับคำถามแรกที่หลาย ๆ คนอยากจะรู้เลยนั่นก็คือ รอยสัก นั้นจะทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพหรือไม่ ซึ่งเราขอตอบตรงนี้เลยว่ามีสิทธิ์ที่จะเกิดปัญหาด้านสุขภาพซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีผิวหนังบาง และ มีภูมิคุ้มกันร่างกายที่อ่อนไหวสูง แต่ทว่าคุณไม่ต้องกังวลใจไป เพราะว่าปัญหาที่จะเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมีเปอร์เซ็นต์น้อยมากๆ ถ้าเทียบกับประชากรทั้งหมดที่มีรอยสัก แต่ถ้าคุณกังวลใจว่าจะเกิดปัญหาเรื่องนี้กับตัวคุณเองแล้วละก็ คุณสามารถเข้าไปยังร้านสักที่คุณต้องการและให้ช่างสักประเมินผิวหนังของคุณก่อนที่จะลงมือสร้างรอยสักได้ หลังจากหมดกังวลกับเรื่องของรอยสักที่จะมีผลต่อสุขภาพกันไปแล้ว […]
รอยสักบนร่างกายมิดฟิลด์สุดเก๋าดาวรุ่งจากทีมชาติอังกฤษอย่าง เดเล่ อัลลี่
เมื่อรอยสักนั้นกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าแฟชั่น แน่นอนแหละว่าสิ่งเหล่านี้มันก็ได้แพร่กระจายเข้าไปสู่คนวงการต่าง ๆ มากมายยกตัวอย่างเช่นวงการบันเทิงซึ่งเราน่าจะได้เห็นบรรดาเหล่าศิลปินคนดังต่าง ๆ ที่มีรอยสักสักตำแหน่งหนึ่งอยู่บนร่างกาย แต่ทว่าวงการบันเทิงนั้นกลับไม่ใช่วงการที่มีคนสักมากที่สุด เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเรามักจะได้เห็นบรรดาเหล่านักกีฬาเสียมากกว่าที่มีรอยสักอยู่บนร่างกาย โดยไม่ว่าจะเป็นกีฬาอย่างบาสเกตบอล และ กีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่างฟุตบอล ผู้เล่นในแต่ละทีมก็ล้วนแล้วแต่มีรอยสักด้วยกันทั้ง และเพราะความเป็นแฟชั่นของรอยสักนี้เองที่มันก็ทำให้บรรดาเหล่าคนในวงการกีฬาหลาย ๆ คนเริ่มหลงรักรอยสักมากขึ้นเรื่อย ๆ และหนึ่งในนั้นก็คือ มิลฟิลด์ดาวรุ่งของทีมชาติอังกฤษ และ ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมอย่างท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์เขาคนนั้นก็คือ เดเล่ อัลลี่ โดยฝีมืออันร้ายกาจของอัลลี่นั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ตัวของเขาได้พิสูจน์ให้ใครหลาย ๆ คน ได้เห็นผ่านทางการแข่งขันมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็นเวทีระดับสโมสร และ เวทีระดับโลก ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ตัวของอัลลี่ก็ถือได้ว่าเป็นกำลังหลักในการแข่งขันทั้งนั้น และนอกจากฝีมือในสนามที่ร้ายกาจแล้วตัวของเขาเองก็ยังมีรอยสักสวย ๆ ที่ร้ายกาจไม่แพ้ฝีมือของเขาอยู่บนร่างกายเช่นกัน โดยตัวของ เดเล่ อัลลี่ นั้นถือได้ว่าเป็นนักกีฬาอีกคนหนึ่งที่ค่อนข้างชื่นชอบศิลปะอย่างรอยสักค่อนข้างมากเลยทีเดียว จึงทำให้ร่างกายของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยสักมากมาย แถมรอยสักบนร่ากายของมิดฟิลด์หนุ่มคนนี้มันยังมีเรื่องราวอันน่าสนใจที่สะท้อนถึงตัวตนและความศรัทธาของเขาออกมาได้อย่างค่อนข้างมากเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละรอยสักของ เดเล่ อัลลี่ จะมีการบอกเล่าถึงเรื่องราวอะไรบ้างนั้น เอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยดีกว่า โดยรอยสักแรกของ เดเล่ อัลลี่ ที่เราจะมาพูดถึงกันนั่นก็คือ รอยสักที่เป็นรูปของเจ้าหนูแบมแบมรัมเบิ้ล จากการ์ตูนฮิตอย่างมนุษย์หินฟลิ้นท์สโตนส์ที่แขนซ้าย โดยที่มาของรอยสักนี้เจ้าตัวอย่าง เดเล่ อัลลี่ […]
รอยสักอันสวยงาม และ แสดงถึงความจงรักภักดีภายในหัวใจของเหล่าคริสเตียน
หัวใจของคนเรานั้นไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกันทุกคน โดยจิตใจของบางคนเองก็สามารถเปราะบางและแตกสลายได้ง่าย ๆ เหมือนกับแก้วที่ร่วงหล่นสู่พื้นเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดนั่นก็คือหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งหลาย ๆ คนเองก็มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแตกต่างกันไป แต่หากพูดถึงสิ่งที่เป็นศูนย์รวมทางจิตใจที่ไม่ว่าประเทศไหน ๆ ก็มีเหมือนกันก็คงจะหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า ศาสนา และแน่นอนว่านอนจากสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของทางศาสนาที่สามารถเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้แล้ว อีกหนึ่งวิธีการที่จะทำให้สิ่งที่เรียกว่าศาสนานั้นอยู่ติดตัวกับเราไปได้ตลอดนั้นก็คือ รอยสัก ซึ่งสำหรับบรรดาเหล่าคริสเตียนแล้วรอยสักที่เรียกว่าหัวใจที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นถือได้ว่าเป็นรอยสักที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของพวกเขา โดยรอยสักเหล่านั้นมันจะเป็นรอยสักที่จำลองมาจากประติมากรรม หน้าต่างกระจกสี หรือ เครื่องประดับต่าง ๆ ที่เราได้เห็นภายในโบสถ์ และสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก และ คริสเตียน สัญลักษณ์หัวใจศักดิ์สิทธิ์นั้นถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังของความรักที่ยั่งยืนของพระคริสต์ที่มีต่อมนุษยชาติ โดยหัวใจศักดิ์สิทธิ์นั้นตามปกติแล้วมันจะถูกสื่อสารผ่านออกมาในรูปแบบของหัวใจ ที่ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ นอกจากนั้นแล้วหัวใจดวงนั้นจะมีหนามลายล้อมเอาไว้ ส่วนบริเวณด้านข้างของรอยสักนั้นจะขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะดีไซน์ออกมายังไง แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะดีไซน์เพื่อสื่อถึงความหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสียสละของพระเยซู และ ความรักอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เหมาะแก่แรงศรัทธาของตัวผู้สักนั่นเอง ส่วนความหมายของรอยสักหัวใจรูปหัวใจศักดิ์สิทธิ์นั้นจะขึ้นอยู่กับผู้ที่สัก โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่สักมักจะเลือกให้สัญลักษณ์นี้เป็นเหมือนรอยสักที่ใช้ในการเชื่อมต่อความเชื่อของตัวเองกับพระคริสต์ หรือ พระแม่มารีย์ โดยเปลวไฟที่โผล่ออกมาจากรอยสักรูปหัวใจศักดิ์สิทธิ์จะเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความนิรันดร์และความเป็นอมตะของพระคริสต์ที่มีต่อมนุษย์ ส่วนในขณะเดียวกัน หนาม ดาบ และ เลือด นั้นจะเป็นสัญลักษณ์ของความเจ็บปวด และ ความทุกข์ทรมานที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ต่อการดำรงอยู่ทางโลกของพระคริสต์นั่นเอง ส่วนบริเวณหนามที่ล้อมรอบหัวใจอยู่นั้นก็สามารถที่จะสื่อความหมายอื่นได้เช่นกันโดยหนามธรรมดา ๆ ในรอยสักรูปหัวใจศักดิ์สิทธิ์นั้นจะมีความหมายสื่อถึงพระเยซู แต่ถ้าเป็นรอยสักหัวใจศักดิ์สิทธิ์ที่ล้อมรอบไปด้วยดอกลิลลี่ หรือ ดอกกุหลาบสีขาวนั้นจะถูกสื่อถึงหัวใจอันบริสุทธิ์ของพระแม่มารีย์ […]
เรื่องราวของการสัก และ จิตวิทยา
สำหรับนสังคมไทยของเราในปัจจุบันนี้เราน่าจะพอเห็นกันแล้วว่า ในปัจจุบันศิลปะบนเรือนร่างอย่างเช่นการสัก หรือ การเจาะนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ดูน่าเกลียด หรือต้องหลบ ๆ ซ่อนกันอีกต่อไปแล้ว เพราะในตอนนี้ทัศนคติหลาย ๆ คนต่อรอยสักนั้นได้เริ่มเปลี่ยนเนื่องจากมีการมองว่าศิลปะบนร่างกายอย่างรอยสักนั้นเป็นสิ่งสวยงาม โดยสิ่งที่สามารถพิสูจน์ถึงความเชื่อนี้ได้ดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นบรรดาเหล่านางแบบ หรือ อินฟูเลนเซอร์หลาย ๆ คนที่กล้าโพสต์โชว์รอยสัก หรือ การเจาะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลงบนโลกโซเชี่ยลให้บรรดาเหล่าคนที่ติดตามเธอได้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ นั่นเอง แถมในปัจจุบันบางคนเองก็ยังไม่ได้มีเพียงแค่รอยสักใต้ร่มผ้าอย่างเดียวแล้วอีกด้วย แต่ถ้าถามว่ายังมีคนอีกหลายคนอยู่ไหมที่ยังรู้มองว่าคนที่มีรอยสักนั้นเป็นคนไม่ดี เราก็ต้องตอบแบบตรง ๆ ว่าก็ยังมีอยู่เช่นกัน ซึ่งในครั้งนี้เราจะขอมาพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับทางด้านจิตวิทยากันซะหน่อยว่า การสัก หรือ การเจาะส่วนใด ส่วหนึ่งของร่างกายนั้น ทำไมมันถึงไปมีผลกระทบต่อความเชื่อเกี่ยวกับ พฤติกรรมความรุนแรง หรือ คดีอาชญากรรมมากมายขนาดนั้น โดยตามการวิเคราะห์ตามหลักจิตวิทยาแล้วยังมีหลาย ๆ คนที่มีความเชื่อว่าการที่คน ๆ นั้นมีรอยสักเท่ากับว่า คน ๆ นั้นเป็นคนที่กล้าทำร้ายตัวเองเนื่องจากในการสร้างรอยสักนั้นพวกเขาจะต้องโดนเข็มทิ่มลงไปบนเนื้อหนังของเขานั่นเอง ซึ่งในเชิงจิตเวชที่มีการศึกษากันมานั้นถือว่าความคิดของคนที่มองว่าคนมีรอยสักเป็นแบบนั้นไม่ผิด เพราะว่าการสัก และ การเจาะนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการทำร้านตัวเองในเชิงจิตเวชเช่นกัน แต่ทว่ามันจะถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่การทำร้ายตัวเองที่ไม่ได้อันตรายจนเกินไป และก็ยังไม่ได้นับว่าเป็นการทำร้ายตัวเองโดยตรง ซึ่งการใช้รอยสักในลักษณะนี้ทางจิตวิทยาจะมองว่าเป็นการการะทำเพื่อทำการลงโทษตัวเองจากความรู้สึกผิดต่าง ๆ หรือ บางทีก็ในฐานะที่เป็นตัวแทนในการบำบัดการกระทำรุนแรงไปโดยไม่รู้ตัว นอกจากนั้นแล้วทางจิตวิทยายังมองว่าการสัก หรือ […]
ศีรษะและรอยสักของชนเผ่าเมารีที่นำมาสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
อย่างที่หลาย ๆ คนได้เคยอ่านข่าวคราว หรือ บทความต่าง ๆ เกี่ยวกับรอยสักในเว็บไซต์ของเรา ซึ่งเราก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะพอรู้จักกันไปพอสมควรแล้วว่ารอยสักนั้นมีทั้งหมดกี่ประเภท และ แต่ละประเภทแป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งถ้าใครที่เพิ่งค้นหา หรือ มาเจอกับบทความนี้เป็นครั้งแรก และ ยังไม่รู้จักเกี่ยวกับประเภทของรอยสักเลยละก็ คุณสามารที่จะย้อนกลับไปเพื่อหาอ่านบทความเก่า ๆ ภายในเว็บไซต์ของเราได้เลย แต่ถ้าใครเคยอ่านมาแล้ว คุณเองก็น่าจะพอทราบกันมาแล้วว่าหนึ่งในรอยสักที่มีความเก่าแก่ทีสุดในโลกก็คงจะหนีไม่พ้นรอยสักประเภท Tribal หรือให้พูดเข้าใจง่าย ๆ นั่นก็คือ รอยสักประเภทชนเผ่าต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งรอยสักประเภทนี้นั้นจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่พื้นที่ ซึ่งชนเผ่าเหล่านั้นอาศัยอยู่ และในวันนี้เราจะมาพูดถึงอีกหนึ่งชนเผ่าที่มีรอยสัก และ ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์อย่างชนเผ่าที่เรียกตัวเองว่า ชนเผ่าเมารี ก่อนที่เราจะไปเริ่มต้นเรื่องราวของรอยสักของชนเผ่าเมารีกันนั้น อันดับแรกที่เราจะต้องทำความเข้าใจกันก่อนก็คือพวกเขาคือใคร โดยชนเผ่าเมารีเป็นชนเผ่าที่มีเชื้อสายโพลินีเซีย ซึ่งเป็นชนเผ่าดั่งเดิมที่ตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่บนหมู่เกาะนิซีแลนด์ โดยคาดว่าบรรพบุรษของพวกเขาได้เดินทางถึงเกาะเหนือ และ เกาะใต้ ของประเทศนิวซีแลนด์เมื่อราว ๆ ค.ศ. 800 ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้นี่เองที่เป็นการเดินทางค้นหาดินแดนครั้งสุดท้ายที่ชาวโพลิเนียค้นพบและเข้าครอบครอง แถมการค้นพบในครั้งนี้ยังเป็นการค้นพบดินแดนที่กว้างใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยครอบครองเลยอีกด้วย โดยชนเผ่าเมารีที่มาอาศัยอยู่บนเกาะนิวซีแลนด์ในตอนนั้นดำรงชีพด้วยการเก็บของป่า และ ล่าสัตว์ เพื่อบรรเทาความหิวโหยกันในช่วงแรก ๆ ซึ่งสัตว์ป่าที่เป็นอาหารหลักของพวกเขาในตอนนั้นก็คือ นกที่มีชื่อว่า […]
จุดเริ่มต้น และ วัฒนธรรมการสักของเกาหลี
เรื่องราวของประวัติศาสตร์ต่าง ๆ นั้นสิ่งแรกเลยที่ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ไหนก็มีเหมือนกันหมดนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของสิ่งนั้น ๆ ซึ่งรอยสักเองก็เช่นกัน เพราะว่ารอยสักแต่ละแบบ และ แต่ละประเทศนั้นก็มีเรื่องราวสำหรับการเริ่มต้น และ ประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างยาวนานแตกต่างกันกไป ซึ่งในเว็บไซจ์ของเรานั้นเราได้เคยพาหลาย ๆ คนไปพบกับเรื่องราวของรอยสักจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นกลุ่มโซนเอเชียเหมือนเรากันมาแล้ว แต่ในครั้งนี้เราขอพาทุก ๆ ไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งประเทศที่มีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของรอยสักที่น่าสนใจไม่แพ้กับรอยสักประเทศไหน ๆ เลย โดยประวัติศาสตร์ที่เราจะพูดกันถึงในครั้งนี้ก็คือ ประวัติรอยสักเกาหลี นั่นเอง โดยต้นกำเนิดของรอยสักเกาหลีถูกพบในครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษ์ที่ 2 หรือ ช่วง 4 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งตรงกับในยุคของสามฮั่นเกาหลี โดยเรื่องนั้นถูกบันทึกเอาไว้ผ่านนิทานพื้นบ้านที่มีความเกี่ยข้องกับรอยสัก แต่ถึงแบบนั้นเพราะกาลเวลามันจะทำให้บันทึกนั้นมีการเสื่อมสภาพและการฉีกขาดไป แต่หลังจากนั้นคำว่ารอยสักที่เขียนว่า 문신 ก็มีปรากฏขึ้นในวรรณกรรมต่าง ๆ ของเกาหลีอีกหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงมันยังปรากฏในพงศาวดารโครยอ ซึ่งในครั้งนี้มันไม่ได้เป็นเพียงนิทานพื้นบ้านแล้ว แต่มันยังไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของกฏหมาย แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวนั้นก็หายไปเนื่องจากอิทธิพลวัฒนธรรมจากภาคกลางของประเทศ และนั่นเองก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหนึ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เกาหลีถึงการสิ้นสุดของวัฒนธรรมการสักในยุคสามก๊กของประเทศเกาหลี หลังจากนั้นในยุคโกโจซอน ซึ่งเป็นยุค 108 ปีก่อนคริสตกาลนั้น เรื่องราวของรอยสักเกาหลีก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันปรากฏขึ้นมาในกฏข้อห้าม 8 ประการ โดยมันถูกบัญญัติไว้เป็น 1 ใน 8 แต่ถึงมันจะมีกฎในการห้ามสักก็ตามที แต่ทว่าในสมัยนั้นภาคใต้ของประเทศเกาหลีก็ยังมีประเพณีการสักตามธรรมเนียมอยู่ดี […]
ลายสักของ 3 ชนเผ่า ไทย และ ไต้หวัน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม
ในสังคมของยุคปัจจุบัน เรื่องราวของ รอยสัก หรือเรียกว่าเป็นทางการในภาษาอังกฤษว่า Tattoo นั้น ได้ถูกเปลี่ยนมุมมองจากอดีตไปมาก เพราะในปัจจุบันเรื่องราวของรอยสักได้เริ่มถูกพูดถึงไปในเชิงของสิ่งที่เป็นศิลปะ และ ความสวยงามในแบบเฉพาะตัวบุคคลกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว แต่ทว่าถ้าจะให้มาพูดถึงเรื่องในอดีตของ รอยสัก นั้น นอกจากที่เรื่องราวของมันจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวกับอาชญาหรือการกระทำผิดต่าง ๆ แล้ว จริง ๆ แล้วสิ่งทีเรียกว่ารอยสักยังมีความเกี่ยวข้องกับบรรดาเหล่าวัฒนธรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสังคมของหมู่บ้าน หรือ ชนเผ่า เพราะในสมัยร่างกายของมนุษย์เองก็ไม่ต่างอะไรกับฝาพนังที่มีเอาไว้สำหรับในการบันทึกเรื่องราว เพื่อเป็นการวสืบทอดต่อวัฒนธรรม และ ประวัติศษาสตร์ของกลุ่มและชนเผ่านั้น ๆ และเพราะวิธีนั้นนี่เองที่ทำให้ในปัจจุบันเรื่องหลายของหลาย ๆ ชนผ่าในโลกกับยังคงสืบทอดกันมาผ่านทางรอยสักที่อยู่บนร่างกายเหมือนดั่งเช่นคนรุ่นก่อนที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ซึ่งรอยสักในบางครั้งที่เราได้เห็นของชนเผ่าโบราณต่าง ๆ เรามักจะเห็นว่าพวกเขามักที่จะสักอยู่บริเวณแขน ขาด แถมลวดลายที่ถูกสักเหล่านั้น เราก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าลวดลายเหล่านั้นไม่ใช่การสักเพื่อความงดงามทางศิลปะ แต่ทว่าการที่จะเข้าใจรอยสักที่มีความเป็นมาและประวัติศาสตร์อันยาวนานแบบนี้บางทีก็ต้องอาศัยเวลา และ ประสบการณ์จากผู้บอกเล่าหลาย ๆ ถึงเรื่องราวของรอยสักนั้น และเพราะประวัตศาสตร์ซึ่งค่อนข้างยาวนานนี่เองจึงทำให้ทางมิวเซียมสยาม ได้ร่วมกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไต้หวัน และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ได้จักแสดงงานที่เป็นนิทรรศการขึ้นมา ซึ่งมันเป็นครั้แงรกของประเทศไทยเลยที่มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับเรื่องราวของรอยสัก โดยนิทรรศการในครั้งได้มีการเล่าถึงเรื่องราวของมรดกทางวัฒนธรรมผ่านศิลปะรอยสักบน่างกายของ 3 กลุ่ม ชาติพันธุ์ของ 2 ประเทศอย่าง ไทย […]